ท่องเที่ยว17 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของ "ไอซ์แลนด์" ที่สวยสุดๆ

17 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติของ “ไอซ์แลนด์” ที่สวยสุดๆ

ไอซ์แลนด์ (Iceland) เป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นเกาะภูเขาไฟแยกออกมาจากผืนทวีปใหญ่ของยุโรป และเป็นหนึ่งในประเทศที่ตั้งอยู่เหนือสุดของโลก อย่างไรก็ดีไอซ์แลนด์กลับไม่ได้หนาวเหน็บเหมือนกับชื่อ เพราะความร้อนจากใต้พิภพทำให้ไอซ์แลนด์อบอุ่นไม่แพ้ประเทศที่ตั้งอยู่ในผืนทวีปหลักครับ

ประเทศแห่งนี้เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟ ธารน้ำแข็ง สระน้ำร้อน น้ำพุร้อน น้ำตก หรือแม้กระทั่งหาดทรายสีดำ ไอซ์แลนด์จึงเปรียบเหมือนกับดินแดนในเทพนิยายก็ไม่ปานครับ หลายแห่งที่ผมจะกล่าวถึงต่างเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์อย่าง Game of Thrones มาแล้วครับ

ในโพสนี้ เราจะมาดูกันครับว่าประเทศไอซ์แลนด์มีสถานที่ท่องเที่ยวใดน่าไปเยือนบ้าง?

น้ำตก Godafoss Image by Susanne Stöckli from Pixabay

การเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ในไอซ์แลนด์

เนื่องจากประเทศไอซ์แลนด์มีสถานที่สวยๆ ให้ไปเยี่ยมเยือนจำนวนมาก (อย่างในโพสนี้ก็ 17 แห่งแล้ว) ดังนั้นถ้าจะให้เที่ยวให้ครบถ้วนจริงๆ การไปขับรถเที่ยวเอง (Self-Drive) น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ

ถ้าคุณสนใจที่ขับรถเที่ยวเอง ผมแนะนำให้คุณใช้เว็บไซต์/แอพ Roadtrippers ครับ เพราะใช้วางแผน Trip ทุกอย่างง่ายมากๆ ชนิดที่ว่าแทบไม่ต้องหาข้อมูลเลยก็ว่าได้ คุณสามารถใช้แพลนทริปยาวๆ ได้อย่างไม่มีสะดุดเลยทีเดียว

คุณสามารถเลือกที่จะใช้พาหนะสาธารณะได้เช่นกัน แต่การเดินทางจะซับซ้อนกว่ามาก เพราะคุณอาจจะต้องต่อรถหลายเที่ยว ซึ่งอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกว่าการขับรถเองครับ

1. Blue Lagoon

Blue Lagoon เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศไอซ์แลนด์ สระน้ำแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นโดยพลังงานความร้อนใต้พิภพตามธรรมชาติ น้ำในสระจะมีอุณหภูมิประมาณ 37-39 องศาเซลเซียสซึ่งอุ่นเพียงพอต่อการลงชำระร่างกาย ชาวไอซ์แลนด์และนักท่องเที่ยวนิยมลงแช่น้ำในสระ เพราะเชื่อว่าน้ำในสระมีแร่ธาตุมากและจะช่วยบำรุงทั้งผิวและสุขภาพของคุณครับ

Blue Lagoon By dconvertini, Flickr, CC By SA 2.0

สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์สปาและบำรุงผิวทั้งหลาย ใกล้กับ Blue Lagoon มีวางขายอย่างมากมายเลยครับ เปิดโอกาสให้คุณได้ซื้อผลิตภัณฑ์ดีมีคุณภาพจากไอซ์แลนด์นำกลับไปใช้ที่ไทยครับ

2. Geysir Geothermal Area

Geysir Geothermal Area คือเขตในหุบเขาชื่อ Haukadalur ที่ซึ่งมีการเคลื่อนไหวทางธรณีวิทยาสูงมาก โดยในบริเวณนี้มีน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงสองแห่ง นั่นคือ Great Geysir และ Strokkur Geysir ครับ

