ศิลปะการแสดง8 ละครบรอดเวย์ (Broadway) เรื่องเด็ดที่น่าไปดูในนิวยอร์กซิตี้

8 ละครบรอดเวย์ (Broadway) เรื่องเด็ดที่น่าไปดูในนิวยอร์กซิตี้

ละครบรอดเวย์ (Broadway) เป็นละครเพลงที่มีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของมหานครนิวยอร์กซิตี้ นอกเหนือจากการเที่ยวชมสถานที่สำคัญในเมืองแล้ว นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวนิวยอร์กมักจะหาโอกาสไปชมละครเหล่านี้สักครั้งหนึ่ง

ในฤดูกาลปี ค.ศ.2018 ละครบรอดเวย์มีผู้ชมมากกว่า 14 ล้านคน และทำรายได้ไปมากถึง 1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของนักท่องเที่ยวคือ จำนวนเรื่องที่มีให้ดูมีมากมายเหลือเกิน ปัจจุบันโรงละครบรอดเวย์มีถึง 41 โรง แล้วทีนี้ละครบรอดเวย์เรื่องไหนที่น่าดูกันแน่?

เรามาดูกันเลยดีกว่าครับ

1. Phantom of the Opera

Phantom of the Opera เป็นละครบรอดเวย์เรื่องที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ ในปี ค.ศ.2012 Phantom of the Opera เป็นละครเรื่องแรกที่มีการแสดงครบ 10,000 รอบ

เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ “Phantom” นักแต่งเพลงคนหนึ่งที่มีความผิดปกติที่ใบหน้าทำให้เขาต้องสวมใส่หน้ากากไว้ตลอดเวลา Phantom ได้ช่วยเหลือนักแสดงสาวหน้าใหม่ชื่อ คริสติน (Christine) ให้เก่งมากขึ้น และยังได้แต่งโอเปร่าให้กับเธอด้วย ความสัมพันธ์ทั้งสองได้แปรเปลี่ยนเป็นความรักอย่างช้าๆ

อย่างไรก็ตามเมื่อคริสตินเริ่มมีชื่อเสียง เธอกลับมีชายหนุ่มมาติดพัน ทำให้ Phantom ไม่พอใจมาก และออกอาละวาดในโรงละครโอเปร่าต่างๆ คริสตินจะเลือกใครกันแน่ระหว่าง Phantom กับชายหนุ่มที่มาหลงรักเธอ?

สำหรับเรื่องนี้ ผมแนะนำเลยว่า ถ้าคิดอะไรไม่ออกจริงๆว่าจะดูเรื่องไหน หรือไม่มีเรื่องไหนที่ชอบเป็นพิเศษ ก็ดูเรื่องนี้ไปเถอะครับ อย่างแรกคือมันสนุกดี ไม่หลับง่ายๆ มีความตื่นเต้น อย่างที่สองคือเพลงเพราะมากจริงๆ

2. The Lion King

The Lion King เป็นละครบรอดเวย์อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ และกวาดรางวัลมาแล้วมากมาย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดูง่าย เหมาะกับเด็กๆ และมีความตื่นตาตื่นใจด้วยเพราะนักแสดงแต่งตัวเป็นสัตว์ต่างๆ

พลอตเรื่องนี้คนไทยน่าจะคุ้นเคยดีอยู่แล้ว เพราะเรื่องนำมาจากภาพยนตร์อนิเมชันของดิสนีย์ที่มีชื่อเดียวกัน เรื่องมีอยู่ว่า ซิมบา สิงโตที่กำพร้าพ่อจะต้องกลับมาล้างแค้น สการ์ อาของเขาที่ฆ่าพ่อของเขาและแย่งชิงบัลลังก์เจ้าป่าไป อย่างไรก็ตามเนื้อหาในเรื่องจะต่างออกไปพอสมควร ทำให้ไม่ซ้ำซากกับตัวแอนิเมชันครับ

ท่านที่เคยดูละครเพลงเรื่องนี้ที่ Disney World ฟลอริดามาแล้วก็สามารถดูได้โดยไม่เบื่อเช่นกัน เพราะแบบบรอดเวย์จะอลังการมากกว่า และมี production ที่ดีกว่าด้วย

สำหรับท่านที่สงสัยว่าเพลงที่มีชื่อเสียงอย่าง “Can You Feel the Love Tonight?” จะมีหรือไม่ คำตอบคือ “มี” นะครับ

3. Aladdin

Aladdin เป็นละครบรอดเวย์อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะในหมู่เด็กๆ แม้จะเพิ่งเข้าแสดงในโรงละครบรอดเวย์ได้ไม่กี่ปี แต่ได้ชนะใจคนดูไปที่เรียบร้อย เพราะได้กลายเป็นอันดับ 11 ของบรอดเวย์ที่ทำเงินมากที่สุดตลอดกาลไปแล้ว

พลอตเรื่องของ Aladdin คนไทยน่าจะทราบกันดีอยู่แล้ว เพราะนำมาจากการ์ตูนดิสนีย์ชื่อเดียวกัน

