ไอซ์แลนด์ (Iceland) เป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นเกาะภูเขาไฟแยกออกมาจากผืนทวีปใหญ่ของยุโรป และเป็นหนึ่งในประเทศที่ตั้งอยู่เหนือสุดของโลก อย่างไรก็ดีไอซ์แลนด์กลับไม่ได้หนาวเหน็บเหมือนกับชื่อ เพราะความร้อนจากใต้พิภพทำให้ไอซ์แลนด์อบอุ่นไม่แพ้ประเทศที่ตั้งอยู่ในผืนทวีปหลักครับ
ประเทศแห่งนี้เป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขาไฟ ธารน้ำแข็ง สระน้ำร้อน น้ำพุร้อน น้ำตก หรือแม้กระทั่งหาดทรายสีดำ ไอซ์แลนด์จึงเปรียบเหมือนกับดินแดนในเทพนิยายก็ไม่ปานครับ หลายแห่งที่ผมจะกล่าวถึงต่างเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์อย่าง Game of Thrones มาแล้วครับ
ในโพสนี้ เราจะมาดูกันครับว่าประเทศไอซ์แลนด์มีสถานที่ท่องเที่ยวใดน่าไปเยือนบ้าง?
การเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ในไอซ์แลนด์
เนื่องจากประเทศไอซ์แลนด์มีสถานที่สวยๆ ให้ไปเยี่ยมเยือนจำนวนมาก (อย่างในโพสนี้ก็ 17 แห่งแล้ว) ดังนั้นถ้าจะให้เที่ยวให้ครบถ้วนจริงๆ การไปขับรถเที่ยวเอง (Self-Drive) น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ
ถ้าคุณสนใจที่ขับรถเที่ยวเอง ผมแนะนำให้คุณใช้เว็บไซต์/แอพ Roadtrippers ครับ เพราะใช้วางแผน Trip ทุกอย่างง่ายมากๆ ชนิดที่ว่าแทบไม่ต้องหาข้อมูลเลยก็ว่าได้ คุณสามารถใช้แพลนทริปยาวๆ ได้อย่างไม่มีสะดุดเลยทีเดียว
คุณสามารถเลือกที่จะใช้พาหนะสาธารณะได้เช่นกัน แต่การเดินทางจะซับซ้อนกว่ามาก เพราะคุณอาจจะต้องต่อรถหลายเที่ยว ซึ่งอาจจะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นกว่าการขับรถเองครับ
1. Blue Lagoon
Blue Lagoon เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศไอซ์แลนด์ สระน้ำแห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นโดยพลังงานความร้อนใต้พิภพตามธรรมชาติ น้ำในสระจะมีอุณหภูมิประมาณ 37-39 องศาเซลเซียสซึ่งอุ่นเพียงพอต่อการลงชำระร่างกาย ชาวไอซ์แลนด์และนักท่องเที่ยวนิยมลงแช่น้ำในสระ เพราะเชื่อว่าน้ำในสระมีแร่ธาตุมากและจะช่วยบำรุงทั้งผิวและสุขภาพของคุณครับ
สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์สปาและบำรุงผิวทั้งหลาย ใกล้กับ Blue Lagoon มีวางขายอย่างมากมายเลยครับ เปิดโอกาสให้คุณได้ซื้อผลิตภัณฑ์ดีมีคุณภาพจากไอซ์แลนด์นำกลับไปใช้ที่ไทยครับ
2. Geysir Geothermal Area
Geysir Geothermal Area คือเขตในหุบเขาชื่อ Haukadalur ที่ซึ่งมีการเคลื่อนไหวทางธรณีวิทยาสูงมาก โดยในบริเวณนี้มีน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงสองแห่ง นั่นคือ Great Geysir และ Strokkur Geysir ครับ
Great Geysir เป็นน้ำพุร้อนที่เก่าแก่ที่สุดในได้รับการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ยุโรป เพราะมีการกล่าวถึงมาหลายพันปีแล้ว อย่างไรก็ดีการปะทุของน้ำพุจะเกิดขึ้นไม่ค่อยบ่อยนัก ถ้าคุณอยากจะเห็นน้ำพุร้อนที่ฉีดสายน้ำขึ้นไปบนอากาศ (เหมือนกับ Yellowstone) คุณต้องไปดูที่ Strokkur Geysir ครับ เพราะการปะทุเกิดขึ้นทุก 6-10 นาที และน้ำจะพุ่งสูงขึ้นถึง 40 เมตรเลยครับ
