การเขียนหนังสือหรือแต่งนิยายสักเล่มหนึ่งนั้นเป็นความฝันของหลายๆ คน อย่างไรก็ดีการจะทำให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องอาศัยทักษะ ฝีมือ หรือแม้กระทั่งโชคอย่างมากที่จะทำให้คนอ่านประทับใจในผลงานของคุณ
จากประสบการณ์ที่ผมเองได้เป็นนักเขียนมาแล้ว และได้ตีพิมพ์หนังสือไป 3 เล่ม ผมพบว่าการเรียนรู้สิ่งต่างๆในฐานะนักเขียนมือใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อน หลายๆ สิ่งเป็นสิ่งที่นักเขียนต้องเรียนรู้เฉพาะตนจากการเขียนนิยายหรือหนังสือจำนวนมาก
ดังนั้นถ้าคุณอยากเป็นนักเขียน ผมมองว่าการเรียนรู้จากนักเขียนนิยายหรือนักประพันธ์ระดับโลกโดยตรงเลยเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามาก เพราะพวกเขาจะช่วยการเขียนของคุณให้ถูกที่ถูกทาง และมีโอกาสที่จะประทับใจคนอ่านมากขึ้น คุณเองก็น่าจะคุ้นเคยกับนักเขียนเหล่านี้บางคนอยู่แล้วด้วยครับ
เนื่องจากคอร์สเรียนเหล่านี้เป็นคอร์สออนไลน์ ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าค่าเรียนจะแพง ค่าเรียนจะอยู่ที่หลักร้อยถึงหลักพันต้นๆ ต่อเดือนเท่านั้นเองครับ
เราไปเริ่มต้นกันเลยดีกว่า
คอร์สสอนการเขียนนิยาย
คอร์สที่ผมจะแนะนำต่อไปล้วนแต่เป็นคอร์สที่สอนโดยใช้ภาษาอังกฤษ หลายคนอาจจะสงสัยว่าจะนำมาประยุกต์ใช้กับนิยายหรือหนังสือภาษาไทยได้หรือไม่
จากประสบการณ์ของผม ผมบอกได้เลยว่าประยุกต์ได้ 100% ครับ เพราะคอร์สเหล่านี้จะสอนเทคนิคต่างๆ ในการแต่งนิยายและเขียนหนังสือ อย่างเช่นการสร้างตัวละคร หรือฉากที่น่าสนใจ โดยที่ไม่ได้เน้นไปที่การเขียนภาษาอังกฤษเลย ดังนั้นนักเขียนหน้าใหม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างแน่นอน
ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือคุณจะได้เรียนรู้วิธีการสร้างตัวละครที่มีมิติตลอดจนมีความซับซ้อนจากนักเขียนตะวันตกครับ ซึ่งรวมๆ แล้วน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว
MasterClass
MasterClass เป็นแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่รวบรวมเฉพาะคลาสที่สอนโดยสุดยอดปรมาจารย์ระดับโลกเท่านั้น อย่างเช่น Gordon Ramsey สุดยอดเชฟจากรายการดังอย่าง Hell’s Kitchen หรือ MasterChef เป็นต้น
อย่างในเรื่องศาสตร์การเขียนนิยายและหนังสือก็มีให้เรียนหลายคนเลยครับ ผมเชื่อว่าถ้าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้นิยาย คุณจะต้องเคยอ่านนิยายของพวกเขาเหล่านี้สักเล่มหนึ่งแน่นอน
1. Dan Brown
Dan Brown คือผู้แต่งนิยายระดับโลกอย่าง Davinci Code, Angels & Demons และเรื่องอื่นๆ อีกมากมายที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดี ในคอร์สนี้เขาจะมาสอนคุณว่าจะเขียนนิยายระทึกขวัญอย่างไรให้ปังจนถึงกับขายได้นับล้านเล่มครับ
