“บราซิล” เป็นประเทศที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีจากกีฬาฟุตบอล แต่จริงๆ แล้วบราซิลไม่ได้มีดีแค่ฟุตบอลเท่านั้น บราซิลเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ทำให้ประเทศแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่สวยงาม อลังการ และน่าไปเที่ยว นอกจากนี้สำหรับคนไทย ยังไม่ต้องใช้วีซ่าอีกด้วย
จะมีที่ไหนบ้าง เราไปดูกันเลยครับ
1. Amazon Rainforest
ป่าแอมาซอน (Amazon rainforest) เป็นป่าดงดิบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ภายในป่ามีสัตว์ต่างๆ มากมายที่คนไทยรู้จักกันดี อาทิเช่น ปลาปิรันยา งูอนาคอนดา และอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้ป่าแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางมายังบราซิล
สำหรับการมาเที่ยวป่าแห่งนี้ในส่วนของประเทศบราซิลแล้ว นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเดินทางไปยังเมืองมาเน้าส์ (Manaus) และเริ่มต้นท่องป่ากันที่นี่
เพื่อความปลอดภัย การซื้อทัวร์ท้องถิ่นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะไกด์จะได้พาเราไปชมสัตว์และไฮไลท์ของป่าแห่งนี้อย่างปลอดภัยไร้กังวล อย่างไรก็ตามทัวร์ปลอมที่ไม่ได้มาตรฐานก็มีอยู่มาก เพราะฉะนั้นก่อนจะซื้อทัวร์ ควรตรวจสอบให้ดีก่อนเนิ่นๆ ว่าทัวร์นี้ได้รับการรับรองจากการท่องเที่ยวบราซิลหรือไม่
กิจกรรมอันน่าสนใจในป่าแอมาซอนที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ก็เช่น ว่ายน้ำในแม่น้ำแอมาซอน ตกปลาปิรันยา เดินป่า ล่องแม่น้ำ พายเรือ ชมสัตว์ ปีนต้นไม้ เป็นต้น
2. Rio De Janairo
ริโอ เดอ จาเนโร (Rio De Janairo) หรือเรียกสั้นๆ ว่า ริโอ เป็นอดีตเมืองหลวงของประเทศบราซิลในสมัยจักรวรรดิ ปัจจุบันริโอ เดอ จาเนโร ยังคงเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของบราซิล และเป็นศูนย์กลางการค้าและธุรกิจที่สำคัญ
นอกจากริโอ เดอ จาเนโร จะเป็นเมืองใหญ่ที่ทันสมัยแล้ว เมืองแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและวัฒนธรรมที่สวยงามมากมาย ยกตัวอย่างเช่น
- หาดที่สวยงามและมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง โคปาคาบานา (Copacabana) หรือ อิปานีมา (Ipanema)
- ยอดเขา Sugar Loaf
- รูปปั้นพระเยซูคริสต์ (Christ the Redeemer) ที่ได้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
- บันได Escadaria Selarón หนึ่งในสัญลักษณ์ของเมือง
- Paço Imperial พระราชวังเก่าสมัยจักรวรรดิ
- สนามกีฬา Maracanã
หลายท่านอาจจะเคยเห็นจากหนังฮอลลีวู้ดว่า ริโอ เดอ จาเนโร เป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัย เพราะมีอาชญากรรมมากมาย ซึ่งก็เป็นความจริง แต่ไม่ได้อันตรายถึงขนาดที่ไปไม่ได้เลย การศึกษาและหาข้อมูลเรื่องนี้ก่อนเนิ่นๆ จึงสำคัญอย่างยิ่ง
3. Iguazu Falls
น้ำตกอีกวาซู (Iguazu Falls) เป็นน้ำตกขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ระหว่างประเทศบราซิลและอาร์เจนตินา ด้วยขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้น้ำตกไนแอการาเล็กลงไปถนัดตา ไม่ต้องสงสัยว่า ถ้ามีโอกาส นักท่องเที่ยวควรจะไปเยี่ยมเยือนน้ำตกแห่งนี้สักครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน
ในการเข้าชม ควรจะเข้าชมทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ นั่นหมายถึงใช้พาสปอร์ตข้ามประเทศไปยังอาร์เจนตินาด้วย ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะทั้งบราซิลและอาร์เจนตินาเป็นประเทศที่คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าอยู่แล้ว
การล่องเรือลงไปที่น้ำตกสามารถทำได้เช่นเดียวกับที่น้ำตกไนแอการา แต่อาจจะสนุกกว่าด้วย เพราะน้ำแรง ทำให้ได้ฟีลเหมือนล่องแก่ง
4. Pantanal
แพนตานัล (Pantanal) เป็นระบบนิเวศน้ำจืดเขตร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าขนาดยักษ์ ด้วยขนาดถึง 187,818 ตารางกิโลเมตร ทำให้แพนตานัลใหญ่กว่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ถึงเกือบ 100 เท่า
