เมือง Cordoba (กอร์โดบา) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในดินแดน Andalusia ตอนใต้ของประเทศสเปน เมืองกอร์โดบาเป็นเมืองที่พิเศษมากๆ ทางด้านศิลปวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ เพราะเมืองแห่งนี้เคยปกครองโดยหลายชนชาติที่นับถือศาสนาที่ต่างกัน ทำให้สถาปัตยกรรมในเมืองหลากหลายไปด้วย
ในโพสนี้ ผมจะนำทุกคนไปรู้จักกับเมืองแห่งนี้และแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับถัดไปครับ
รู้จักกอร์โดบา (Cordoba)
กอร์โดบา (Cordoba) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดชื่อเดียวกัน และมีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ 12 ในประเทศสเปน ประชากรในเมืองมีอยู่ประมาณ 300,000 คนครับ
ประวัติของเมืองย้อนไปได้ถึงสมัยคาร์เธจ กล่าวคือเมื่อ Hamilcar Barca บิดาของ Hannibal ขุนศึกผู้เป็นมหาศัตรูของอาณาจักรโรมันได้ปกครองสเปน เขาได้สร้างเมืองขึ้นบริเวณปากแม่น้ำ Guadalquivir เมืองแห่งนี้ได้ชื่อว่า “Kart-Juba” หรือเมืองแห่ง Juba
เมื่อคาร์เธจพ่ายแพ้ในสงครามพิวนิกครั้งที่ 2 โรมได้เข้ามาปกครองเมืองแห่งนี้และเปลี่ยนชื่อจาก Kart Juba เป็น “Corduba” และได้รับสถานะเป็นเมืองหลวงของเขต Baetica เขตปกครองของโรมในดินแดนสเปน
การปกครองของโรมเหนือ Corduba ยาวนานถึงเกือบ 800 ปีจนกระทั่งพวกวิสิกอธพิชิตเมืองแห่งนี้ได้ช่วงปลายศตวรรษที่ 6 ร้อยกว่าปีต่อมาตัวเมืองก็ถูกกองทัพมุสลิมจากแอฟริกาพิชิตได้สำเร็จในช่วงต้นศตวรรษที่ 8
ราชวงศ์ Umayyad ได้สถาปนาเขตปกครองพิเศษใหม่ชื่อ Al-Andalus เพื่อปกครองดินแดนที่พิชิตได้ โดยกอร์โดบาได้รับสถานะเป็นเมืองหลวง นับตั้งแต่บัดนั้นตัวเมืองจึงเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีประชากรมากกว่า 200,000 คน สิ่งก่อสร้างอย่างเช่นมัสยิดถูกสร้างขึ้นมากมายภายในตัวเมือง
ในปี ค.ศ.912 ผู้ปกครองแห่ง Al-Andalus (เรียกว่า Emir) ได้สถาปนาตนเองเป็นกาหลิบเทียบเท่ากาหลิบแห่งราชวงศ์ Abbasid ที่ปกครองจักรวรรดิมุสลิมที่แบกแดด Al-Andalus หรือชื่อใหม่ “Caliphate of Cordoba” จึงกลายเป็นอาณาจักรอิสระ
ช่วงเวลานี้เป็นยุคทองของกอร์โดบาในฐานะเมืองหลวงและเมืองท่าที่มั่งคั่ง และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในไอบีเรีย พอค้ายุโรปคนใดที่ต้องการสินค้าระดับพรีเมียมไปขายสามารถหาทุกสิ่งได้จากเมืองนี้ เทคโนโลยีและการศึกษาของประชากรในเมืองก็ถือว่าล้ำหน้าที่สุดในยุโรปในเวลานั้นด้วย ทั่วทั้งยุโรปไม่มีห้องสมุดหรือมหาวิทยาลัยใดจะมีคุณภาพไปกว่าในเมืองกอร์โดบาอีกแล้ว
อย่างไรก็ดีหลังจากรัฐกาหลิบล่มสลายในศตวรรษที่ 11 ตัวเมืองเริ่มเสื่อมถอยในทุกๆ ด้าน จนสุดท้ายถูกกองทัพสเปนยึดครองได้ในสำเร็จในปี ค.ศ.1236 ช่วงเวลา 500 ปีเศษในการปกครองของชาวมุสลิมจึงจบสิ้นลงนับตั้งแต่บัดนั้น
ผู้ปกครองชาวสเปนไม่ได้พัฒนาเมืองแบบเดียวกับผู้ปกครองมุสลิมได้ทำ ดังนั้นจากหนึ่งในเมืองเอกของโลกที่มีประชากร 500,000 คนในช่วงศตวรรษที่ 10 Cordoba กลับเป็นเมืองที่มีประชากรไม่ถึง 20,000 คนในช่วงศตวรรษที่ 18 และไม่มีบทบาทใดๆ ในหน้าประวัติศาสตร์อีกเลย
ถึงกระนั้นตัวเมืองได้เริ่มฟื้นฟูขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะหลังจากที่องค์กร UNESCO ได้ประกาศให้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองมรดกโลก ความสนใจในตัวเมืองจึงหวนกลับมา เมืองได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศสเปนครับ
ไปเที่ยวกอร์โดบา (Cordoba) อย่างไรดี?