นอกจากน้ำพุร้อนสองแห่งนี้แล้ว ภายในหุบเขายังมีสระน้ำร้อน น้ำพุร้อนไซส์เล็ก และบ่อโคลนให้คุณได้ชมด้วยครับ ทั้งนี้ Geysir Geothermal Area เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มของสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่า Golden Circle ของประเทศไอซ์แลนด์ครับ
3. Gullfoss Waterfall
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในกลุ่ม Golden Circle น้ำตกขนาดใหญ่อย่าง Gullfoss Waterfall เป็นจุดที่คุณไม่ควรพลาดอย่างยิ่งถ้าเดินทางมาเที่ยวไอซ์แลนด์ สายน้ำของแม่น้ำ Hvida จะไหลอย่างรวดเร็วลงไปในโตรกผาเกิดเป็นน้ำตกขนาดใหญ่มีความสูงถึง 32 เมตรครับ
คุณสามารถเข้าไปชมใกล้ๆ เพื่อสัมผัสหยดน้ำได้ในช่วงฤดูร้อน แต่ต้องระวังให้ดีด้วย เพราะไม่มีที่กั้นที่ช่วยเรื่องความปลอดภัยอะไรเลยบริเวณนั้นครับ
4. Thingvellir National Park
Thingvellir National Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่เป็นส่วนหนึ่งของ Golden Circle และได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไอซ์แลนด์ ผืนดินในอุทยานแห่งนี้เป็นจุดนัดพบของสองแผ่นทวีปทางธรณีวิทยา นั่นคือแผน Euresian และ North American ครับ
ภายในอุทยานมีจุดสวยๆ หลายแห่ง อาทิเช่น
- Thingvallavatn Lake – ทะเลสาบที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์
- Silfra Canyon – แหล่งดำน้ำลึกที่จะให้คุณลงไปสัมผัสรอยต่อของสองทวีป (ยุโรปและอเมริกาเหนือ) ไม่มีไดฟ์ไหนในโลกที่จะให้คุณสัมผัสประสบการณ์แบบนี้ได้ครับ
- Öxarárfoss Waterfall – น้ำตกอีกแห่งหนึ่งที่มีสายน้ำอันใสสะอาด ซึ่งสวยงามไม่แพ้ที่ใด
- Almannagjá gorge – แก่งที่เป็นขอบของผืนทวีปอเมริกาเหนือ เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำ Game of Thrones มาแล้ว
อุทยานแห่งนี้ยังมีความสำคัญของประวัติศาสตร์ไอซ์แลนด์และโลกด้วย เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่ “รัฐสภา” (Parliament) เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก โดยชาวไอซ์แลนด์ในศตวรรษที่ 9 ตัดสินใจจัดตั้งรัฐสภาขึ้นเพื่อตัดสินข้อโต้แย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ แทนที่จะใช้กำลังต่อสู้กันครับ
5. Golden Circle
นอกเหนือจากสถานที่สามแห่งที่ผมกล่าวถึงไปด้านบนแล้ว Golden Circle ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิเช่น
- Langjökull Glacier – ธารน้ำแข็งขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของไอซ์แลนด์ ด้านในมีถ้ำน้ำแข็งอันสวยงาม
- Thjorsardalur Valley – หุบเขาที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของ Golden Circle เสียทีเดียว แต่น่าไปเยือนเพราะว่ามีน้ำตกที่สวยงามถึง 4 แห่งด้วยกัน
- Kerith Crater – หลุมภูเขาไฟที่ยุบตัวลงด้านล่าง เกิดเป็นทะเลสาบขึ้น
- Skalholt – หมู่บ้านขนาดเล็กแต่เก่าแก่ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองแห่งแรกของไอซ์แลนด์ครับ เหมาะสำหรับการสัมผัสกลิ่นอายวัฒนธรรมโบราณของประเทศเหนือสุดของโลกแห่งนี้ครับ
