ถ้าพูดถึง “บาร์เซโลนา” (Barcelona) ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนมากน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่ติดตามฟุตบอล เพราะไม่กี่ปีที่ผ่านมาทีมฟุตบอลบาร์เซโลนา (FC Barcelona) หรือ “บาร์ซ่า” (Barca) เป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
อย่างไรก็ดีชื่อ “บาร์เซโลนา” เป็นชื่อของเมืองในทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสเปนด้วย บาร์เซโลนาเป็นเมืองหลวงของแคว้น Catalonia แคว้นที่มีภาษาและวัฒนธรรมอันโดดเด่นเป็นของตนเอง ทำให้ชาว Catalonia มีแนวคิดจะแยกตัวออกจากสเปนอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังไม่ได้แยกมาจนถึงปัจจุบัน
ในโพสนี้ผมจะเล่าประวัติของเมืองอย่างคร่าวๆ และชี้เป้าว่าเมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้างครับ

ประวัติบาร์เซโลนาโดยย่อ
ในปัจจุบันเรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าบาร์เซโลนา (Barcelona) มีอายุเท่าไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือนักประวัติศาสตร์พบโบราณวัตถุและซากสถานที่อยู่อาศัยของมนุษย์ที่มีอายุตั้งแต่ 5000 BC (5,000 ปีก่อนคริสตกาล)
ตำนานกำเนิดเมืองบาร์เซโลนามีสองรูปแบบนั่นคือ แบบแรก เฮอร์คิวลิสและเฮอร์มีส วีรบุรุษและเทพเจ้าในตำนานกรีกเป็นผู้สร้างเมืองบาร์เซโลนา ส่วนอีกตำนานหนึ่งคือตระกูล Barca ของฮันนิบาล (Hannibal) มหาศัตรูแห่งโรมเป็นผู้สร้างเมืองระหว่างที่คาร์เธจปกครองสเปน
ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าความเชื่อที่สองเป็นจริงหรือเท็จ แต่เราค่อนข้างชัวร์ว่าความเชื่อแรกเป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ดีภายในเมืองบาร์เซโลนามีรูปปั้นของเฮอร์มีสอยู่เต็มไปหมดเลยครับ
บาร์เซโลนาเป็นที่กล่าวถึงครั้งแรกในหลักฐานโรมันในช่วงปี 15 BC ในฐานะเมืองโรมันเมืองหนึ่งซึ่งเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ทุกวันนี้เรายังเห็นสถาปัตยกรรมโรมันหลายแห่งตั้งอยู่ในเมือง อย่างไรก็ดีตัวเมืองถูกพวกวิสิกอธ (พวกเดียวกับที่ปล้นสะดมกรุงโรม) พิชิตในช่วงศตวรรษที่ 5 และได้สถาปนาให้บาร์เซโลนาเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร
ตัวเมืองถูกพิชิตอีกครั้งหนึ่งในช่วงศตวรรษที่ 8 โดยชาวอาหรับ แต่ชาวคริสต์ตีชิงเมืองกลับมาได้ในปี ค.ศ.801 และได้สถาปนาบาร์เซโลนาเป็นนครรัฐที่ปกครองตนเองขึ้น นครรัฐบาร์เซโลนาขยายดินแดนในการปกครองออกไปจนครอบคลุมดินแดน Catalonia ทั้งหมด ทำให้ความรุ่งเรืองของเมืองเพิ่มพูนตามไปด้วย
ในปี ค.ศ.1137 เคานต์แห่งบาร์เซโลนาได้แต่งงานกับราชินีแห่งเอรากอน (Aragon) ทำให้เอรากอนผนวกดินแดนของบาร์เซโลนาเป็นดินแดนผืนเดียวกัน เมื่อบุตรชายของทั้งสองขึ้นครองบัลลังก์