เรื่องมีอยู่ว่าในดินแดนตะวันออกกลาง เจ้าหญิงจัสมินกำลังถูกหมายมั่นให้หาเจ้าบ่าวสักคนมาแต่งงานด้วย เจ้าหญิงไม่พอใจจึงปลอมตัวออกไปเที่ยวในเมือง ระหว่างนั้นเองเธอได้รู้จักกับชายหนุ่มชื่ออาลาดิน (Aladdin) ที่เคยเป็นโจรมาก่อน ความสัมพันธ์ของทั้งสองเปลี่ยนเป็นความรัก หากแต่ว่าจาฟาร์ มือขวาของสุลต่านก็หมายมั่นจะแย่งชิงบัลลังก์และครอบครองเจ้าหญิงเช่นเดียวกัน อาลาดินจะป้องกันแผนชั่วของจาฟาร์ได้หรือไม่?

เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ดูง่าย มีความแฟนตาซี ไม่มีพิษมีภัย เพราะฉะนั้นเหมาะกับเด็กๆ มากครับ

4. Chicago

Chicago เป็นละครบรอดเวย์ที่ดังมากอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องนี้อาจจะไม่เหมาะสำหรับเด็กเท่าไรนัก เพราะมีความรุนแรง และภาษา slang อายุที่ทางโรงละครแนะนำคือ 13 ขวบขึ้นไป

ตัวเรื่องเล่าถึง ฆาตกรหญิงสองคนที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกในช่วงปี ค.ศ.1920 คนแรกชื่อ เวลมา (Velma) เธอติดคุกเพราะสังหารสามีและน้องสาวของตัวเธอเอง เพราะรู้ว่าทั้งสองคบชู้กัน ส่วนอีกคนหนึ่งชื่อรอคซี่ (Roxie) ที่ติดคุกเพราะสังหารชู้รักของเธอเอง ทั้งเวลมาและรอคซี่ปรารถนาจะที่ออกมาจากคุก แต่ด้วยวิธีการอย่างไรกันแน่?

ละครบรอดเวย์เรื่องนี้จัดว่า “ร้อนแรง” กว่าเรื่องอื่นๆ หลายๆอย่างในพลอตเรื่อง อาทิเช่น ความรุนแรง การทรยศ การหลอกลวง การขี้โกง และอื่นๆ คล้ายกับละครแบบดราม่าของไทย

การแสดงละครบรอดเวย์ที่ New York
โปสเตอร์ Wicked และเรื่องอื่นๆที่ Times Square By Rob Young, CC BY 2.0,

5. Wicked

Wicked เป็นละครบรอดเวย์ที่มีชื่อเสียงมากในนิวยอร์กซิตี้ หลายคนขนานนามว่าเรื่องนี้เป็นละครบรอดเวย์ที่ดีที่สุดตลอดกาลเลยทีเดียว

เนื้อเรื่องของ Wicked เป็นเรื่องที่อยู่ในจักรวาล Wizard of Oz แต่เราไม่จำเป็นต้องไปอ่านมาก่อน เพราะเรื่องนี้เกิดก่อนจักรวาลอื่นๆ

Wicked เล่าถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่มีผิวสีเขียวมรกต เธอเป็นคนฉลาดมากแต่ชอบหัวร้อน มีอยู่วันหนึ่งหญิงสาวคนนี้ได้พบกับหญิงสาวผมบลอนด์อีกคนหนึ่ง ทั้งสองไม่ชอบหน้ากันสักเท่าใดนักในเริ่มแรก แต่ได้กลายเป็นเพื่อนกันในเวลาต่อมา พวกเธอได้ทำอะไรสักอย่างลงไป ทำให้โลกเรียกหญิงสาวคนหนึ่งว่า “ดีงาม” (Good) และเรียกอีกคนว่า “ชั่วร้าย” (Wicked)

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พลอตไม่รุนแรงเหมือนกับ Chicago เพราะฉะนั้นมันจึงเหมาะสำหรับเด็กครับ โรงละครแจ้งว่าอายุที่แนะนำคืออย่างน้อย 8 ขวบขึ้นไป

6. Harry Potter and the Cursed Child

Harry Potter and The Cursed Child เป็นละครบรอดเวย์เรื่องใหม่เอี่ยมที่เพิ่งมีการแสดงในปี ค.ศ.2018 นี้เอง แต่กลับกวาดรางวัลมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ ตัวละครต่างกับเรื่องอื่นตรงที่ไม่ใช่เป็นละครเพลง แต่เป็นละครเวทีทั่วไป

เนื้อเรื่องเกิดขึ้น 19 ปี หลังจากตอนจบของมหากาพย์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในเล่ม 7 หรือ Deathly Hallows ศัตรูฝ่ายมืดที่คิดว่าจบสิ้นลงไปแล้วได้กลับมาอีกครั้ง แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่จะทำอย่างไรเมื่อได้เผชิญหน้ากับ “เขา”