ขนาดที่อลังการของแพนตานัล ทำให้มีหลายจุดที่นักท่องเที่ยวสามารถตั้งต้นในการเข้าชมได้ เช่น Campo Grande, Cuiaba หรือ Corumba ในปัจจุบันแพนตานัลเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศบราซิล
สาเหตุหลักที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่คือ มาดูสัตว์ ซึ่งสัตว์ที่นี่มีมากมายมหาศาล ตั้งแต่เสือดาวไปจนถึงนก นักท่องเที่ยวสามารถการันตีได้เลยว่าถ้ามาแพนตานัลแล้วจะได้ชมสัตว์อย่างเต็มอิ่มอย่างแน่นอน ต่างจากที่อื่น (แม้กระทั่งป่าแอมาซอน) ที่เจอมั่งไม่เจอมั่ง
อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวที่มาแพนตานัลต้องระวังโรคภัยไข้เจ็บที่มาจากยุง เช่น ไข้เหลือง มาลาเรีย และไข้เลือดออก เช่นเดียวกับที่ป่าแอมาซอน
5. Bonito
โบนิโต (Bonito) เป็นเมืองแห่งหนึ่งใกล้กับแพนตานัล และอยู่ในรัฐ Mato Grosso do Sul ของประเทศบราซิล ตัวเมืองไม่มีอะไรพิเศษ แต่ที่พิเศษคือธรรมชาติที่อยู่โดยรอบเมืองแห่งนี้
- แม่น้ำริโอ ดา พลาตา (Rio da Prata River) และแม่น้ำซูคูรี (Sucuri River) เป็นสองแม่น้ำที่นักท่องเที่ยวมักมาดำน้ำตื้นกัน เพราะว่ามีน้ำใสมากๆ และปลาจำนวนมหาศาล ทำให้มันเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างขึ้นมา
- Abismo Anhumas – ถ้ำขนาดใหญ่ที่มีทะเลสาบสีคริสตัลที่ใสแจ๋วอยู่ภายใน นอกจากนี้ถ้ำแห่งนี้ยังมีหินงอกหินย้อยใต้น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย
- Gruta do Lago Azul หรือ ถ้ำทะเลสาบสีน้ำเงิน ภายในถ้ำมีทะเลสาบสีน้ำเงินที่สวยงามอยู่ภายในเช่นกัน
- Buraco de Araras หลุมลึกขนาดยักษ์อันเป็นถิ่นอาศัยของนกนานาชนิด
โบนิโตเป็นสถานที่ยอดนิยม แม้กระทั่งในหมู่ชาวท้องถิ่นเอง ดังนั้นควรจะจองที่พักตั้งแต่เนิ่นๆ ครับ
6. Fernando de Noronha
Fernando De Noronha เป็นขุมทรัพย์การท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศบราซิล สถานที่แห่งนี้เป็นหมู่เกาะตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ โดยห่างจากแผ่นดินแม่ประมาณ 350 กิโลเมตร
หมู่เกาะแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องหาดที่สวยงาม และน้ำทะเลที่ใสมากถึงขนาดที่เห็นได้ลึกถึง 50 เมตร ใกล้ๆกับหมู่เกาะยังมีสัตว์น้ำที่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นปลาเล็ก ปลาใหญ่ หรือปะการัง ทำให้มันเป็นสวรรค์ของการดำน้ำไม่ว่าจะเป็นดำน้ำลึก (Scuba) หรือตื้น (Snorkeling)
อย่างไรก็ตามกฎการดำน้ำของที่นี่ค่อนข้างเข้มงวด อย่างการดำน้ำตื้น นักท่องเที่ยวจะถูกห้ามไม่ให้ทาครีมกันแดด เพราะจะทำให้ธรรมชาติเสียหาย
7. Lençóis Maranhenses National Park
อุทยานแห่งชาติ Lençóis Maranhenses เป็นอุทยานแห่งชาติในประเทศบราซิลที่มีภูมิทัศน์ที่แปลกตา กล่าวคือมันคือ เนินทรายที่มีน้ำใสสะอาดอยู่ภายใน บางแห่งมีขนาดใหญ่ถึงขนาดเรียกเป็นทะเลสาบก็ได้เลยทีเดียว
นักท่องเที่ยวมักจะมาพายเรือแคนู โต้คลื่น ขี่ม้า และชมสัตว์ที่มีมากมายในอุทยานแห่งนี้ อย่างไรก็ตามช่วงที่เหมาะกับการมาเที่ยวที่นี่มากที่สุดคือช่วงมกราคมถึงมิถุนายน เพราะจะเป็นช่วงที่มีน้ำมากที่สุด
8. Chapada Diamantina National Park
อุทยานแห่งชาติ Chapada Diamantina เป็นอุทยานที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวแทบทุกอย่างในบราซิล เพราะภายในอุทยานแห่งนี้มีทั้งสัตว์ ทะเลสาบที่ใสแจ๋ว น้ำตกที่สูงตระหง่าน ภูเขา หุบเขาและช่องเขาอันเป็นเอกลักษณ์
ตัวอุทยานอยู่ในรัฐ Bahia ในประเทศบราซิล และเป็นต้นน้ำของแม่น้ำหลายสายที่ไหลผ่านประเทศบราซิลด้วย ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมธรรมชาติอันบริสุทธิ์มักจะมาเที่ยวที่นี่เพื่อหลบหลีกนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในส่วนอื่นๆ ของประเทศ
ส่งท้าย
นอกจากสถานที่ 8 แห่งนี้แล้ว บราซิลยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย โดยเฉพาะหมู่เกาะต่างๆ และชายฝั่งทะเลที่ยาวนับพันกิโลเมตร แต่นักท่องเที่ยวต้องตระหนักว่าการท่องเที่ยวในบราซิลยังไม่ได้มีความปลอดภัยเท่ากับในประเทศพัฒนาแล้ว เพราะฉะนั้นการศึกษาหาข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
[sc name=”travelthai” ][/sc]