ผ่านไปอีกสามศตวรรษ เฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งเอรากอนได้แต่งงานกับราชินีอิสซาเบลลาแห่งแคสตีล ดินแดนของเอรากอนและแคสตีลจึงรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในนามอาณาจักรสเปน การรวมประเทศทำให้ชาวบาร์เซโลนาไม่พอใจเท่าไรนัก หลังจากนั้นการกบฏเพื่อแยกตัวออกจากสเปนจึงมีอยู่ตลอด แม้ว่าจะเข้าสู่ยุคศตวรรษที่ 20 แล้วก็ตาม
ช่วงศตวรรษที่ 20 เป็นช่วงแห่งความวุ่นวายของเมืองบาร์เซโลนา เพราะนายพลฟรังโกได้ปราบปรามชาวเมืองบาร์เซโลนาและชาว Catalonia อย่างรุนแรงด้วยการห้ามไม่ให้ใช้ภาษา Catalonia และล้มเลิกการปกครองตนเองของดินแดนแถบนี้ ชาวบาร์เซโลนาต้องทนอีกหลายทศวรรษจนกระทั่งปี ค.ศ.1975 พวกเขาถึงจะได้สิทธิเสรีภาพกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ปัจจุบันกระแสเรียกร้องประเทศ Catalonia ในเมืองยังคงอยู่ แม้ว่าจะมีปัญหาทางการเมืองมานาน แต่บาร์เซโลนากลับเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจเป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป และยังมีความโดดเด่นทางด้านวัฒนธรรม กีฬา ศิลปะ เทคโนโลยีและอื่นๆ อีกมากมายด้วย
ถัดไปเรามาดูดีกว่าครับว่าเมืองนี้มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง
1. Basilica de la Sagrada Familia
Basilica de la Sagrada Familia เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองบาร์เซโลนา ตัววิหารมีเสาสีน้ำตาลจำนวน 18 ต้นที่สูงกว่าสิ่งก่อสร้างใดๆโดยรอบ

ตัววิหารเริ่มสร้างในปี ค.ศ.1883 และมีการคาดหมายว่าจะเสร็จสิ้นในเวลา 10-15 ปี แต่ทำไปทำมาปัจจุบันมหาวิหารก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เสียที ทุกวันนี้ชาวเมืองก็ยังไม่มีใครทราบว่าวันใดวิหารนี้จะเสร็จ
แม้ว่ามหาวิหารจะยังสร้างไม่เสร็จ แต่คุณสามารถเข้าชมสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่อลังการทั้งจากด้านนอกและด้านในได้ บริเวณทางเข้าคุณจะเห็นรูปปั้นที่สร้างขึ้นอย่างวิจิตรเพื่อแสดงถึงการทรมาน การสิ้นชีวิต และการฟื้นคืนชีพของพระเยซูคริสต์
ส่วนด้านในคุณจะเห็นหน้าต่างสีสวยๆ มากมายที่นำพาแสงแดดเข้ามาด้านในมหาวิหาร รวมไปถึงความใหญ่โตโอฬารของบริเวณตัววิหารที่มีเสานับสิบเรียงรายกันไปเป็นทางยาวครับ
อย่างไรก็ดีถ้าคุณจะมาเที่ยวที่นี่ ทำใจไว้เลยว่าคิวอาจจะยาวมากๆ เพราะฉะนั้นควรจะจองตั๋วล่วงหน้า ไว้ก่อนเลยครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง metro สาย L2 หรือ L5 และลงสถานี Sagrada Familia ค่าเข้าทั่วไปอยู่ที่ 20 ยูโร แต่ถ้าจะขึ้นหอคอยด้วยอยู่ที่ 33 ยูโรครับ
2. Camp Nou
Camp Nou เป็นสนามเหย้าของทีม FC Barcelona ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ตัวสนามมีที่นั่งถึง 99,354 ที่นั่ง ทำให้เป็นสนามฟุตบอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป และใหญ่เป็นที่สองของโลก

