ประวัติศาสตร์ศึกคาวาโกเอะ (Siege of Kawagoe) ความปราชัยย่อยยับของตระกูลอุเอะสึกิ

ศึกคาวาโกเอะ (Siege of Kawagoe) ความปราชัยย่อยยับของตระกูลอุเอะสึกิ

ตระกูลอุเอะสึกิ (Uesugi Clan) เป็นตระกูลไดเมียวใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีอำนาจล้นเหลือทางภาคตะวันออกของเกาะฮฮนชู และมีกำลังทหารแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคของอุเอะสึกิ เก็นชิน (Uesugi Kenshin) อย่างไรก็ดีก่อนที่จะถึงยุคของเก็นชินนั้น ตระกูลอุเอะสึกิเคยพ่ายแพ้ครั้งใหญ่มาก่อนในศึกคาวาโกเอะที่ทำให้เก็นชินนั้นขึ้นสู่อำนาจในตระกูลอีกด้วย

เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเกิดอะไรขึ้นในศึกครั้งนี้

โอโจ อุจิยาสุ

ปูมหลัง

ตระกูลอุเอะสึกินั้นเป็นตระกูลใหญ่ เพราะฉะนั้นจะเหมือนกับตระกูลใหญ่อื่นๆของญี่ปุ่น นั่นคือภายในตระกูลจะมีการแบ่งเป็นสาย ซึ่งในช่วงยุคศตวรรษที่ 15 นั้นตระกูลอุเอะสึกิมีด้วยกันสามสายด้วยกัน นั่นคือสายโอกิกะยาสึ (Ogigayatsu) สายยามาโนะอุจิ (Yamanouchi) และสายอินุตาเกะ (Inutake) ทั้งสามสายนั้นก็เหมือบเครือญาติทั่วไป นั่นคือไม่กินเส้นกัน และมักเรื่องขัดแย้งเรื่องดินแดนกันอยู่เสมอ บางครั้งก็มีการสัประยุทธ์กันด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ดีเมื่อเกิดสงครามโอนิน (Onin War) ซึ่งเป็นสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ สายอินุตาเกะสูญสิ้นไป ทำให้เหลือแต่สายโอกิกะยาสึและยามาโนะอุจิที่แย่งชิงพื้นที่เขตคันโตกัน แต่ทั้งสองสายไม่ได้ตระหนักว่ามีอีกตระกูลหนึ่งที่กำลังเข้มแข็งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตระกูลที่ว่านั้นก็คือตระกูลโฮโจ (Hojo Clan) ภายใต้การนำของผู้นำอย่างโฮโจ โซอุน (Hojo Soun)

ความเข้มแข็งที่เพิ่มพูนขึ้นมาของตระกูลโฮโจ ทำให้ตระกูลอุเอะสึกิที่คุมภูมิภาคคันโตมาก่อนต้องเลิกตีกันเอง และพยายามสกัดกั้นการรุกคืบของตระกูลโฮโจที่มีฐานที่มั่นอยู่ที่ภาคใต้ของภูมิภาค ทั้งสองฝ่ายปะทะกันนานนับสิบปี โดยผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่เป็นฝ่ายโฮโจที่ได้รับชัยชนะมากกว่า ในปี ค.ศ.1537 โฮโจ อุจิสึนะ (Hojo Ujitsuna) ก็ตีปราสาทคาวาโกเอะ ฐานที่มั่นสำคัญของตระกูลโอกิกะยาสึแตก

การสูญเสียคาวาโกเอะเป็นเรื่องใหญ่ของสายโอกิกะยาสึมาก เพราะถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงของสายพวกตน แถมในเวลานั้นสายโอกิกะยาสึก็ด้อยกว่าสายยามาโนะอุจิอยู่แล้ว การเสียเมืองนี้ไปยิ่งทำให้สายของตนอ่อนแอลงไปอีก นับตั้งแต่บัดนั้นสายโอกิกะยาสึจึงตั้งใจที่จะตีเมืองนี้ให้ได้ ในปี ค.ศ.1545 สายโอกิกะยาสึจึงจับมือสายยามาโนะอุจิ และยกกองทัพจำนวนมหาศาลถึง 80,000 คนยกมาตีเมืองคาวาโกเอะ

การศึก

การทุ่มกำลังจำนวนมหาศาล หรือเรียกได้ว่าเกือบหมดเขตที่ปกครองนั้นเป็นการแสดงออกของฝ่ายอุเอะสึกิว่าต้องการตีเมืองคาวาโกเอะคืนให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แต่ฝ่ายโฮโจนั้นมีกำลังทหารในเมืองเพียง 3,000 นายภายใต้การควบคุมของโฮโจ สึนะชิเกะ (Hojo Tsunashige) แต่สึนะชิเกะผู้นี้เป็นยอดฝีมือของตระกูลโฮโจ และถือว่าเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจในการทำศึกผู้หนึ่ง

ดังนั้นไม่ว่าทหารอุเอะสึกิจะทุ่มกำลังเข้าตีเท่าไร แต่ทหารเพียงหยิบมือของสึนะชิเกะกลับยันเอาไว้ได้ ฝ่ายอุเอะสึกิที่ต้องการเร่งตีเมืองนี้ให้แตกก่อนที่กองทัพหนุนของโฮโจจะเดินทางมาถึงจึงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

ขณะเดียวกันนั้นโฮโจ อุจิยาสุ (Hojo Ujiyasu) ประมุขตระกูลโฮโจที่มีฉายาว่า “สิงโตแห่งซากามิ” ได้ข่าวศึก เขาจึงนำกำลังทหารจากโอดาวาระมาช่วยด้วยตนเอง แต่กำลังหนุนของฝ่ายโฮโจนั้นมีประมาณ 8,000 คนเท่านั้น ซึ่งถ้ารวมกันแล้วก็ยังน้อยกว่ากำลังของตระกูลอุเอะสึกิมากอยู่ดี