- Fontana Geothermal Baths – สปาที่มีชื่อเสียงแห่งเมือง Laugarvatn
6. Vatnajökull National Park
Vatnajökull National Park เป็นหนึ่งในอุทยานที่สวยที่สุดของไอซ์แลนด์ เพราะมีจุดเด่นที่ธรรมชาติที่หลากหลาย โดยเฉพาะธารน้ำแข็งและถ้ำน้ำแข็งที่มีความยิ่งใหญ่ตระการตาครับ
สถานที่แรกที่คุณไม่ควรพลาดคือ Skaftafell Ice Cave ถ้ำน้ำแข็งขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนกับว่าอยู่ในเทพนิยายหิมะไม่มีผิดเพี้ยน นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเท้าเข้าไปชมความงดงามภายในถ้ำครับ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังมีวิวภูเขาหิมะและธารน้ำแข็งให้คุณได้ชมอีกด้วย
สำหรับใครที่ชอบเดินเที่ยวธารน้ำแข็ง ภายในอุทยานมีธารน้ำแข็งขนาดใหญ่โตเป็นอันดับ 1 ของไอซ์แลนด์และอันดับสองของยุโรปนั่นคือ Vatnajökull Glacier ครับ ตัวธารน้ำแข็งแห่งนี้จริงๆแล้วแปลกมาก เพราะว่าใต้ธารน้ำแข็งแห่งนี้คือภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ ที่นี่จึงเปรียบได้ว่าเป็นดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็งอย่างแท้จริงครับ
ไม่ใช่ว่าอุทยานแห่งนี้จะมีเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับ “น้ำแข็ง” ที่นี่ยังมียังมีจุดที่น่าสนใจอีกหลายแห่งเช่นกัน อย่างเช่น Dettifoss Waterfall น้ำตกที่สูง 45 เมตร และกว้าง 100 เมตร ทำให้เป็นน้ำตกที่อลังการและสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปเลยครับ
น้ำตกอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากไม่แพ้กันคือ Svartifoss หรือน้ำตกดำ เพราะถูกโอบล้อมด้วยลาวาสีดำที่เย็นตัวแล้วครับ
สำหรับใครที่ชอบภูมิประเทศที่แปลกตาที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา Askja Caldera คือสถานที่ที่จะตอบโจทย์ของคุณ ที่นี่เป็นแอ่งที่มีพื้นที่กว้างถึง 50 ตารางกิโลเมตรที่เกิดจากการยุบตัวในการระเบิดของภูเขาไฟครับ โดยตรงกลางของแอ่งจะมีสระน้ำอุ่นตั้งอยู่ครับ
7. Jökulsárlón Glacier Lagoon
Jökulsárlón Glacier Lagoon เป็นทะเลสาบน้ำแข็งที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไอซ์แลนด์ คุณจะได้เห็นภูเขาน้ำแข็งขนาดเล็กสีฟ้าเคลื่อนตัวไปมาในทะเลสาบอันยะเยือกที่ลึกที่สุดในประเทศแห่งนี้
นักท่องเที่ยวบางคนนิยมนั่งเรือเล็กลงไปล่องทะเลสาบ เพื่อที่จะได้สัมผัสกับก้อนน้ำแข็งเหล่านี้ครับ หรือบางคนใจกล้าอาจจะขึ้นไปยืนบนก้อนน้ำแข็งที่ลอยมาเลยก็ได้ วิวธรรมชาติของที่นี่ให้ความรู้สึกว่าอยู่สุดขอบโลกอย่างแท้จริงเลยครับ
8. Mount Kirkjufell
Mount Kirkjufell เป็นภูเขาที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ (เหมือนกับ Matterhorn ของสวิสเซอร์แลนด์) รายรอบภูเขาเต็มไปด้วยน้ำตกขนาดเล็กและลำธารมากมาย นอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกถ่ายรูปอันดับต้นๆ ของประเทศแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดชมแสงเหนืออันดับต้นๆ ของโลกด้วยครับ