สิ่งที่เขาจะสอนคุณในคอร์สคือ
- โครงสร้างที่ดีคือนิยายระทึกขวัญ
- วิธีการสรรหาไอเดียสำหรับการเขียนนิยาย
- การเลือกสถานที่ที่น่าสนใจ
- การสร้างตัวละครฝั่งพระเอก/นางเอก และตัวร้าย
- การสร้างตัวละครเสริม หรือตัวประกอบที่น่าสนใจ
- วิธีการสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้ง และดำเนินเรื่องไปอย่างเข้มข้น
- ศึกษา Case Study นิยายที่ประสบความสำเร็จอย่าง Davinci Code
- การทำ research อย่างละเอียดเพื่อการเขียนนิยาย
- เคล็ดลับการสร้างพลอตเรื่องที่น่าติดตาม
- กลยุทธ์อื่นๆ ที่จะเล่าเรื่องราวให้สนุก ประทับใจที่คุณนำไปใช้กับนิยายของคุณได้ไม่ยาก
- ปิดท้ายคอร์สด้วยการให้แรงบันดาลใจในการเขียนให้กับคุณ
โดยรวมแล้วคอร์สนี้ถือว่าครบถ้วนและยอดเยี่ยมมากๆ สำหรับใครที่อยากจะเขียนนิยายของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนิยายระทึกขวัญหรือนิยายแนวๆ อื่น เพราะเคล็ดลับเหล่านี้สามารถนำไปประยุกต์ได้อย่างสบายๆ ครับ
2. Malcolm Gladwell
เราว่ากันที่ในส่วนของการเขียนหนังสือกันบ้าง สำหรับคอร์สที่ 2 คุณจะได้เรียนกับ Malcolm Gladwell ผู้เขียนหนังสือด้านการพัฒนาตนและธุรกิจที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่าง Outliers ครับ
ในคอร์สนี้คุณจะได้เรียนสิ่งต่อไปนี้
- การวางแผนการเล่าเรื่อง
- วิธีการดึงคนอ่านให้อยู่กับคุณไปจนจบเล่ม
- การทำ Research
- การเลือกสรรเรื่องเล่าที่น่าสนใจ
- การพัฒนาส่วนต่างๆ ของหนังสือ
- การสร้าง “ตัวละคร” ขึ้นมาอย่างเป็นระบบ
- การใช้ภาษาที่เหมาะสมสำหรับผู้อ่าน
- การกำหนดชื่อเรื่อง และการเขียน Draft ต่างๆ
- อธิบายวิธีเปลี่ยนตัวเองจากนักอ่านสู่นักเขียน
คอร์สนี้ถือว่าน่าสนใจมากถ้าคุณอยากจะเขียนหนังสือทั่วไปไม่ว่าจะเป็นหนังสือที่ให้ความรู้ ให้แรงบันดาลใจ นอกจากนี้แล้วใครที่อยากเขียนนิยายที่มีการเล่าเรื่องแบบเป็นระบบ คุณก็จะได้ประโยชน์จากคอร์สนี้เหมือนกันครับ
3. Neil Gaiman
สำหรับคอร์สที่ 3 นี้คุณจะได้เรียนกับ Neil Gaiman หนึ่งในนักประพันธ์นิยายชั้นนำ นิยายของเขาอย่าง Coraline, American Gods และ Good Omens ต่างได้รับความนิยมและได้รับรางวัลมาแล้วมากมายครับ
คอร์สนี้จะเน้นไปที่การสอนการเล่าเรื่อง (Storytelling) แบบล้วนๆ ถ้าใครอยากให้นิยายหรือหนังสือของคุณดึงดูดผู้อ่านได้ตลอดเล่ม ผมแนะนำให้คุณลงคอร์สนี้เลยครับ
ภายในคอร์สจะสอนเนื้อหาต่อไปนี้
- วิธีการทำให้เรื่องเล่าของคุณดู Real มากที่สุดสำหรับคนอ่าน
- การหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ
- การหา Writer’s Voice หรือการที่คนอ่านสามารถทราบได้ทันทีว่าบทความนี้คุณเป็นคนเขียน