Strokkur Geysir Photo by Yves Alarie on Unsplash

Great Geysir เป็นน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในได้รับการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ยุโรป เพราะมีการกล่าวถึงมาหลายพันปีแล้ว อย่างไรก็ดีการปะทุของน้ำพุจะเกิดขึ้นไม่ค่อยบ่อยนัก ถ้าคุณอยากจะเห็นน้ำพุร้อนที่ฉีดสายน้ำขึ้นไปบนอากาศ (เหมือนกับ Yellowstone) คุณต้องไปดูที่ Strokkur Geysir ครับ เพราะการปะทุเกิดขึ้นทุก 6-10 นาที และน้ำจะพุ่งสูงขึ้นถึง 40 เมตรเลยครับ

นอกจากน้ำพุร้อนสองแห่งนี้แล้ว ภายในหุบเขายังมีสระน้ำร้อน น้ำพุร้อนไซส์เล็ก และบ่อโคลนให้คุณได้ชมด้วยครับ ทั้งนี้ Geysir Geothermal Area เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มของสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่า Golden Circle ของประเทศไอซ์แลนด์ครับ

3. Gullfoss Waterfall

อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในกลุ่ม Golden Circle น้ำตกขนาดใหญ่อย่าง Gullfoss Waterfall เป็นจุดที่คุณไม่ควรพลาดอย่างยิ่งถ้าเดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ สายน้ำของแม่น้ำ Hvida จะไหลอย่างรวดเร็วลงไปในโตรกผาเกิดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีความสูงถึง 32 เมตรครับ

Gullfoss Waterfall Image by Sophie Maus from Pixabay

คุณสามารถเข้าไปชมใกล้ๆ เพื่อสัมผัสหยดน้ำได้ในช่วงฤดูร้อน แต่ต้องระวังให้ดีด้วย เพราะไม่มีที่กั้นที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยอะไรเลยบริเวณนั้นครับ

4. Thingvellir National Park

Thingvellir National Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่เป็นส่วนหนึ่งของ Golden Circle และได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไอซ์แลนด์ ผืนดินในอุทยานแห่งนี้เป็นจุดนัดพบของสองแผ่นทวีปทางธรณีวิทยา นั่นคือแผน Euresian และ North American ครับ

Thingvellir National Park Image by Michael Bußmann from Pixabay

ภายในอุทยานมีจุดสวยๆ หลายแห่ง อาทิเช่น

  • Thingvallavatn Lake – ทะเลสาบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์
  • Silfra Canyon – แหล่งดำน้ำลึกที่จะให้คุณลงไปสัมผัสรอยต่อของสองทวีป (ยุโรปและอเมริกาเหนือ) ไม่มีไดฟ์ไหนในโลกที่จะให้คุณสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ได้ครับ
  • Öxarárfoss Waterfall – น้ำตกอีกแห่งหนึ่งที่มีสายน้ำอันใสสะอาด ซึ่งสวยงามไม่แพ้ที่ใด
  • Almannagjá gorge – แก่งที่เป็นขอบของผืนทวีปอเมริกาเหนือ เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ Game of Thrones มาแล้ว

อุทยานแห่งนี้ยังมีความสำคัญของประวัติศาสตร์ไอซ์แลนด์และโลกด้วย เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่ “รัฐสภา” (Parliament) เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก โดยชาวไอซ์แลนด์ในศตวรรษที่ 9 ตัดสินใจจัดตั้งรัฐสภาขึ้นเพื่อตัดสินข้อโต้แย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ แทนที่จะใช้กำลังต่อสู้กันครับ

5. Golden Circle

นอกเหนือจากสถานที่สามแห่งที่ผมกล่าวถึงไปด้านบนแล้ว Golden Circle ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิเช่น

Langjökull Glacier By Ron Kroetz, Flickr, CC By ND 2.0
  • Langjökull Glacier – ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ ด้านในมีถ้ำน้ำแข็งอันสวยงาม
  • Thjorsardalur Valley – หุบเขาที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของ Golden Circle เสียทีเดียว แต่น่าไปเยือนเพราะว่ามีน้ำตกที่สวยงามถึง 4 แห่งด้วยกัน
  • Kerith Crater – หลุมภูเขาไฟที่ยุบตัวลงด้านล่าง เกิดเป็นทะเลสาบขึ้น
  • Skalholt – หมู่บ้านขนาดเล็กแต่เก่าแก่ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งแรกของไอซ์แลนด์ครับ เหมาะสำหรับการสัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมโบราณของประเทศเหนือสุดของโลกแห่งนี้ครับ
  • Fontana Geothermal Baths – สปาที่มีชื่อเสียงแห่งเมือง Laugarvatn

