ในมหากาพย์มหาภารตะมีตัวละครอยู่มากมาย แต่ละตัวละครมีบุคลิกและนิสัยที่แตกต่างกันออกไป แต่จะมีตัวละครหนึ่งที่ถือว่าเป็นยอดของนักรบและเสนาบดีผู้ปฏิบัติหน้าที่จนถึงวาระสุดท้ายด้วยความซื่อสัตย์และจงรักภักดี นอกจากนี้ยังเป็นผู้เสียสละที่จะหาใครมาเปรียบได้ยากอีกด้วย
ตัวละครที่ว่านี้คือภีษมะ (Bhishma) แต่หัสตินาปุระ ชีวิตของเขาเป็นอย่างไรกันแน่ เรามาดูกันเลยครับ
ศันตะนุและ “คงคา”
ในจักรวาลมหาภารตะนั้นมีอาณาจักรอยู่แห่งหนึ่งชื่อว่าอาณาจักรกุรุ (Kuru Kingdom) ซึ่งมีเมืองหลวงตั้งอยู่ที่หัสตินาปุระ อาณาจักรแห่งนี้นั้นนักประวัติศาสตร์อินเดียเชื่อว่ามีอยู่จริง โดยเรืองอำนาจอยู่ทางตอนเหนือของอินเดียครับ
ราชาของอาณาจักรกุรุนั้นชื่อว่าศันตะนุ (Shantanu) มีอยู่วันหนึ่งราชาพระองค์นี้ได้ออกไปเสด็จประพาสริมแม่น้ำคงคา และได้พบเห็นหญิงสาวนางหนึ่งนั่งอยู่ริมแม่น้ำ พระองค์เห็นนางงดงามจับใจ ศันตะนุจึงขอให้นางยอมเป็นชายาของพระองค์
หญิงงามนางนั้นยินยอม แต่มีข้อแม้อยู่ข้อเดียวนั่นคือ ห้ามศันตะนุตั้งคำถามใดๆ กับการกระทำของนาง และถ้าเมื่อใดที่ศันตะนุทำไม่ได้ นางจะไปจากศันตะนุทันที
ด้วยความหลงใหลในตัวนาง ศันตะนุจึงตอบรับตามคำขอ หญิงงามนางนั้นจึงเข้าวังไปกับศันตะนุ และได้อภิเษกสมรสกับราชาแห่งหัสตินะปุระในฐานะพระมเหสี การแต่งงานดำเนินไปอย่างด้วยดี ภายในเวลาไม่นานนางก็ให้กำเนิดโอรสคนแรก
แต่ทันทีที่โอรสองค์น้อยถือกำเนิดขึ้น มเหสีผู้เป็นแม่ก็จับโอรสถ่วงน้ำเสียทันที ศันตะนุรู้สึกโศกเศร้าเสียใจมาก แต่ไม่อาจจะทำอันใดได้ เพราะพระองค์กลัวว่ามเหสีอันเป็นที่รักจะทอดทิ้งพระองค์ไป
เรื่องเป็นแบบนี้ถึง 7 ครั้งด้วยกัน รวมแล้วมเหสีของศันตะนุจับโอรสถ่วงน้ำไปถึง 7 คนด้วยกัน!
หลังจากนั้นนางก็ให้กำเนิดโอรสคนที่ 8 ศันตะนุที่ทนเห็นโอรสองค์นี้สิ้นชีวิตเพราะน้ำมือของมเหสีไม่ได้อีกแล้ว พระองค์จึงเสด็จไปยังที่แม่น้ำและหยุดยั้งไม่ให้มเหสีถ่วงน้ำโอรสที่เพิ่งลืมตาดูโลกได้ไม่นาน และถามถึงเหตุผลว่าทำไมนางถึงทำเช่นนั้น
มเหสีจึงเผยตัวตนว่าจริงๆแล้วนางคือเทพีแห่งแม่น้ำคงคา (Ganga หรือเจ้าแม่คงคานั่นแหละครับ) และสิ่งที่นางทำลงไปก็เพราะคำสาปที่อดีตชาติของศันตะนุได้รับมาจากพระพรหม
เรื่องมีอยู่ว่าชาติที่แล้วนั้น ศันตะนุได้เกิดเป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่และมีคุณธรรมชื่อว่ามหาภิษะ (Mahabhisha) หลังจากราชาพระองค์นี้สวรรคตแล้วก็ได้ขึ้นไปอยู่บนเทวโลกที่เหล่าเทวดาและทวยเทพกำลังเข้าเฝ้าพระพรหมอยู่ ปรากฏว่าจู่ๆ ก็มีลมอย่างแรงพัดมาจนทำให้เครื่องแต่งกายของเทพีคงคาปลิวไป เทวดาคนอื่นไม่กล้าแม้แต่ที่จะเหลือบตามอง มีแต่เพียงมหาภิษะเท่านั้นที่มองนางตาไม่กระพริบ
เมื่อพระพรหมเห็นเช่นนั้นจึงสาปมหาภิษะให้ไปเกิดเป็นมนุษย์ ส่วนเทพีคงคาที่ “รู้สึกยินดี” กับการกระทำของมหาภิษะก็ให้ไปเกิดเป็นมนุษย์เช่นเดียวกัน และจะกลับมาได้ก็ต่อเมื่อได้หักอกของมหาภิษะแล้วเท่านั้น
