Rio De Janeiro หรือ ริโอเดจาเนโร (เรียกสั้นๆว่า Rio) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นลำดับสองของบราซิล คนไทยน่าจะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเมืองนี้มาบ้างจากความยิ่งใหญ่ของเทศกาลคาร์นิวัล (Carnival) ความสวยงามของธรรมชาติและอนุสาวรีย์ Christ the Redeemer รวมไปถึงความรุนแรงภายในเมือง
อย่างไรก็ดีนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่เคยเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายๆ ภายในเมืองริโอเดจาเนโรแต่อย่างใด โดยเฉพาะถ้าคุณระมัดระวังตัวเองดีพอ และไม่นำตัวเองไปอยู่ในสถานที่เสี่ยงๆ ในช่วงเวลากลางคืน
ในโพสนี้ ผมขอแนะนำเมืองริโอเดจาเนโรให้ทุกคนได้รู้จักอย่างคร่าวๆ ก่อน และตามมาด้วยสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเป็นลำดับถัดไปครับ
รู้จักริโอเดจาเนโร (Rio de Janeiro)
เมืองริโอเดจาเนโร (Rio De Janeiro) เป็นเมืองหลวงของรัฐที่มีชื่อเดียวกันของประเทศบราซิล ตัวเมืองเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเรื่องการท่องเที่ยว เพราะตัวเมืองเป็นหนึ่งในเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในซีกโลกใต้ด้วย
ความเป็นมาของเมืองนี้ย้อนไปได้ถึงสมัยศตวรรษที่ 16 นักสำรวจชาวโปรตุเกสได้เดินทางมาที่นี่และสร้างเมืองขึ้นที่ปากอ่าวแห่งนี้ในปี ค.ศ.1565 โดยตั้งชื่อเมืองอันแสนยืดยาวว่า São Sebastião do Rio de Janeiro
เมืองแห่งนี้ยังเป็นเมืองเล็กๆ จนกระทั่งในปลายสมัยศตวรรษที่ 17 ได้มีการค้นพบทองคำและเพชรในดินแดน Minas Gerais ซึ่งตั้งอยู่ลึกเข้าไปในป่าทึบ เหล่าพ่อค้าและนักสำรวจชาวโปรตุเกสจึงขนถ่ายทองคำกลับโปรตุเกสโดยผ่านตัวเมืองที่ปากอ่าว ทำให้ตัวเมืองมั่งคั่งตามไปด้วย เพราะได้กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญ

ความมั่งคั่งของเมืองได้ทำให้รัฐบาลอาณานิคมย้ายเมืองหลวงมาตั้งอยู่ที่นี่ แต่ในศตวรรษที่ 19 กลับมีเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อขึ้น เมื่อกษัตริย์โปรตุเกส หรือเจ้าอาณานิคมได้หนีการรุกรานของนโปเลียนมาตั้งเมืองหลวงของอาณาจักรขึ้นที่ดินแดนบราซิล ซึ่งเป็นอาณานิคม นับตั้งแต่บัดนั้น ริโอเดจาเนโรจึงกลายเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโปรตุเกสไปด้วย
ในปี ค.ศ.1821 กษัตริย์จอห์นที่ 6 แห่งโปรตุเกสได้เดินทางกลับโปรตุเกส และทิ้งบราซิลให้อยู่ในการปกครองของโอรสอย่างเจ้าชายเปโดร ความวุ่นวายทางการเมืองในเวลาต่อมาได้ทำให้เจ้าชายเปโดรประกาศว่าบราซิลเป็นประเทศเอกราช ไม่ขึ้นกับโปรตุเกสอีกต่อไป และตั้งให้ริโอเดจาเนโรเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิบราซิล

ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หรือสมัยสาธารณรัฐเป็นช่วงที่ริโอเดอจาเนโรได้รับการปรับปรุงโครงสร้าง เพราะตัวเมืองเต็มไปด้วยสลัมและเชื้อโรค การปฏิรูปช่วยให้ตัวเมืองสะอาดและมีเชื้อโรคน้อยลง แต่สลัมก็ยังคงอยู่ตามเดิม เพียงแต่ย้ายที่ไปอยู่ที่จุดใหม่เท่านั้น
เมืองริโอเดจาเนโรยังคงสถานะเมืองหลวงของบราซิลมาจนถึงปี ค.ศ.1960 รัฐบาลบราซิลจึงได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เมืองบราซิเลีย (Brasilia) แต่ตัวเมืองแห่งนี้ก็ยังคงเจริญต่อไป ในปัจจุบันมีผู้อยู่อาศัยในเขตเมืองมากถึง 12.2 ล้านคนเลยทีเดียวครับ
ถัดไปเราไปดูกันดีกว่า เมืองนี้มีที่ไหนน่าไปเยือนบ้าง
การเดินทางไปยังริโอเดจาเนโร
ริโอเดจาเนโรเป็นเมืองที่ผมต้องเอ่ยว่าไม่ปลอดภัยเท่าไรนัก แต่ไม่ใช่ว่าถึงขนาดที่ไปเที่ยวไม่ได้เลย ผมแนะนำให้ทุกคนอ่านคู่มือเรื่องความปลอดภัยก่อนที่คุณจะเดินทางไป เพื่อที่คุณจะได้แต่ประสบการณ์ที่ดีจากเมืองแห่งนี้ครับ
ในการเดินจากกรุงเทพไปยังริโอเดจาเนโร คุณจะต้องแวะเปลี่ยนเครื่องอย่างน้อย 1 ครั้ง นั่นคือที่ตะวันออกกลางหรือว่ายุโรป อย่างไรก็ดีผมพบว่าถ้าคุณเลือกเปลี่ยนเครื่อง 2 ครั้ง ราคาตั๋วเครื่องบินอาจจะถูกกว่าถึง 30,000 บาทเลยทีเดียว สายการบินที่น่าสนใจได้แก่
- Emirates (เปลี่ยนเครื่องครั้งเดียว)
- Qatar Airways
- Air France
- KLM
- Swiss Air
1. Christ the Redeemer
Christ the Redeemer เป็นอนุสาวรีย์/รูปปั้นพระเยซูที่ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขา Corcovado ตัวอนุสาวรีย์เป็นสัญลักษณ์ของทั้งเมืองริโอเดจาเนโรและประเทศบราซิล

อนุสาวรีย์ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1931 ด้วยเงินบริจาคของชาวบราซิลที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่ตัวฐานของอนุสาวรีย์มีโบสถ์เล็กๆ ตั้งอยู่ ชาวบราซิลมักจะเดินทางมาแต่งงานหรือทำพิธีศีลจุ่มกันที่นี่ครับ
คุณสามารถขึ้นไปชมตัวอนุสาวรีย์ได้โดยนั่งรถไฟขึ้นไปครับ เมื่อคุณอยู่ด้านบนแล้ว คุณจะเห็นตัวเมืองได้อย่างรายรอบเลยครับ

2. Sugarloaf Mountain
Sugarloaf Mountain เป็นภูเขาบริเวณปากอ่าวของเมือง Rio de Janeiro ที่มีรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ ภูเขาแห่งนี้จึงสัญลักษณ์ของเมือง และสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ

วิวทิวทัศน์บนภูเขานั้นสวยงดงามมาก เพราะจะเป็นทั้งหาดและปากอ่าวของเมืองโดยรอบ และเกาะแก่งต่างๆ ของอีกด้วย ทั้งนี้คุณสามารถขึ้นไปได้ด้วยการนั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปครับ
ด้านบนของภูเขามีสิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ป้อมปราการรูปดาวชื่อ Fort São João ตั้งอยู่ ตัวป้อมปราการมีอายุอย่างน้อย 400 ปี ย้อนไปถึงสมัยอาณานิคมเลยครับ
3. Ipanema
Ipanema เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกในเรื่องความสวยงาม นอกจากความอลังการของธรรมชาติแล้ว คุณจะยังได้สัมผัสวัฒนธรรมของชาวบราซิลด้วย เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งของตลาดและพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ไม่เพียงเท่านั้นงานสำคัญๆ ของเมืองยังถูกจัดขึ้นที่นี่บ่อยครั้ง บางครั้งจะมีแสดงดนตรี ประเพณีพื้นบ้าน และมีขายอาหารบราซิลแบบต้นตำรับด้วยครับ

