ตำนานแม่ของฉันอยู่ในห้องนั้นนะ! เรื่องเล่าของห้องพักในโรงแรมที่หายไป

แม่ของฉันอยู่ในห้องนั้นนะ! เรื่องเล่าของห้องพักในโรงแรมที่หายไป

ในปี ค.ศ.1889 ได้มีสองแม่ลูกคู่หนึ่งชาวยุโรป (น่าจะเป็นชาวอังกฤษ) ทั้งสองเพิ่งเดินทางกลับมาจากอินเดีย เพื่อที่จะมาเข้าชมงานเวิลด์แฟร์ที่จัดขึ้นที่กรุงปารีส (Exposition Universelle) ทั้งสองได้เข้าเช็คอินที่โรงแรมแห่งหนึ่ง

โปสเตอร์เก่าแก่ของงานเวิลด์แฟร์ปี ค.ศ.1889

หลังจากที่เช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลูกสาวได้รีบพาแม่ของเธอไปที่ห้องพักอย่างรวดเร็ว เพราะว่าแม่ของเธอกำลังป่วยอยู่ อีกสักพักหนึ่ง เธอได้เรียกแพทย์มาที่ห้อง เนื่องจากเธอเห็นว่าอาการแม่ของเธอไม่ดีเลย

แพทย์ได้มาถึงและตรวจอาการแม่ของเธอ เขาได้ออกใบสั่งยาให้กับเธอ และให้เธอออกไปซื้อยาให้กับมารดา ด้วยความเป็นห่วง เธอรีบออกไปยังร้านขายยาทันที

แต่ด้วยความที่ปารีสกำลังอยู่ในระหว่างการจัดงาน ทำให้นักท่องเที่ยวมีจำนวนมหาศาล แต่เธอก็ไปที่ร้านขายยาได้ในที่สุด และซื้อยาตามที่หมอสั่งมาอย่างเรียบร้อย ถึงแม้จะใช้เวลาไปนานนับชั่วโมงก็ตาม

เธอเร่งรีบกลับมาที่โรงแรม และพยายามจะขึ้นไปยังห้องของเธอ แต่เธอกลับถูกพนักงานคนเดิมที่เช็คอินให้เธอห้ามเอาไว้ เขาหาว่าเธอเป็นคนนอกไม่มีสิทธิ์เข้ามาในโรงแรมแห่งนี้ เธอจึงบอกว่าเธอเป็นแขกของโรงแรม พนักงานจึงไปตรวจสอบดู แล้วเขาจึงกล่าวว่าเธอไม่มีชื่อพักในโรงแรมแห่งนี้

ไม่ว่าเธอจะยืนกรานอย่างไรก็ตาม พนักงานก็ยืนกรานว่าเธอไม่มีแขก เมื่อเธอบอกว่าพนักงานเคยเช็คอินให้เธอ เขากลับปฏิเสธ เมื่อเธอบอกหมายเลขห้องของเธอ พนักงานก็บอกว่าห้องนั้นว่างเปล่าไม่มีใครอยู่

เธอโกรธและตกตะลึงจนแทบเสียสติไป เธอตะโกนขึ้นมาว่า

จะเป็นไปได้อย่างไร แม่ของฉันอยู่ในห้องนั้นนะ!

ระหว่างนั้นเอง เธอพบกับแพทย์ที่สั่งให้เธอไปซื้อยา เธอรีบวิ่งไปหาเขาเพื่อที่จะให้ยืนยันตัวตนให้กับเธอ แพทย์กลับปฏิเสธว่า เขาไม่เคยพบกับเธอมาก่อนเลย

โรงแรมในสมัยศตวรรษที่ 19

สุดท้ายพนักงานจึงให้เธอพาไปที่ห้องที่เธอคิดว่าเป็นห้องของเธอ เธอรีบวิ่งขึ้นไปทันทีด้วยความเป็นห่วงแม่ เมื่อถึงห้องหมายเลขดังกล่าว พนักงานก็ไขกุญแจให้เธอเข้าไป

สิ่งที่เธอพบเห็นทำให้เธอตกตะลึง ในห้องของเธอไม่มีใครอยู่ ไม่มีแม่ของเธอ ห้องทั้งห้องยังเปลี่ยนรูปโฉมไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าไม่มีใครเคยอยู่ที่ห้องดังกล่าวในหลายชั่วโมงที่ผ่านมา

หญิงสาวแทบตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่เคยพบมารดาของเธออีกเลย บ้างว่าต่อมาเธอถูกส่งตัวไปอยู่ที่โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยทางจิต

ข้อเท็จจริง

อาจจะฟังดูเหมือนเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เรื่องน่าพิศวง แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย

เรื่องดังกล่าวมีการเล่าต่อไปว่า หลังจากแพทย์ได้ตรวจแม่ของเธอแล้ว เขาได้พบว่าเธอเป็นโรคระบาดร้ายแรง และกำลังจะเสียชีวิต เขาได้แจ้งให้ผู้บริหารโรงแรมทราบ พวกเขากังวลว่าแขกเหรื่อทั้งหลายจะเกรงกลัว

ดังนั้นเมื่อแม่ของเธอเสียชีวิตระหว่างที่เธอออกไปซื้อยา พวกเขาจึงนำศพออกไปฝังไว้อย่างมิดชิด หลังจากนั้นก็ทำความสะอาดห้องและปรับเปลี่ยนรูปแบบห้องให้ต่างจากเดิมโดยสิ้นเชิง พร้อมกับเตี๊ยมทุกคนว่าตัวแม่และลูกสาวไม่เคยมีตัวตน พอตัวลูกสาวกลับมา เธอจึงประสบกับเหตุการณ์ที่เหมือนว่าจะเป็นเหตุการณ์พิศวงเช่นนั้น

ทั้งนี้เรื่องนี้มีการเล่าหลายรูปแบบมาก และรายละเอียดอาจจะต่างกันออกไป แต่แก่นเรื่องคือประมาณที่ผมเล่าไปด้านบน

ทีนี้คือความน่าสนใจคือ เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่?

คำตอบคือ ไม่ ถึงแม้ว่าจะมีการเผยแพร่ว่าเป็นเรื่องจริงมาอย่างยาวนานก็ตาม

เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าลักษณะ Urban legend หรือตำนานที่พูดถึงกันเยอะ แต่ไม่มีมูลความจริง เรื่องนี้ไม่เคยมีหลักฐานใดๆ ว่าเกิดขึ้นจริง นอกจากนั้นนักประวัติศาสตร์ยังพบว่า เรื่องนี้น่าจะเกิดจากนักหนังสือพิมพ์หญิงคนหนึ่งไม่สามารถหาเรื่องมาใส่ให้เต็มหน้าหนังสือพิมพ์ได้ เธอจึงแต่งเรื่องนี้ขึ้นมาทั้งหมดเพื่อใส่ลงไปในหน้านั้น

สรุปคือ มันเป็นเรื่องแต่งเพื่อเรียกเรตติ้งนั่นเอง

ในลิงค์คือ รายการที่นำเรื่องดังกล่าวมาเป็นซีรีส์ตอนสั้น

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!