6. Vatnajökull National Park

Vatnajökull National Park เป็นหนึ่งในอุทยานที่สวยที่สุดของไอซ์แลนด์ เพราะมีจุดเด่นที่ธรรมชาติที่หลากหลาย โดยเฉพาะธารน้ำแข็งและถ้ำน้ำแข็งที่มีความยิ่งใหญ่ตระการตาครับ

สถานที่แรกที่คุณไม่ควรพลาดคือ Skaftafell Ice Cave ถ้ำน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนกับว่าอยู่ในเทพนิยายหิมะไม่มีผิดเพี้ยน นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเท้าเข้าไปชมความงดงามภายในถ้ำครับ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีวิวภูเขาหิมะและธารน้ำแข็งให้คุณได้ชมอีกด้วย

Skaftafell Ice Cave Image by JimboChan from Pixabay

สำหรับใครที่ชอบเดินเที่ยวธารน้ำแข็ง ภายในอุทยานมีธารน้ำแข็งขนาดใหญ่โตเป็นอันดับ 1 ของไอซ์แลนด์และอันดับสองของยุโรปนั่นคือ Vatnajökull Glacier ครับ ตัวธารน้ำแข็งแห่งนี้จริงๆแล้วแปลกมาก เพราะว่าใต้ธารน้ำแข็งแห่งนี้คือภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ ที่นี่จึงเปรียบได้ว่าเป็นดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็งอย่างแท้จริงครับ

Vatnajökull Glacier Image by Bernd Hildebrandt from Pixabay

ไม่ใช่ว่าอุทยานแห่งนี้จะมีเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับ “น้ำแข็ง” ที่นี่ยังมียังมีจุดที่น่าสนใจอีกหลายแห่งเช่นกัน อย่างเช่น Dettifoss Waterfall น้ำตกที่สูง 45 เมตร และกว้าง 100 เมตร ทำให้เป็นน้ำตกที่อลังการและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเลยครับ

Dettifoss Waterfall By Shadowgate, flickr, CC by 2.0

น้ำตกอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากไม่แพ้กันคือ Svartifoss หรือน้ำตกดำ เพราะถูกโอบล้อมด้วยลาวาสีดำที่เย็นตัวแล้วครับ

Svartifoss By Andreas Tille, CC BY-SA 4.0

สำหรับใครที่ชอบภูมิประเทศที่แปลกตาที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา Askja Caldera คือสถานที่ที่จะตอบโจทย์ของคุณ ที่นี่เป็นแอ่งที่มีพื้นที่กว้างถึง 50 ตารางกิโลเมตรที่เกิดจากการยุบตัวในการระเบิดของภูเขาไฟครับ โดยตรงกลางของแอ่งจะมีสระน้ำอุ่นตั้งอยู่ครับ

Askja Caldera By Luca Temporelli, Flickr, CC By SA 2.0

7. Jökulsárlón Glacier Lagoon

Jökulsárlón Glacier Lagoon เป็นทะเลสาบน้ำแข็งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไอซ์แลนด์ คุณจะได้เห็นภูเขาน้ำแข็งขนาดเล็กสีฟ้าเคลื่อนตัวไปมาในทะเลสาบอันยะเยือกที่ลึกที่สุดในประเทศแห่งนี้

Jökulsárlón Image by Hans Braxmeier from Pixabay

นักท่องเที่ยวบางคนนิยมนั่งเรือเล็กลงไปล่องทะเลสาบ เพื่อที่จะได้สัมผัสกับก้อนน้ำแข็งเหล่านี้ครับ หรือบางคนใจกล้าอาจจะขึ้นไปยืนบนก้อนน้ำแข็งที่ลอยมาเลยก็ได้ วิวธรรมชาติของที่นี่ให้ความรู้สึกว่าอยู่สุดขอบโลกอย่างแท้จริงเลยครับ

8. Mount Kirkjufell

Mount Kirkjufell เป็นภูเขาที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ (เหมือนกับ Matterhorn ของสวิสเซอร์แลนด์) รายรอบภูเขาเต็มไปด้วยน้ำตกขนาดเล็กและลำธารมากมาย นอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกถ่ายรูปอันดับต้นๆ ของประเทศแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมแสงเหนืออันดับต้นๆ ของโลกด้วยครับ