นอกจากนี้เทพีคงคาจึงให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่าโอรสทั้ง 7 องค์ที่สิ้นพระชนม์ไปนั้น ล้วนแต่เป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้า (วสุ) ที่ถูกสาปให้เกิดเป็นมนุษย์และมีชีวิตที่ตกระกำลำบากโดยฤาษีวสิษฐ (Vasishsha) เพราะไปขโมยวัวของฤาษี แต่เมื่อเหล่าเทพเจ้าไปวอนขอร้อง ฤาษีจึงแก้ไขคำสาปว่าจะพ้นเคราะห์ทันทีที่เกิดมา ดังนั้นในชาตินี้เทพีคงคาจึงช่วยเหลือให้พวกเขาพ้นจากร่างมนุษย์โดยเร็วด้วยการทำให้สิ้นชีพไปทันทีนั่นเอง
ส่วนโอรสคนที่ 8 นี้แม้ว่าจะเป็นเทพเจ้าแห่งท้องฟ้าเหมือนกัน แต่เขาก็ต่างกับคนอื่น เพราะเป็นตัวตั้งตัวตีในการไปขโมยวัว ดังนั้นเขาจึงถูกฤาษีสาปให้เป็นมนุษย์ที่มีอายุยืนนาน (ไม่ดีสำหรับเทพเจ้าเพราะต้องทรมานในโลกมนุษย์นานขึ้น) และต้องเป็นพรหมจรรย์ตลอดทั้งชีวิต แต่ก็ได้รับพรมาด้วยเช่นกันว่าจะเป็นคนมีคุณธรรมสูง เป็นลูกที่ดีของบิดา และเก่งกาจในเรื่องคัมภีร์พระเวท
หลังจากอธิบายจบ เทพีคงคาจึงได้บอกให้ศันตะนุว่าเนื่องจากเขาได้ผิดสัญญาที่ได้ให้ไว้แล้ว นางจะจากเขาไปพร้อมกับลูก แต่ในวันหนึ่ง นางจะนำโอรสผู้นี้มาคืนให้ เมื่อพูดจบนางและโอรสคนที่ 8 ก็หายลับไป
คืนสู่บิดา
เทพีคงคาได้ตั้งชื่อบุตรชายคนนี้ว่าเทวาวระตะ (Devavrata) และเมื่อเขาเติบโตขึ้น เทวาวระตะก็ได้รับการศึกษาจากเทพและฤาษี หลายพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปกครอง พระเวท จิตวิญญาณ การใช้อาวุธและทำสงคราม นอกจากนี้เขายังได้รับอาวุธเทพจากพระอินทร์อีกด้วย ทำให้เมื่อเรียนจบเทวาวระตะก็เติบโตเป็นหนุ่มแล้ว
สำหรับศันตะนุนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาหันไปประพฤติพรหมจรรย์และปกครองเมืองหัสตินาปุระด้วยคุณธรรม เมืองหัสตินาปุระจึงสงบสุขและรุ่งเรืองมาก ทำให้เมืองต่างๆ พากันมาสวามิภักดิ์ และยกให้ศันตะนุเป็นจักรพรรดิหรือราชาของราชาทั้งปวง
จนกระทั่งวันหนึ่งศันตะนุได้เดินทางมาที่แม่น้ำ และเห็นว่าแม่น้ำโดยรอบตื้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ ราชาผู้นี้จึงเร่งเข้าไปตรวจสอบสาเหตุและพบว่ามีนักรบผู้หนึ่งกำลังใช้อาวุธของเทพเจ้าสกัดไม่ให้น้ำไหลลงมาอยู่ นักรบคนนี้คือเทวาวระตะนั่นเอง
ศันตะนุนั้นจำเทวาวระตะไม่ได้ แต่เทวาวระตะจำบิดาได้ ชายหนุ่มจึงใช้เวทกำบังกายไม่ให้ศันตะนุเห็น ศันตะนุจึงเริ่มคิดได้ว่าชายผู้นี้อาจจะเป็นโอรสของตน พระองค์จึงร้องเรียกเทพีคงคาให้ปรากฏกายออกมา ทันใดนั้นนางจึงนำเทวาวระตะมาให้ศันตะนุได้รู้จัก ซึ่งศันตะนุก็ปลื้มปิติเป็นที่สุด และได้สถาปนาเทวาวระตะให้เป็นรัชทายาทของเมืองหัสตินาปุระทันที
ประชาชนในเมืองหัสตินาปุระนั้นรักรัชทายาทคนใหม่มาก เพราะเขาทั้งเก่งกาจและมีคุณธรรม และยังเป็นโอรสของเทพเจ้าอีกด้วย แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ารัชทายาทพระองค์นี้นั้นจะไม่มีโอกาสได้ขึ้นครองบัลลังก์ของหัสตินาปุระ
เรื่องจะดำเนินไปอย่างไร ติดตามต่อได้ในตอนหน้าครับ