4. Copacabana
Copacabana เป็นหาดทรายสีขาวสุดสวยยาวถึง 4 กิโลเมตร และครอบคลุมพื้นที่ด้านหนึ่งทั้งหมดของตัวเมือง Rio de Janeiro หาดทรายแห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าสวยงามระดับโลก ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน Countdown หลักของบราซิล

บริเวณชายหาดมีทางเดินที่มีชื่อเสียงนามว่า Copacabana promenade ตัวถนนถูกสร้างโดยใช้ลวดลายเป็นคลื่นและใช้สีดำและขาวครับ ทางเดินนี้จะเลียบชายหาดไปทั้งหมด 4 กิโลเมตร ทำให้คุณสามารถเดินชมวิวได้อย่างสบายๆ ครับ

ห่างออกไปจากตัวหาดจะมีอาคารเก่าแก่สมัยอาณานิคมอยู่หลายแห่ง เช่นเดียวกับร้านอาหาร คาเฟ่ ผับและบาร์ต่างๆ ถ้าอยากสัมผัสกับชีวิตตอนกลางคืนแบบบราซิล การมาเที่ยวที่นี่ก็เป็นทางเลือกที่สนใจครับ

5. Maracana Stadium
สำหรับสนามฟุตบอลในประเทศที่คลั่งไคล้กีฬาฟุตบอลอย่างบราซิลแล้ว ไม่มีสนามใดจะใหญ่และทรงเกียรติไปกว่า Maracana Stadium ใจกลางเมือง Rio de Janeiro

ในอดีตสนามแห่งนี้เคยจุแฟนบอลได้มากถึง 200,000 คน แต่การปรับปรุงใหม่ได้ทำให้เหลือที่นั่งเพียงประมาณ 78,000 ที่เท่านั้น สนามนี้จะใช้แข่งแมตช์สำคัญๆ ในวงการฟุตบอลบราซิล รวมไปถึงฟุตบอลโลกที่จัดที่บราซิลอย่างในปี ค.ศ.2014 ด้วย แต่ในปีนั้นทีมชาติบราซิลไม่ได้เล่นที่สนามแห่งนี้เลยสักครั้งเดียว เพราะโดนทีมชาติเยอรมันถลุงไป 1-7 ที่สนามอื่นครับ
ผมบอกเลยจะหาสนามไหนยิ่งใหญ่กว่าสนามนี้บอกเลยว่ายาก ถ้าคุณชอบกีฬาฟุตบอล คุณควรเข้าสัมผัสบรรยากาศตอนมีการแข่งขันสักครั้งหนึ่งครับ
6. Churches
ภายในเมือง Rio de Janeiro มีโบสถ์ที่สวยงามอยู่หลายแห่งด้วยกัน แต่ละแห่งมีอายุย้อนไปได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 17-19 และยังมีสภาพที่สมบูรณ์มากครับ
โบสถ์ที่น่าสนใจแห่งแรกคือ Nossa Senhora do Carmo (Old Cathedral of Rio de Janeiro) โบสถ์ที่เคยเป็นโบสถ์หลวงเมื่อครั้งที่บราซิลเป็นจักรวรรดิ ตัวโบสถ์ถูกสร้างขึ้นอย่างอลังการด้วยสไตล์ Baroque ในอดีตกษัตริย์โปรตุเกสที่ปกครองบราซิลยังได้มาทำพิธีราชาภิเษกที่นี่อีกด้วย