ละครบรอดเวย์เรื่องนี้ยาวกว่าบรอดเวย์ทั่วไปมาก เพราะมันประกอบด้วย 2 ส่วน รวมแล้วมีความยาวมากถึงเกือบ 6 ชั่วโมง! ซึ่งมากกว่าเรื่องอื่นๆ ถึง 2 เท่า ถึงกระนั้นเรื่องนี้ก็ยังเป็นที่นิยมมาก และการที่มันเพิ่งจะมีการแสดงได้ไม่นาน คนจำนวนมากจึงยังไม่ได้ดู คนที่ต้องการดูย่อมมีเยอะเป็นพิเศษ

ถ้าคุณเป็นแฟนคลับแฮร์รี่ พอตเตอร์ตัวยง ห้ามพลาดเรื่องนี้เป็นอันขาดครับ

7. To Kill A Mocking Bird

To Kill A Mocking Bird เป็นบรอดเวย์เรื่องใหม่ที่เพิ่งจะเปิดให้ชมเมื่อปลายปีก่อน และเป็นที่นิยมมากๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับ Harry Potter เรื่องนี้ไม่ใช่ละครเพลง แต่เป็นละครเวทีทั่วไป

เนื้อเรื่องอ้างอิงจากนวนิยายชื่อเดียวกันที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นวรรณกรรมอเมริกันระดับคลาสสิก เรื่องมีอยู่ว่า Atticus Finch ทนายความคนหนึ่งในรัฐอลาบามาของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำหน้าที่เป็นทนายจำเลยให้กับชาวผิวดำคนหนึ่งที่ถูกฟ้องว่าข่มขืนหญิงผิวขาว

Finch ต้องเผชิญหน้ากับความอยุติธรรมในสังคมที่เกิดจากปัญหาเชื้อชาติ เขาจะทำอย่างไรให้ลูกความของเขาได้รับความยุติธรรมกันแน่?

To Kill A Mocking Bird จึงเป็นละครบรอดเวย์เชิงดราม่าหนักๆ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับเด็กเท่าไรนัก แต่ผู้ใหญ่ที่ชอบเรื่องสังคมวิทยาอยู่แล้ว ผมแนะนำเลยครับ

8. Beetlejuice

Beetlejuice เป็นละครบรอดเวย์ที่เน้นความสนุกสนาน และความตื่นตาตื่นใจของฉาก ทำให้ความนิยมของเรื่องนี้อยู่ในระดับสูง แม้ว่าจะถูกนักวิจารณ์สับแหลกก็ตาม แต่ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมากแล้ว แน่นอนว่าสนุก

ตัวละครเล่าถึงหญิงสาววัยรุ่นชื่อ Lydia Deetz เธอมีนิสัยแปลกๆ อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับสองสามีภรรยาที่เพิ่งจะสิ้นชีวิต และปีศาจตนหนึ่ง การพบเจอครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล แต่จะเป็นในทางที่ดีหรือไม่ดีกันแน่?

เพลงแต่ละเพลงในละครบรอดเวย์เรื่องนี้มีแต่แบบมันๆ เพราะฉะนั้นวางใจได้เลยครับ ยากที่จะหลับแน่นอน

Beetlejuice เหมาะกับเด็กในระดับหนึ่ง แต่ต้องระวังเพราะมีคำหยาบอยู่ไม่น้อยครับ

ข้อควรทราบ

  • ละครบรอดเวย์ทุกเรื่องจะมีช่วงพักครึ่ง (Intermission) อย่างน้อย 1 ครั้ง
  • ละครบรอดเวย์ให้ความสำคัญกับการตรงเวลามาก มาก มาก ถ้าไปสายมีโอกาสสูงที่จะโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าชมกว่าจะถึงช่วงพักครึ่ง หรืออาจจะถูกเจ้าหน้าที่สั่งให้นั่งในที่ที่ไม่พึงประสงค์ได้ เพราะฉะนั้นเราห้ามไปสาย ควรไปอยู่ที่โรงละครอย่างน้อย 30 นาทีก่อนการแสดงครับ (อย่าช็อปปิ้งในนิวยอร์กเพลิน 555)
  • เรื่องที่ไม่สามารถจองตั๋วได้จาก Klook สามารถจองได้ผ่าน Broadway.com
  • การจองที่นั่งในการดูละครบรอดเวย์สำคัญไม่น้อย ในบางจุดมันถูกเพราะมีเหตุผลของมันอยู่ เช่นที่นั่งแคบมากจนยึดขาไม่ได้เลย มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมต้องนั่งงอขาเลยทีเดียว ซึ่งทรมานมาก หมดอารมณ์ดูเลยทีเดียว
  • ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าลุกจากที่นั่งระหว่างที่มีการแสดง โดยเฉพาะถ้าคุณนั่งอยู่ข้างใน ถ้าคุณลุกออกมา ชาวบ้านจะต้องลุกด้วย เพราะช่องว่างระหว่างที่นั่งแคบมาก แล้วจะบดบังการดูการแสดงของคนอื่นที่นั่งอยู่ด้านหลัง การเข้าห้องน้ำควรจะทำในช่วงพัก (Intermission) เท่านั้น
  • ห้ามใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในโรงละครเด็ดขาด

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!