Mount Kirkjufell Image by JimboChan from Pixabay

9. Whale Watching

การดูวาฬแหวกว่ายในถิ่นอยู่อาศัยของมันเป็นหนึ่งไฮไลท์ของการท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์เลยครับ จุดดูวาฬนอกเมือง Reykjavik เมืองหลวงของประเทศเป็นจุดดูวาฬอันดับต้นๆ ของโลก คุณจะได้นั่งเรือออกไปและสัมผัสกับวาฬตัวเป็นๆ

โอกาสที่คุณจะเห็นวาฬอยู่ที่ 80%-95% ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปดูช่วงไหนครับ แต่ถ้าคุณโชคดีจริงๆ วาฬจะเข้ามาใกล้เรือของคุณอย่างมาก เปิดโอกาสให้คุณได้ถ่ายรูปพวกมันอย่างใกล้ชิดครับ

10. Landmannalaugar

Landmannalaugar เป็นเขตอนุรักษ์ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบขุนเขาที่มีรูปร่างแปลกๆ และมีเฉดสีที่แตกต่างกันราวกับว่าอยู่นอกโลก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีภูเขาไฟและแอ่งลาวาให้ผู้มาเยือนได้ชมอีกด้วย

Landmannalaugar Image by jo vanel from Pixabay

นักท่องเที่ยวมักจะมาปีนเขา (เส้นทางในเขตอนุรักษ์แห่งนี้ได้รับความนิยมสูงสุดในไอซ์แลนด์) ชมธรรมชาติ และขี่ม้า แต่การเข้าถึงเขตอนุรักษ์แห่งนี้สามารถไปเที่ยวได้แค่ช่วงฤดูร้อนหรือเดือนมิถุนายนถึงสิ้นเดือนกันยายนเท่านั้น ในช่วงอื่นๆของปี ตัวเขตอนุรักษ์จะปิดทำการครับ

11. Westfjords

Westfjords คือคาบสมุทรที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ และอุดมไปด้วยความยิ่งใหญ่ทางธรรมชาติและชีวภาพ การเข้าถึงบริเวณนี้นั้นยากมาก แต่ความสวยงามนั้นยากจะหาที่ใดเปรียบได้ครับ

อาณาบริเวณของที่นี่นั้นสวยงามด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว เพราะเต็มไปด้วยฟยอร์ด ภูเขาและหุบเขาที่แทบจะปราศจากนักท่องเที่ยวเลย แต่ไฮไลท์ของ Westfjords คือสถานที่ต่อไปนี้

Dynjandi Waterfall – น้ำตกที่มีรูปร่างแปลกตา เพราะสายน้ำของน้ำตกไม่ได้ไหลทิ้งดิ่งลงมาสู่เบี้องล่างเหมือนกับน้ำตกอื่นๆ แต่จะไหลลงมาช้าๆ ตามชั้นหินครับ น้ำตกแห่งนี้จะสวยเป็นพิเศษในช่วงดวงอาทิตย์ตกดิน เพราะแสงอาทิตย์จะทำให้บริเวณน้ำตกกลายเป็นสีน้ำตาลอมส้มทั้งหมดเลยครับ

Dynjandi Waterfall Image by jacqueline macou from Pixabay

Látrabjarg bird-cliff – หน้าผาที่เหล่านกทะเลนับล้านตัวใช้เป็นสถานที่วางไข่ ที่นี่เป็น Bird Cliff ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีความยาวถึง 14 กิโลเมตรเลยครับ

Látrabjarg bird-cliff By Richard Gould, Flickr, CC By SA 2.0

Rauðisandur – หาดทรายสีแดงที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์ อย่างไรก็ดีหาดนี้ไม่ใช่หาดทรายปกติ เพราะทรายส่วนใหญ่อยู่ใต้น้ำ และสีของทรายสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตามแสงแดดของแต่ละวัน บางวันอาจจะดูเป็นสีส้ม สีเหลือง สีแดงเข้ม หรืออาจจะสีออกไปทางขาวก็ได้ครับ เรียกได้ว่ารูปที่ถ่ายมาในแต่ละวันจะไม่เหมือนกันเลยราวกับว่าไม่ใช่ที่เดียวกัน

12. Reynisfjara Beach

Reynisfjara Beach เป็นหาดทรายสีดำสนิทที่อยู่ที่หมู่บ้าน Vik หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใต้สุดของไอซ์แลนด์ นอกจากหาดทรายที่มืดไปทั้งหมดแล้ว ใกล้กับหาดทรายยังตั้งอยู่ติดกับภูเขาหิน Basalt ที่มีรูปร่างแปลกตาราวกับว่าอยู่ในดาวดวงอื่น ทำให้เวลาคุณมาที่นี่ คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแบบ surreal ได้ไม่มากก็น้อยครับ