9. Whale Watching
การดูวาฬแหวกว่ายในถิ่นอยู่อาศัยของมันเป็นหนึ่งไฮไลท์ของการท่องเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์เลยครับ จุดดูวาฬนอกเมือง Reykjavik เมืองหลวงของประเทศเป็นจุดดูวาฬอันดับต้นๆ ของโลก คุณจะได้นั่งเรือออกไปและสัมผัสกับวาฬตัวเป็นๆ
โอกาสที่คุณจะเห็นวาฬอยู่ที่ 80%-95% ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปดูช่วงไหนครับ แต่ถ้าคุณโชคดีจริงๆ วาฬจะเข้ามาใกล้เรือของคุณอย่างมาก เปิดโอกาสให้คุณได้ถ่ายรูปพวกมันอย่างใกล้ชิดครับ
10. Landmannalaugar
Landmannalaugar เป็นเขตอนุรักษ์ที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของไอซ์แลนด์ และเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบขุนเขาที่มีรูปร่างแปลกๆ และมีเฉดสีที่แตกต่างกันราวกับว่าอยู่นอกโลก นอกจากนี้ที่นี่ยังมีภูเขาไฟและแอ่งลาวาให้ผู้มาเยือนได้ชมอีกด้วย
นักท่องเที่ยวมักจะมาปีนเขา (เส้นทางในเขตอนุรักษ์แห่งนี้ได้รับความนิยมสูงสุดในไอซ์แลนด์) ชมธรรมชาติ และขี่ม้า แต่การเข้าถึงเขตอนุรักษ์แห่งนี้สามารถไปเที่ยวได้แค่ช่วงฤดูร้อนหรือเดือนมิถุนายนถึงสิ้นเดือนกันยายนเท่านั้น ในช่วงอื่นๆของปี ตัวเขตอนุรักษ์จะปิดทำการครับ
11. Westfjords
Westfjords คือคาบสมุทรที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศไอซ์แลนด์ และอุดมไปด้วยความยิ่งใหญ่ทางธรรมชาติและชีวภาพ การเข้าถึงบริเวณนี้นั้นยากมาก แต่ความสวยงามนั้นยากจะหาที่ใดเปรียบได้ครับ
อาณาบริเวณของที่นี่นั้นสวยงามด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว เพราะเต็มไปด้วยฟยอร์ด ภูเขาและหุบเขาที่แทบจะปราศจากนักท่องเที่ยวเลย แต่ไฮไลท์ของ Westfjords คือสถานที่ต่อไปนี้
Dynjandi Waterfall – น้ำตกที่มีรูปร่างแปลกตา เพราะสายน้ำของน้ำตกไม่ได้ไหลทิ้งดิ่งลงมาสู่เบี้องล่างเหมือนกับน้ำตกอื่นๆ แต่จะไหลลงมาช้าๆ ตามชั้นหินครับ น้ำตกแห่งนี้จะสวยเป็นพิเศษในช่วงดวงอาทิตย์ตกดิน เพราะแสงอาทิตย์จะทำให้บริเวณน้ำตกกลายเป็นสีน้ำตาลอมส้มทั้งหมดเลยครับ
Látrabjarg bird-cliff – หน้าผาที่เหล่านกทะเลนับล้านตัวใช้เป็นสถานที่วางไข่ ที่นี่เป็น Bird Cliff ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีความยาวถึง 14 กิโลเมตรเลยครับ
Rauðisandur – หาดทรายสีแดงที่มีชื่อเสียงของไอซ์แลนด์ อย่างไรก็ดีหาดนี้ไม่ใช่หาดทรายปกติ เพราะทรายส่วนใหญ่อยู่ใต้น้ำ และสีของทรายสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ตามแสงแดดของแต่ละวัน บางวันอาจจะดูเป็นสีส้ม สีเหลือง สีแดงเข้ม หรืออาจจะสีออกไปทางขาวก็ได้ครับ เรียกได้ว่ารูปที่ถ่ายมาในแต่ละวันจะไม่เหมือนกันเลยราวกับว่าไม่ใช่ที่เดียวกัน
12. Reynisfjara Beach
Reynisfjara Beach เป็นหาดทรายสีดำสนิทที่อยู่ที่หมู่บ้าน Vik หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ใต้สุดของไอซ์แลนด์ นอกจากหาดทรายที่มืดไปทั้งหมดแล้ว ใกล้กับหาดทรายยังตั้งอยู่ติดกับภูเขาหิน Basalt ที่มีรูปร่างแปลกตาราวกับว่าอยู่ในดาวดวงอื่น ทำให้เวลาคุณมาที่นี่ คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแบบ surreal ได้ไม่มากก็น้อยครับ