คุณสามารถเข้าชมบรรยากาศและพิพิธภัณฑ์ภายในสนามได้ แต่ประสบการณ์ที่ได้คงจะสู้การได้ชมเกมฟุตบอลจริงๆในสนามแห่งนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะเกมเอล กลาซิโก้ที่เป็นการฟาดแข้งระหว่าง เรอัล มาดริด (Real Madrid) และ FC Barcelona สองทีมคู่แค้นตลอดกาลแห่งวงการฟุตบอลสเปน ดังนั้นถ้ามีคุณมีเวลา คุณควรจะหาโอกาสเข้าไปชมเกมสักครั้งหนึ่งครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง metro สาย L5 และลงสถานี Collblanc ค่าเข้าทั่วไปอยู่ที่ 28 ยูโรครับ
3. The Gothic Quarter
The Gothic Quarter หรือ Barri Gòtic เป็นศูนย์กลางของเมืองบาร์เซโลนามาตั้งแต่สมัยโรมัน ประวัติศาสตร์ของ้เมืองมากมายถูกเขียนขึ้นที่นี่ อย่างเช่นคริสโตเฟอร์ โคลัมบัสได้รับการต้อนรับหลังจากกลับมาจากทวีปอเมริกา ณ ที่แห่งนี้

ในที่แห่งนี้ เมื่อคุณเดินไปตามถนนที่ปูไปด้วยหิน ดวงตาของคุณจะมองเห็นสิ่งก่อสร้างหลายแห่งที่มีประวัติยาวนานถึงยุคโรมันหรือยุคกลาง ขณะเดียวกันหูของคุณจะฟังเสียงกีตาร์ที่เล่นโดยชาวพื้นเมืองคลอไปด้วย ทำให้บรรยากาศดีสุดๆ ไปเลยครับ หรือคุณอาจจะนั่งพักจิบกาแฟหรือลองชิมอาหารสเปนแบบต้นตำหรับมีขายอยู่ทั่วไปในย่านนี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ไฮไลท์ของบริเวณนี้คือ Barcelona Cathedral หรือ Cathedral de Santa Eulalia มหาวิหารทรงโกธิคที่อายุเกือบ 700 ปี และเป็นที่พำนักของอาร์คบิชอฟของเมืองด้วยครับ
สำหรับสายช็อป ย่านนี้มีร้านของเล็กๆ อยู่หลายร้านที่คุณสามารถหาซื้อของฝาก หรือเดินดูสินค้าต่างๆ ได้ครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง metro สาย L3 ลงสถานี Liceu หรือสาย L4 ลง Jaume I

4. La Pedrera
La Pedrera หรือ Casa Mila เป็นอาคารทรงสวยที่เป็นผลงานของ Antoni Gaudi สถาปนิกนามกระเดื่องแห่งคาตาลัน รูปร่างของอาคารแห่งนี้นั้นดูแปลกตาราวกับว่าเป็นเมืองถ้ำแต่ก็สวยงามไปอีกแบบหนึ่ง
ภายในอาคารเป็นศูนย์วัฒนธรรมที่จัดกิจกรรมมากมายตลอดทั้งปี ดังนั้นคุณจึงสามารถเข้าไปชมด้านในได้ แต่ที่เป็นไฮไลท์คือ คุณควรขึ้นไปที่หลังคาของอาคารแห่งนี้เพื่อชมวิวของเมืองบาร์เซโลนา ซึ่งคุณจะสามารถมองเห็น Basilica de la Sagrada Familia ด้วยครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย L3 หรือ L5 และลงสถานี Diagonal ค่าเข้าอยู่ที่ 25 ยูโรครับ
5. Palau de la Música Catalana
Palau de la Música Catalana หรือ Palace of Catalan Music เป็นสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างเป็นสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต โดยเสร็จสิ้นในช่วงปี ค.ศ.1908 ตัวอาคารมีสีสันสดสวย และแสดงให้ถึงความงามตามสไตล์คาตาลันได้อย่างดียิ่ง

ด้านในของอาคารแห่งนี้สวยไม่แพ้ข้างนอก เนื่องจากมีหน้าต่างบานใหญ่มากมายทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่ต้องเปิดดวงไฟใดๆ เลย บนเพดานเองก็ตบแต่งอย่างอลังการราวกับว่าเป็นท้องฟ้าที่รายรอบดวงอาทิตย์อยู่ แค่มาชมบรรยากาศแบบนี้ไม่ต้องชมคอนเสิร์ตก็คุ้มแล้วละครับ

ตัวอาคารจัดว่าใหญ่ทีเดียวเพราะจุคนได้มากถึง 2,200 คน แต่ในการเข้าชมมีโอกาสต้องรอคิวเหมือนกันครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ: นั่ง metro สาย L4 ลงสถานี Urqinaona ส่วนค่าเข้าอยู่ที่ 20 ยูโรครับ