- การพัฒนา Storyline
- วิธีเขียนเรื่องสั้นที่ตรึงใจผู้อ่าน
- การสร้างบทสนทนาของตัวละครที่ดูสมจริง
- การเนรมิตบรรยากาศที่น่าสนใจสำหรับนิยายของคุณ
- เทคนิคดีๆ สำหรับการพรรณนาโวหารที่คนอ่านจะต้องตรึงใจ
- การสอดแทรกมุกตลกเข้าไปในเรื่อง
- การ edit ต้นฉบับด้วยการขอความคิดเห็นจากนักอ่านที่ไว้ใจได้
- และอื่นๆ อีกมากมาย
จุดเด่นของคอร์สนี้คือมี Case Studies จำนวนมากครับ คุณจะได้เรียนรู้ตัวอย่างมากมายที่จะทำให้คุณเข้าใจวิธีการเล่าเรื่องมากขึ้น นอกจากนี้ภายในเคสเหล่านี้ยังสอดแทรกเทคนิคเพิ่มเติมไว้อีกมากครับ
สรุปแล้วถ้าคุณเป็นนักเขียนมือใหม่ที่มีปัญหาว่าจะเล่าเรื่องในงานเขียนให้น่าติดตามยังไงดี ผมแนะนำอย่างมากให้คุณเรียนคอร์สนี้ครับ หลังจากเรียนจบแล้ว คุณจะเขียนได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
4. R.L. Stine
R.L. Stine คือเจ้าของนวนิยายสำหรับเด็กอย่าง the Goosebumps ที่ขายได้ทั่วโลกถึง 400 ล้านเล่มใน 32 ภาษาด้วยกัน แถมยังถูกสร้างเป็นซีรีส์และภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้งด้วยครับ
ต่างจากคอร์สอื่นๆ R.L. Stine จะเน้นสอนเขียนนิยายสำหรับเด็กครับ ถ้าคุณอยากเป็นนักเขียนแนวนี้ ผมบอกได้เลยว่าไม่ควรพลาดคอร์สนี้เลยครับ
เรามาดูกันดีกว่าครับในคอร์สจะมีเนื้อหาอะไรบ้าง
- วิธีการสรรหาไอเดียในการเขียนนิยายสำหรับเด็ก
- จากไอเดียมาสู่โครงเรื่องนิยาย
- การสร้าง Outline: การสร้างตอนจบและจุดหักมุม
- การเขียนนิยายให้ตอบโจทย์ผู้อ่านในแต่ละวัย
- วิธีการเขียนนิยายสยองขวัญ
- การทำให้นิยายของคุณสนุก ไม่ว่าจะเป็นใส่รายละเอียดที่จะทำให้คนอ่านกลัว หรือว่าลุ้นระทึกน่าติดตาม
- การผสมผสานระหว่างความกลัวและความตลก
- การสร้างตัวละครที่แตกต่างจากนิยายทั่วไป
- Case Studies มากมายที่ช่วยให้คุณเห็นภาพ
- แบบฝึกหัดที่คุณจะได้ลองทดสอบไอเดีย และนำสิ่งที่เรียนมาใช้จริงในเรื่องของเรา
- และอื่นๆ อีกมากมาย
คอร์สนี้ถือว่าเป็นคอร์สสอนแต่งนิยายที่สมบูรณ์มากอีกคอร์สหนึ่ง ทุกทักษะถูกให้ความสำคัญ และคุณจะได้เข้าใจว่ามีรายละเอียดใดบ้างที่นิยายสำหรับเด็กหรือแม้กระทั่งนิยายใดๆ “ต้องมี” ครับ
นักเขียนคนอื่นๆ
นอกจากนักเขียนทั้ง 4 ด้านบนแล้ว MasterClass ยังมีคลาสด้านการเขียน และการแต่งนิยายอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- Joyce Carol Oates – นักเขียนเรื่องสั้นระดับเทพที่เขียนเรื่องสั้นอย่าง We Were the Mulvaneys” ที่กวาดรางวัลมาแล้วจำนวนมาก
- Margaret Atwood – นักเขียนหญิงที่รังสรรค์นิยายที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมอย่างเช่น Oryx และ Crake