อย่างไรก็ดีอุจิยาสุผู้นี้เก่งกาจในการทำศึกมาก และก่อนหน้านี้ตอนที่เขาอายุได้เพียง 15 ปี เขาเคยตีกองทัพของตระกูลอุเอะสึกิสายโอกิกะยาสึแตกกระเจิงมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นเรื่องกลัวพวกอุเอะสึกิจึงไม่มีอย่างแน่นอน

เมื่ออุจิยาสุนำกองทัพมาถึง เขาตระหนักว่าฝ่ายโฮโจมีกำลังน้อยกว่ามาก เพราะฉะนั้นทางที่จะชนะมีอยู่ทางเดียว นั่นคือเข้าโจมตีพวกอุเอะสึกิช่วงกลางคืนจากสองด้าน หรือพูดง่ายๆ คือสึนะชิเกะต้องนำกำลังออกมาโจมตีด้วย

แต่การโจมตีนี้จะสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าฝ่ายอุเอะสึกิระมัดระวังตัวดี ดังนั้นอุจิยาสุจึงให้พวกนินจาจำนวนมากเข้าไปสอดแนมค่ายของฝ่ายอุเอะสึกิ นินจาเหล่านี้กลับพบว่าตั้งแต่แม่ทัพไปจนถึงทหารทั่วไปของฝ่ายอุเอะสึกินั้นล้วนแต่มั่นใจกับชัยชนะ และไม่ได้ระวังป้องกันค่ายเท่าไรนัก

เมื่อได้ข้อมูลตรงนี้มา อุจิยาสุจึงยิ่งมั่นใจว่าจะต้องใช้แผนโจมตีกลางคืน เขาจึงส่งหน่วยกล้าตายเข้าไปในเมืองเพื่อสั่งให้สินะชิเกะออกมาโจมตีในคืนเดียวกัน

แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วหน่วยกล้าตายก็ทำหน้าที่ได้สำเร็จ สินะชิเกะได้ทราบเรื่องและสั่งให้ทหารเตรียมเข้าโจมตีตามที่นัดแนะไว้

ก่อนที่จะออกศึก อุจิยาสุสั่งเหล่าซามูไรไม่ให้สวมใส่เกราะหนา รวมไปถึงไม่ให้เสียเวลาตัดศีรษะทหารศัตรู เพื่อที่การเคลื่อนทัพจะได้รวดเร็วที่สุด และอาศัยการโจมตีแบบฉับพลัน ทำให้ฝ่ายอุเอะสึกิแตกตื่น

หลังจากนั้นไม่กี่วัน กองทัพสนับสนุนของฝ่ายโฮโจก็เข้าโจมตี พร้อมๆ กับการเข้าตีจากในเมืองของสินะชิเกะ ฝ่ายอุเอะสึกินั้นไม่ได้ระวังตั้งตัวอย่างสิ้นเชิง ทำให้ทหารโฮโจบุกเข้าค่ายและสังหารทหารไปเหลือคณานับ ยิ่งการสู้รบดำเนินต่อไป ฝ่ายอุเอะสึกิก็ยิ่งเสียเปรียบ จนสุดท้ายก็แตกกระจัดกระจายอย่างที่ฟื้นคืนไม่ได้

ระหว่างการศึกนั้น อุเอะสึกิ โทโมซาดะ (Uesugi Tomosada) ประมุขวัยหนุ่มของสายโอกิกะยาสึถูกพวกโฮโจสังหารอีกด้วย การสิ้นชีวิตของเขาทำให้สายโอกิกะยาสึสูญสิ้นไปอย่างสมบูรณ์ ส่วนอุเอะสึกิ โนริมาซะ ประมุขของสายยามาโนะอุจิที่รอดชีวิตไปได้ก็อยู่ในสภาพสะบักสะบอม เพราะสูญเสียทหารไปจำนวนมาก ตามพงศาวดารแล้ว ทหารอุเอะสึกิน่าจะถูกสังหารไปมากถึง 15,000 นายในคืนวันนั้น

ผลที่ตามมา

ความปราชัยอย่างย่อยยับที่คาวาโกเอะส่งผลอย่างมากต่อตระกูลอุเอะสึกิ เพราะหลังจากนั้นเมืองขึ้นต่างๆ ก็เริ่มกระด้างกระเดื่อง และหันไปสวามิภักดิ์ต่อตระกูลโฮโจ ไม่กี่ต่อมาอุจิยาสุก็ขยี้ตระกูลอุเอะสึกิอีกครั้งที่ปราสาทฮิเรอิ เมืองหลวงของสายยามาโนะอุจิ และทำให้โนริมาซะสิ้นเนื้อประดาตัว (และน่าจะสมาชิกครอบครัวจำนวนมากด้วย) เขาต้องหนีไปพึ่งนากาโอะ คาเกะโตระ ซึ่งเคยเป็นผู้ติดตามของตนเอง

หลังจากนั้นโนริมาซะก็ได้รับคาเกะโตระเป็นบุตรเลี้ยง ซึ่งคาเกะโตระก็รับ เพราะได้ชื่อเสียง อิทธิพล รวมไปถึงความเคารพนับถือของตระกูลใหญ่อันเก่าแก่อย่างอุเอะสึกิ คาเกะโตระผู้นี้ได้เปลีย่นชื่อเป็นอุเอะสึกิ เก็นชิน (Uesugi Kenshin) ไดเมียวผู้โด่งดังแห่งยุคเซ็นโกกุนั่นเอง

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!