6. La Rambla
La Rambla เป็นถนนคนเดินที่เป็นสถานที่นัดพบสำคัญในเมืองบาร์เซโลนา ชาวเมืองตลอดจนนักท่องเที่ยวทั่วไปต่างมานั่งดื่มกาแฟ รับประทานอาหาร เดินเล่น ช็อปปิ้ง ณ ถนนแห่งนี้ นอกจากนี้ที่ถนนแห่งนี้ยังมีการแสดงหลากหลายรูปแบบที่คุณสามารถดูได้ตามท้องถนนได้ ดังนั้นถ้าคุณต้องการสัมผัสบรรยากาศบาร์เซโลนาแบบแท้ๆ คุณไม่ควรพลาดที่จะมาชมถนนแห่งนี้เลยครับ

อย่างไรก็ดีถนนแห่งนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน ได้แก่
- Plaça Reial จัตุรัสที่ล้อมรอบไปด้วยอาคารสีเหลืองและต้นปาล์ม ตรงกลางของจัตุรัสมีน้ำพุขนาดใหญ่และสวยงามชื่อ Fountain of the Three Graces ตั้งอยู่ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ชาวเมืองบาร์เซโลนานิยมมาปลีกวิเวก นั่งคุย หรือพักผ่อนกัน นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่และร้านอาหารสเปนชั้นเยี่ยมอีกหลายร้านด้วย
- Palau Güell แมนชั่นที่ออกแบบและสร้างโดย Antoni Gaudi คนเดิมทั้งหลัง ไม่ว่าจะเป็นด้านนอกหรือเฟอร์นิเจอร์ด้านใน
วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย L3 ลงสถานี Drassanes , Liceu หรือ Catalunya ก็ได้ เช่นเดียวกับ metro สาย L1 ที่ลง Catalunya ก็ได้เช่นเดียวกัน
7. Park Güell
Park Güell สวนสไตล์ surreal ที่ออกแบบและสร้างโดย Antoni Gaudi คนเดิม โดยสร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1914 รูปแบบของสถาปัตยกรรมก็อย่างรูปด้านล่างเลยครับ มีเสาลักษณะเหมือนถ้ำ (อีกแล้ว) ซึ่งเจ้านี่เป็นเหมือนลายเซ็นของเขาเลยก็ว่าได้ครับ

ตัว Gaudi รักบริเวณนี้มาก ซึ่งบ้านของเขาก็อยู่บริเวณนี้ด้วยครับ บ้านของเขามีชื่อว่า Casa Museu Gaudi ซึ่งคุณสามารถไปชมได้เช่นกัน
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง metro สาย L3 ลงสถานี Lesseps ค่าเข้าอยู่ที่ 10 ยูโรครับ
8. Barcelona Magic Fountain of Montjuïc
Barcelona Magic Fountain of Montjuïc เป็นน้ำพุขนาดใหญ่สไตล์ Art Deco ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีแล้ว ในช่วงกลางคืนจะมีโชว์แสงสีเสียงที่น้ำพุแห่งนี้ ซึ่งผมบอกได้เลยว่าอลังการงานสร้างสุดๆ ถ้ามาถึงบาร์เซโลนาแล้วไม่ควรพลาดอย่างยิ่งเลยครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย L1 หรือ L3 ลง Plaça España
9. Casa Batlló
Casa Batlló เป็นอีกหนึ่งผลงานของ Gaudi สถาปนิกที่ผมได้กล่าวถึงไม่รู้กี่ครั้งแล้วในโพสนี้ ตัวอาคารแห่งนี้เป็นแมนชั่นที่สร้างขึ้นตามสไตล์ modernist เพื่อใช้เป็นแมนชั่นของนักธุรกิจคนหนึ่ง แต่ด้วยผลงานของ Gaudi ทำให้มันดูเหมือนกับด้านหน้าของปราสาทในเทพนิยายขนาดย่อม
Gaudi ยังเป็นผู้ออกแบบด้านในตัวอาคารด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณควรจะเข้าไปชมด้านในครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย L3 หรือ L4 ลงสถานี Passeig de Gràcia ส่วนค่าเข้าชมอยู่ที่ 29 ยูโรครับ
10. Castell de Montjuïc
Castell de Montjuïc หรือปราสาท Montjuïc ปราสาทเก่าแก่สมัยศตวรรษที่ 17 ที่ใช้เป็นแนวป้องกันเมืองบาร์เซโลนามาหลายร้อยปีแล้ว และยังมีปืนใหญ่ประจำการอยู่ด้วย ตัวปราสาทตั้งอยู่บน Montjuïc Hill ซึ่งเป็นภูเขาที่อยู่ใกล้กับเมืองบาร์เซโลนา ทั้งนี้คำว่า Montjuïc มีความหมายว่ายอดเขาของชาวยิว น่าจะเพราะบนยอดเขานี้มีสุสานเก่าแก่ของชาวยิวตั้งอยู่