ปัจจุบันที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ทางศาสนาที่สำคัญที่สุดของเมืองและประเทศบราซิลครับ
โบสถ์แห่งที่สองที่คุณไม่ควรพลาดคือ São Bento Monastery อารามในคริสตจักรที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปากอ่าวนัก ตัวโบสถ์มีอายุประมาณ 400 ปี และสร้างขึ้นด้วยสไตล์ Mannerist แห่งยุค Renaissance ครับ

ด้านในถูกตบแต่งอย่างอลังการด้วยภาพเขียนและประติมากรรมโดยจิตรกรระดับปรมาจารย์หลายคน อาทิเช่น Domingos da Conceição และ Ricardo do Pilar พระสองรูปที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุดยอดฝีมือของบราซิลในช่วงเวลานั้นเลยครับ
โบสถ์แห่งสุดท้ายที่น่าสนใจคือ Sao Francisco da Penitencia Church ตัวโบสถ์เริ่มสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1657 และใช้เวลามากกว่า 100 ปีกว่าจะเสร็จสิ้น ตัวโบสถ์สร้างขึ้นโดยใช้ศิลปะแบบ Portuguese Baroque ทำให้ด้านในมีความหรูหราและเปล่งปลั่งไปด้วยทองคำอันละลานตา ความสวยงามของที่นี่ไม่แพ้โบสถ์ดังๆในยุโรปเลยครับ
7. Quinta da Boa Vista
Quinta da Boa Vista เป็นสวนขนาดใหญ่กลางเมือง Rio de Janeiro ศูนย์กลางของส่วนแห่งนี้คือ Paço de São Cristóvão พระราชวังเก่าที่เคยเป็นที่พำนักของจักรพรรดิแห่งบราซิล แต่ในปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของบราซิลไปแล้ว

ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งของจัดแสดงน่าชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโบราณวัตถุ หรือซากฟอสซิลของพืชและสัตว์ที่พบในดินแดนบราซิลครับ

นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว คุณยังสามารถไปเดินชมสวนสัตว์ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้ได้ เช่นเดียวการเดินเล่นบนทางเดินริมทะเลสาบที่มีต้นไม้อันร่มรื่นครับ
8. Escadaria Selarón
Escadaria Selarón เป็นบันไดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นสัญลักษณ์ของเมือง Rio de Janeiro ด้วย ตัวบันไดเป็นผลงานของ Jorge Selaron ช่างเซรามิกชื่อดังชาวชิลี

บันไดแห่งนี้มีสีสันฉูดฉาดและประดับประดาไปด้วยโมเสกแบบสมัยใหม่ ซึ่งดูแปลกตาและสวยไปในเวลาเดียว ภาพยนตร์หลายเรื่องต่างเคยใช้ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำมาแล้วครับ
9. ที่เที่ยวอื่นๆ ใน Rio de Janeiro
นอกเหนือจากสถานที่ที่ผมแนะนำไปแล้ว Rio de Janeiro ยังมีที่เที่ยวอันน่าสนใจหลายแห่ง อาทิเช่น
- Jardim Botânico – สวนพฤษภศาสตร์ขนาดใหญ่ที่มีโดม Orchidarium ที่มีกล้วยไม้มากกว่า 2,000 สปีชีส์ และยังมีต้นไม้และดอกไม้อื่นๆ ที่สวยงามอีกเป็นจำนวนมาก
- Favela – ย่านสลัมของเมือง Rio de Janeiro ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คุณเดินทางไปเข้าชมและสัมผัสบรรยากาศได้ แต่ต้องไปกับทัวร์พิเศษเท่านั้น ห้ามไปเองเด็ดขาด เพราะว่าอันตรายมาก
- Catedral de São Sebastião – มหาวิหารที่เพิ่งสร้างในช่วงปี ค.ศ.1970 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากวิหารของชาวมายาโบราณ
- Tijuca Forest – ป่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางเมือง ถ้าคุณมาเยือนที่นี่จะได้ชมทั้งสัตว์ และวิวมุมสูงของหาด Copacabana และ Ipanema ครับ
- Teatro Municipal – โรงละครขนาดใหญ่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโรงละครที่กรุงปารีส