ถ้าคุณสนใจ เพียงแค่คุณสมัครสมาชิก MasterClass ในราคา $15 ต่อเดือน (ต้องจ่ายเป็นปีในราคา $180 หรือประมาณ 5,400 บาท) คุณก็จะเข้าถึงคอร์สที่สอนเทคนิคดีๆ ในการสร้างสรรค์งานเขียนเหล่านี้ทั้งหมดทันที คุณไม่จำเป็นต้องจ่ายเพิ่มในแต่ละคอร์สครับ นอกจากนั้นยังเรียนคอร์สอื่นๆ ทั้งหมดในแพลตฟอร์มเลยครับ
ดังนั้นอาจเรียกได้ว่านี่เป็นโอกาสหนึ่งเดียวที่คุณจะได้เรียนรู้จากนักเขียนเก่งๆ เหล่านี้เลยทีเดียวครับ
Coursera และ edX
คอร์สสอนเขียนหนังสือและแต่งนิยายที่ผมจะแนะนำต่อไปจะอยู่ในแพลตฟอร์มอย่าง Coursera และ edX ถ้าคุณยังไม่เข้าใจเรื่องของเงื่อนไขต่างๆ อย่างเช่นราคาและวิธีการเรียน ผมแนะนำให้อ่านเพิ่มเติมในบทความแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ของผมครับ
5. Creative Writing Specialization
คอร์สนี้เป็นหลักสูตรที่อยู่ใน Coursera ซึ่งจะสอนโดยคณาจารย์จาก Wesleyan University ซึ่งแต่ละท่านเป็นนักเขียนชื่อดังที่เคยได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย
สำหรับหลักสูตรนี้จะประกอบด้วย 4 คอร์สย่อย แต่ละคอร์สจะฝึกให้คุณเล่าเรื่องให้เก่งกาจเหมือนกับนักเขียนชั้นนำ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ครับ
- The Craft of Plot – คอร์สนี้จะแนะนำวิธีการสร้าง Plot ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการขับเคลื่อนตัว plot ไปให้เหมาะสม การบรรยายความรู้สึก ความคิด ความคาดหวังและความปรารถนาของตัวละคร
- The Craft of Character – คอร์สที่สองจะอธิบายถึงวิธีการสร้างตัวละครที่โลกไม่ลืม รวมไปถึงวิธีการใส่ความสมจริงลงไป ภายในคอร์สนี้จะแบบฝึกหัดที่คุณจะได้สรรค์สร้างตัวละครต่างๆ ของเรื่องโดยอาศัยประสบการณ์ในชีวิตของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การศึกษา ฯลฯ
- The Craft of Setting and Description – เรียงร้อยบรรยากาศต่างๆ ในนิยายผ่านทางภาษาที่จะช่วยให้คนอ่านคิดว่าตัวเองอยู่ในสถานที่หรือโลกของเรื่องราวที่คุณสร้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีปูมหลังที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง หรือว่าไม่มีความเป็นจริงเลย อย่างนิยายแฟนตาซีครับ
- The Craft of Style – คอร์สสุดท้ายในหลักสูตรที่จะสอนเทคนิคในงานเขียนระดับสูงอย่างเช่น อุปมาและปุคคลาธิษฐาน คุณจะได้ทราบเอาไว้ และนำมาประยุกต์ใช้ในนิยายของคุณครับ
- Capstone – คุณจะได้ลองเขียนนิยายสั้นความยาวประมาณ 8-15 หน้าโดยอาศัยความรู้จาก 4 คอร์สที่เรียนมา อย่างไรก็ดีคุณจะได้ทราบว่านักเขียนมืออาชีพผลิตผลงานออกมาสู่สาธารณชนอย่างไร