13. Seljalandsfoss/Skogafoss Waterfall
Seljalandsfoss และ Skogafoss Waterfall เป็นน้ำตกสองแห่งที่อยู่ใกล้กัน และมีความสวยงามอย่างมากทั้งคู่ครับ
น้ำตก Seljalandsfoss นั้นมีจุดเด่นตรงที่คุณสามารถเดินเข้าไปชม “ด้านหลัง” ของน้ำตกได้เพราะมีถ้ำที่เป็นทางลอดเข้าไปครับ ซึ่งการชมวิวจากจุดนี้สวยไม่แพ้การชมจากด้านนอกเลยครับ
ส่วน Skogafoss จะสวยงามในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะมีชั้นหินรูปประหลาดตั้งอยู่คู่กัน สำหรับน้ำตกแห่งนี้ คุณสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมทิวทัศน์จากด้านบนของน้ำตกได้ครับ
14. Godafoss Waterfall
Godafoss Waterfall หรือ Goðafoss เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของไอซ์แลนด์ สายน้ำของแม่น้ำ Skjálfandafljót แม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับ 4 ในประเทศไหลลงสู่เบี้องล่างที่นี่ครับ
ความตระการตาของที่นี่ ทำให้น้ำตกแห่งนี้ได้รับนามว่า “Godafoss” ซึ่งแปลว่า “น้ำตกแห่งเทพเจ้า” แต่เทพเจ้าในที่นี้คือเทพเจ้าในศาสนาท้องถิ่นโบราณของไอซ์แลนด์ ไม่ใช่ศาสนาคริสต์แต่อย่างใดครับ ปัจจุบัน Godafoss เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์อย่างไม่ต้องสงสัยครับ
15. Myrdalsjökull Glacier Park
Myrdalsjökull Glacier Park เป็นอุทยานที่อยู่ทางตอนใต้ของ Landmannalaugar และเปิดให้ชมเฉพาะช่วงฤดูร้อนเหมือนกันครับ ไฮไลท์ของที่นี่คือ Maelifell Volcano ภูเขาไฟรูปกรวยที่ถูกปกคลุมด้วยมอสจำนวนมหาศาลในช่วงฤดูร้อน ทำให้สีของภูเขาเปลี่ยนไปตามความชื้นของดินครับ
นอกเหนือจากภูเขาไฟลูกนี้แล้ว ในอุทยานยังมีทั้งธารน้ำแข็ง ภูเขาไฟ สระน้ำร้อน ให้คุณได้สำรวจครับ โดยมากแล้วนักท่องเที่ยวนิยมมาขี่ snowmobile กันที่นี่ครับ
16. Hvítserkur
Hvitserkur เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ถูกถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์ จริงๆ แล้วมันคือภูเขาหิน basalt ทรงประหลาดขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเล (แต่ไม่ห่างจากฝั่งมากนัก) โดยทั่วไปแล้วนักท่องเที่ยวจะเดินไปถ่ายรูปตอนที่น้ำทะเลลง ซึ่งมักจะอยู่ในช่วงที่ดวงอาทิตย์ตกดินพอดีครับ
17. Snæfellsjökull National Park
ปิดท้ายกันด้วย Snæfellsjökull National Park อุทยานแห่งชาติของไอซ์แลนด์อันเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟ Snæfellsjökull หนึ่งในภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศ
นอกเหนือจากภูเขาไฟแห่งนี้แล้ว คุณยังจะได้เห็นชั้นลาวา น้ำตก หลุมภูเขาไฟ ชายหาด และอื่นๆ อีกมากมายครับ
ส่งท้าย
สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพไปยัง Reykjavik เมืองหลวงของไอซ์แลนด์นั้นไม่มีเที่ยวบินตรง คุณจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่อง 1-2 ครั้งซึ่งจะใช้เวลานานพอสมควรเลยครับ
[sc name=”travelthai” ][/sc]