คุณสามารถไปเที่ยว Cordoba ควบคู่ไปกับเมืองสวยอื่นๆ ของสเปนได้ ไม่ว่าจะเป็น บาร์เซโลนา มาดริด หรือเกรนาดา ฯลฯ เพราะแต่ละเมืองมีการคมนาคมที่สะดวกสบายครับ อย่างถ้าคุณมาจากมาดริด การใช้รถไฟน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะเริ่มที่ 40 ยูโรเท่านั้น และคุณจะมาถึงเมืองในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงครับ
ถัดไปเราไปดูกันครับว่าตัวเมืองมีสถานที่ไหนบ้างที่คุณควรไปเที่ยวชมครับ
1. Puente Romano
Puente Romano หรือ Roman Bridge of Cordoba เป็นสะพานขนาดใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกอร์โดบา ประวัติความเป็นมาแ่ห่งนี้ย้อนไปได้ถึงสมัยที่อาณาจักรโรมันปกครองเมืองเมื่อสองพันกว่าปีก่อน ปัจจุบันตัวสะพานยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก คนทั่วไปยังใช้มันสัญจรข้ามแม่น้ำ Guadalquivir ครับ
ปลายสุดของสะพานด้านหนึ่งคือหอคอยชื่อว่า Calahorra Tower ป้อมปราการที่สร้างขึ้นในสมัย Al-Andalus เพื่อปกป้องเมืองจากผู้รุกราน ในปัจจุบันหอคอยแห่งนี้ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาโบราณวัตถุที่มาจากสมัย Al-Andalus ยุครุ่งเรืองของกอร์โดบาครับ
สำหรับแฟนๆ Game of Thrones สะพานแห่งนี้เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ด้วยนะครับ นั่นคือ “The Long Bridge of Volantis” นั่นเอง
2. Mezquita
Mezquita หรือ Mesquita-Catedral de Cordoba เป็นอดีตมัสยิดขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นในสมัยที่กอร์โดบาเป็นเมืองหลวงของรัฐกาหลิบ แต่ในเวลาต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นมหาวิหารในศาสนาคริสต์
ภายในอาคารแห่งนี้มีห้องซึ่งมีเสาโค้งสีแดงสลับขาวหลายร้อยต้น (เรียกว่า Puerta de las Palmas) ในสมัยที่ชาวมุสลิมปกครองเมือง ผู้มาเยือนทุกคนจะทำละหมาดที่นี่ครับ ทั้งนี้ชาวมัวร์ในสมัยนั้นได้สร้างมัสยิดแห่งนี้โดยใช้วัสดุก่อสร้างจากวิหารโรมันโบราณ ถ้าสังเกตที่ตัวเสาดีๆ คุณจะยังเห็นลักษณะของสถาปัตยกรรมโรมันปรากฏอยู่ครับ
จุดที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของมัสยิดคือ Mihrab หรือส่วนหนึ่งของมัสยิดที่จะชี้ให้ชาวมุสลิมเห็นว่าเมกกะตั้งอยู่ตรงไหน พวกเขาจะได้หันหน้าไปทุกทิศเมื่อละหมาด ซึ่ง mihrab ของที่นี่ถูกสร้างและตบแต่งอย่างตระการตามาก ชนิดที่ว่าไม่มีมัสยิดใดในสเปนและแอฟริกาตะวันตกมาเทียบได้เลยครับ
นอกจากนี้ภายในอาคารยังมีโบสถ์ย่อยในศาสนาคริสต์ที่สวยงามตั้งอยู่ด้วย เช่น Capilla Sagrario หรือ Capilla Mayor ซึ่งสวยงามไม่แพ้สถาปัตยกรรมมุสลิมในอาคารเดียวกันเลยครับ
3. Alcázar de los Reyes Cristianos
ไม่ไกลจากสะพานโรมันมีวังเก่าแก่ชื่อ Alcázar de los Reyes Cristianos ตั้งอยู่ สถานที่แห่งนี้เป็นที่พำนักของกาหลิบแห่งกอร์โดบาก่อนที่ตัวเมืองจะเสียให้กับชาวคริสต์ในศตวรรษที่ 13
ในปัจจุบันพระราชวังยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างมุสลิมที่สมบูรณ์ที่สุดในสเปน กำแพง ป้อมปราการ และตัววังที่เป็นแบบมัวร์ยังคงสวยงามเหมือนในอดีต แต่ที่โดดเด่นที่สุดเหมือนจะเป็นสวนที่สร้างขึ้นในสไตล์อาหรับ ซึ่งมีสระน้ำ น้ำพุ ดอกไม้และต้นไม้จัดเรียงไว้อย่างงามตาครับ
ภายในพระราชวังจัดแสดงโบราณวัตถุเก่าแก่ไว้เป็นจำนวนมาก ถ้าใครสนใจในประวัติศาสตร์ของเมืองแห่งนี้สามารถเข้าไปชมได้ครับ