ทางมหาวิทยาลัยแนะนำว่าคุณควรจะเรียนสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง ซึ่งคุณจะใช้เวลา 6 เดือนในการเรียนให้จบ แต่เวลาที่ใช้เรียนจริงต่อสัปดาห์น่าจะมากกว่านั้นมากครับ เพราะมีแบบฝึกหัดที่คุณต้องทำมากพอสมควรทีเดียว
คุณสามารถเรียนเนื้อหาในคอร์สทั้งหมดได้ฟรี แต่คุณจะไม่ได้รับ feedback และการตรวจงานเขียนของคุณจากผู้เชี่ยวชาญ รวมไปถึงประกาศนียบัตรจากทางมหาวิทยาลัยด้วย ถ้าเป็นไปได้ ผมมองว่าเรียนแบบเสียเงินจะดีกว่าครับ ค่าเรียนจะอยู่ที่ $49 หรือประมาณ 1,470 บาทต่อเดือน
6. How to Write a Novel: Writing the Draft
คอร์สนี้เป็นคอร์สสอนแต่งนิยายของ The University of British Columbia โดยในคอร์สจะสอนวิธีการเขียนวรรณกรรมที่ดีอย่างละเอียดแบบทุกซอกทุกมุม ถ้าเปรียบในเรื่องของเนื้อหาแล้วจะใกล้เคียงกับคอร์สที่ 5 ครับ
รายละเอียดย่อยของคอร์สที่เราจะได้เรียนมีดังต่อไปนี้
- แนะนำกลยุทธ์ในการเริ่มต้นเขียนนิยาย อาทิเช่น คุณจะเล่าเรื่องในมุมมองของใคร?
- การสร้างความขัดแย้งและความกดดันผ่านการอ่าน
- การใช้เทคนิค Flashback ที่มีประสิทธิภาพ
- การสร้างตัวละครที่มีหลายมิติ มีความสมจริงทางด้านความรู้สึกและอารมณ์
- การสร้างบทพูดที่ทรงพลัง มีความดราม่า และคนอ่านรู้สึกว่าเป็นจริง น่าเชื่อถือ และสิ่งที่เราไม่ควรใส่ลงไป
- การบริหารจัดการพลอตของคุณให้เป็นระบบตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น วิธีจัดการเมื่อคุณเขียนไปแล้วเริ่มจะออกทะเล หรือการจบตอนที่ตราตรึงใจ
- วิธีการหาข้อมูลสำหรับใช้ในนิยาย คุณจะเข้าใจว่าตอนไหนควรจะทำ research หรือตอนไหนไม่จำเป็นต้องทำ
- สิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้ในการเขียน รวมไปถึงวิธีการจัดการเมื่อคุณหมดซึ่งไอเดียที่จะเขียนต่อไป
โดยรวมแล้วในฐานะนักเขียน ผมต้องขอบอกเลยว่าเคล็ดลับที่สอนในคอร์สนี้มีค่ามากจริงๆ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นนักเขียนมือใหม่ เพราะคุณจะได้เข้าใจถึงวิธีการแต่งนิยายอย่างละเอียด รวมไปถึงกลยุทธ์ที่จะนำตัวเองออกมาจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก อย่างเช่นไม่รู้จะเขียนอะไรดีด้วย ซึ่งหลายสิ่งที่คอร์สนี้สอนเป็นสิ่งที่นักเขียนมืออาชีพหลายคนยังไม่ทราบเลยครับ
คอร์สนี้จะใช้เวลาเรียน 6 สัปดาห์ โดยคุณควรจะใช้เวลาเรียน 4-6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่สัปดาห์จะมีการบ้านที่คุณจะต้องส่ง หลังจากนั้นครูของคุณจะให้ความคิดเห็นตอบกลับว่า ผลงานของคุณเป็นอย่างไรครับ นอกจากนี้เมื่อคุณเรียนจบคอร์ส คุณจะได้ประกาศนียบัตรจากทางมหาวิทยาลัยเป็นของแถม
ในส่วนของค่าเรียนคอร์สแต่งนิยายนี้จะอยู่ที่ $295 หรือประมาณ 9,850 บาทครับ โดยไม่มีการจ่ายรายเดือนแต่อย่างใด