นอกจากนี้ถ้าคุณขึ้นไปด้านบนปราสาท คุณจะเห็นวิวมุมสูงรอบด้านแบบพาโนรามาเลยครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ นั่ง metro สาย L3 ลงสถานี Paral.lel หลังจากนั้นขึ้นรถไฟพิเศษชื่อ Funicular de Montjuïc เพื่อขึ้นไปต่อรถเคเบิลคาร์อีกทีหนึ่งครับ ค่าเข้าชม
11. Palau Nacional
Palau Nacional เป็นอาคารขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นอย่างหรูหราอลังการตามสไตล์ Spanish Renaissance และเคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดงาน Expo 1929 มาแล้ว ในปัจจุบันมันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษางานศิลปะและโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าของเมืองบาร์เซโลนาและชาว Catalonia

วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือ: นั่ง metro สาย L1 หรือ L3 ลงสถานี España ค่าเข้าชมอยู่ที่ 12 ยูโรครับ
12. Monestir de Pedralbes
Monestir de Pedralbes เป็นอารามในศาสนาคริสต์ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ตัวอาคารในอารามล้วนแต่สร้างขึ้นด้วยศิลปะคาตาลันแบบโกธิคของยุคกลาง ทำให้มีความสวยงาม แปลกตา และหาชมที่อื่นได้ยากมาก นอกจากนี้ภายในอารามยังมีพิพิธภัณฑ์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของแม่ชีในสมัยศตวรรษที่ 14 ด้วยครับ

ด้วยความที่อารามแห่งนี้ตั้งอยู่ในสวน ทำให้ธรรมชาติโดยรอบสดชื่น และเงียบสงบดีมาก เหมาะแก่การมานั่งชิวๆ สบายๆ ครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุด นั่ง metro สาย L3 ลงสถานี Maria Cristina หรือ Palau Reial ค่าเข้าอยู่ที่ 5 ยูโรครับ
ส่งท้าย
นอกเหนือจากสถานที่ 12 แห่งนี้แล้ว บาร์เซโลนายังมีสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่งด้วยกัน อาทิเช่น
- Barceloneta ถนนเลียบชายหาดริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สวยงามของเมือง
- Quadrat d’Or ย่านในเมืองบาร์เซโลนาที่มีอาคารที่สร้างโดยสถาปัตยกรรม modernist อันงดงามยิ่ง
- Picasso Museum พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ่ที่ปิกัสโซ่เป็นผู้สร้างมันขึ้นมาเอง
เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเข้าสถานที่ต่างๆ ค่อนข้างสูง ทำให้ผมแนะนำให้ใช้ Barcelona Card ในการลดค่าใช้จ่ายลงครับ
สำหรับการเดินทางระหว่างเมืองต่างๆ ในสเปน ผมแนะนำให้ใช้เว็บไซต์ Omio เพราะเว็บนี้จะช่วยคุณทั้งตรวจเช็ครอบเวลาการเดินทาง, เปรียบเทียบราคา รวมไปถึงจองตั๋วครับ ทำให้สะดวกสบายมากๆ ไม่ต้องหาข้อมูลจากหลายเว็บไซต์ครับ
[sc name=”travelthai” ][/sc]