4. Festival de los patios
ชาวเมืองกอร์โดบาล้วนแต่คลั่งไคล้ในการจัดสวน และการจัดดอกไม้ต่างๆ มาก ดังนั้นในแต่ละปีในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม พวกเขาจะแข่งกันจัดบริเวณ patio (พื้นที่ว่างนอกบ้าน) ให้ออกมาสวยที่สุด
ทั้งนี้คุณสามารถไปชมสวนแหล่านี้ได้หลายจุดด้วยกัน เช่นบริเวณย่าน Alcazar Viejo district หรือ Calleja de las Flores ใน Old Jewish Quarter ครับ
5. Old Jewish Quarter
Old Jewish Quarter เป็นย่านที่ชาวยิวอาศัยในเมืองกอร์โดบามานานนับพันปีแล้ว บริเวณนี้จะมีสิ่งก่อสร้างสีขาวที่สวยงามหลายหลัง เช่นเดียวกับโตรกแคบๆ ที่น่าเดินและถ่ายรูป ทั้งนี้ในช่วงฤดูร้อน ชาวเมืองมักจะแขวนกระถางดอกไม้ไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้บริเวณนี้โรแมนติกสุดๆ ไปเลยครับ
ตรงกลางของบริเวณนี้มี synagogue หรือวิหารของชาวยิวตั้งอยู่ ตัววิหารมีอายุมากกว่า 500 ปี และยังคงงดงามเหมือนกับครั้งอดีตครับ
6. Palacio de los Marqueses de Viana
Palacio de los Marqueses de Viana เป็นวังของชนชั้นสูงตระกูล Viana ตัววังตบแต่งด้วยศิลปะแบบ Andalusia ของชาวมุสลิม ภายในตัววังก็ถือว่าสวยงาม แต่ความโดดเด่นของที่นี่เหมือนจะเป็นสวนเสียมากกว่า
ภายในสวนมีต้นไม้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นต้นที่ให้ดอกไม้สีสันสวยงามนานาชนิด หรือต้นส้มและต้นที่ให้ผลไม้อื่นๆ และยังมีน้ำพุที่ทำให้บรรยากาศสดชื่น เช่นเดียวกับทางเดินที่เก่าแก่และวิจิตรตระการตาด้วยครับ ที่นี่จึงเป็น patio ระดับต้นๆ ของเมืองเลยก็ว่าได้
7. Museums
ถ้าคุณเดินทางมาเมืองที่เก่าแก่ขนาดนี้ การไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์จึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างยิ่ง ภายในเมือง Cordoba มีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจหลายแห่งได้แก่
- Museo Arqueológico de Córdoba – พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมโบราณวัตถุสำคัญในประวัติศาสตร์สเปนไว้อย่างมากมาย โดยเฉพาะโบราณวัตถุที่มีที่มาจากสมัยที่ชาวมุสลิมปกครองสเปนครับ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีโรงละครโรมันโบราณให้คุณได้ชมด้วย
- Museo de Bellas Artes – พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมผลงานของจิตรกรขาวสเปนสมัยศตวรรษที่ 15-19
8. สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ
ถ้าคุณยังเหลือเวลาในเมืองคอร์โดบา ผมแนะนำให้เดินทางไปเที่ยวสถานที่เหล่านี้ครับ
- Jardín Botánico de Córdoba – สวนพฤษภศาสตร์ที่มีดอกไม้อันสวยงามมากมาย
- Iglesia de San Lorenzo – โบสถ์เก่าแก่สมัยศตวรรษที่ 13 ที่ถูกเปลี่ยนมาจากมัสยิดของชาวมัวร์ที่ครอบครองเมืองก่อนหน้านั้น
- Iglesia de San Miguel – หนึ่งในโบสถ์ที่สร้างขึ้นหลังจากที่ชาวคริสต์ตีเมืองกลับคืนมาได้สำเร็จ ตัวโบสถ์ใช้วัสดุก่อสร้างจากมัสยิดและวิหารโรมันที่ตั้งอยู่ก่อนหน้านั้นครับ
- Madinat al-Zahra – วังเก่าแก่ของกาหลิบที่มอบให้กับชายาสุดที่รัก และเชื่อว่าในสมัยที่สร้างเสร็จสามารถจุคนได้ถึง 30,000 คน แต่ตัววังได้รับความเสียหายยับเยินจากไฟสงครามในช่วงยุคกลาง ทำให้เหลือแต่เศษซากของความยิ่งใหญ่แต่ก่อน ปัจจุบันตัววังตั้งห่างไปจากตัวเมือง Cordoba ไม่ไกลนัก คุณสามารถเดินทางไปชมได้ครับ