Reynisfjara Beach By Giuseppe Milo

13. Seljalandsfoss/Skogafoss Waterfall

Seljalandsfoss และ Skogafoss Waterfall เป็นน้ำตกสองแห่งที่อยู่ใกล้กัน และมีความสวยงามอย่างมากทั้งคู่ครับ

น้ำตก Seljalandsfoss นั้นมีจุดเด่นตรงที่คุณสามารถเดินเข้าไปชม “ด้านหลัง” ของน้ำตกได้เพราะมีถ้ำที่เป็นทางลอดเข้าไปครับ ซึ่งการชมวิวจากจุดนี้สวยไม่แพ้การชมจากด้านนอกเลยครับ

Seljalandsfoss Waterfall

ส่วน Skogafoss จะสวยงามในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะมีชั้นหินรูปประหลาดตั้งอยู่คู่กัน สำหรับน้ำตกแห่งนี้ คุณสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมทิวทัศน์จากด้านบนของน้ำตกได้ครับ

Skogafoss Image by Hans Braxmeier from Pixabay

14. Godafoss Waterfall

Godafoss Waterfall หรือ Goðafoss เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ สายน้ำของแม่น้ำ Skjálfandafljót แม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 4 ในประเทศไหลลงสู่เบี้องล่างที่นี่ครับ

Godafoss Image by nathan618 from Pixabay

ความตระการตาของที่นี่ ทำให้น้ำตกแห่งนี้ได้รับนามว่า “Godafoss” ซึ่งแปลว่า “น้ำตกแห่งเทพเจ้า” แต่เทพเจ้าในที่นี้คือเทพเจ้าในศาสนาท้องถิ่นโบราณของไอซ์แลนด์ ไม่ใช่ศาสนาคริสต์แต่อย่างใดครับ ปัจจุบัน Godafoss เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์อย่างไม่ต้องสงสัยครับ

15. Myrdalsjökull Glacier Park

Myrdalsjökull Glacier Park เป็นอุทยานที่อยู่ทางตอนใต้ของ Landmannalaugar และเปิดให้ชมเฉพาะช่วงฤดูร้อนเหมือนกันครับ ไฮไลท์ของที่นี่คือ Maelifell Volcano ภูเขาไฟรูปกรวยที่ถูกปกคลุมด้วยมอสจำนวนมหาศาลในช่วงฤดูร้อน ทำให้สีของภูเขาเปลี่ยนไปตามความชื้นของดินครับ

นอกเหนือจากภูเขาไฟลูกนี้แล้ว ในอุทยานยังมีทั้งธารน้ำแข็ง ภูเขาไฟ สระน้ำร้อน ให้คุณได้สำรวจครับ โดยมากแล้วนักท่องเที่ยวนิยมมาขี่ snowmobile กันที่นี่ครับ

16. Hvítserkur

Hvitserkur เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ จริงๆ แล้วมันคือภูเขาหิน basalt ทรงประหลาดขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล (แต่ไม่ห่างจากฝั่งมากนัก) โดยทั่วไปแล้วนักท่องเที่ยวจะเดินไปถ่ายรูปตอนที่น้ำทะเลลง ซึ่งมักจะอยู่ในช่วงที่ดวงอาทิตย์ตกดินพอดีครับ

Hvítserkur Image by Alexa_Nbg from Pixabay

17. Snæfellsjökull National Park

ปิดท้ายกันด้วย Snæfellsjökull National Park อุทยานแห่งชาติของไอซ์แลนด์อันเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟ Snæfellsjökull หนึ่งในภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ

Snæfellsjökull By Ævar Guðmundsson, Flickr, CC By 2.0

นอกเหนือจากภูเขาไฟแห่งนี้แล้ว คุณยังจะได้เห็นชั้นลาวา น้ำตก หลุมภูเขาไฟ ชายหาด และอื่นๆ อีกมากมายครับ

ส่งท้าย

สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพไปยัง Reykjavik เมืองหลวงของไอซ์แลนด์นั้นไม่มีเที่ยวบินตรง คุณจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง 1-2 ครั้งซึ่งจะใช้เวลานานพอสมควรเลยครับ

[sc name=”travelthai” ][/sc]
Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

สถานที่ท่องเที่ยว

โรงแรมที่พัก

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!