หลายท่านน่าจะเคยดูภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่องที่เกี่ยวกับการบุกชิงตัวประกันที่มีฉากบู๊ต่างๆ นาๆ แต่เรื่องที่ผมกำลังจะเล่านี้เป็นเรื่องจริง มันเป็นการบุกชิงตัวประกันที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์โลกครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้
ปฏิบัติการที่ว่าคือ ปฏิบัติการทันเดอร์โบลต์ หรือ ปฏิบัติการเอนเทปเบ้ (Operation Entebbe)
ปูมหลัง
ในวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ.1976 เครื่องบินของสายการบินแอร์ฟรานซ์ เที่ยวบินที่ 139 ได้เดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เพื่อบินไปยังกรุงปารีส
หากแต่ว่าระหว่างที่เครื่องบินอยู่ เครื่องบินได้ถูกจี้โดยผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ พวกเขาบังคับให้นักบินนำเครื่องบินมุ่งหน้าไปที่กรุงคัมพาลา เมืองหลวงของอูกันดา
ในขณะนั้นอูกันดาปกครองโดยจอมเผด็จการ อีดี้ อามิน
สิ่งที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายต้องการคือ ให้อิสราเอลปล่อยพวกเดียวกันที่ถูกจับกุมได้ ถ้าอิสราเอลไม่ทำตาม พวกเขาจะเริ่มสังหารตัวประกันในวันที่ 1 กรกฎาคม
อิสราเอลเจรจากับทางผู้ก่อการร้ายด้วยการทูต ในขณะเดียวกันก็ให้เหล่าหน่วยรบพิเศษเตรียมตัวให้พร้อม
ต่อมาอิสราเอลสามารถต่อรองให้ผู้ก่อการร้ายเลื่อนเส้นตายเป็นวันที่ 4 กรกฎาคม
ในขณะนั้นกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ปล่อยตัว ผู้โดยสารที่ไม่ใช่ชาวยิวออกมาทั้งหมด และส่งตัวพวกเขาไปที่ปารีส ส่วนตัวประกันชาวยิวถูกคุมตัวไว้ในสนามบินเอ็นเทปเบ้ ที่กรุงคัมพาลา เมืองหลวงของอูกันดา
สุดท้ายแล้วการเจรจาก็ไม่ประสบผลสำเร็จ รัฐบาลอิสราเอลจึงให้หน่วยรบพิเศษไปช่วยเหลือตัวประกันทันที
ภารกิจเริ่มต้น
การช่วยตัวประกันเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะอูกันดาอยู่ห่างจากอิสราเอลหลายพันกิโลเมตร เครื่องบิน C-130 ของกองทัพอิสราเอลบินไปไม่ถึง ถ้าไม่มีการเติมน้ำมัน
ทั้งนี้ชาติอาหรับทั้งหลายมีความขัดแย้งกับอิสราเอล จึงไม่มีประเทศใดช่วยเหลือ ปรากฎว่ามีแต่เพียงเคนยาเท่านั้นที่ยินดีช่วยเหลือเป็นที่พักเติมน้ำมัน ทำให้ปัญหาดังกล่าวจบลงไป
อิสราเอลได้ติดต่อตัวประกันที่ถูกปล่อยตัวมาที่ปารีส เพื่อสอบถามโครงสร้างของสนามบินเอนเทปเบ้ สถานที่ที่ตัวประกันถูกควบคุมตัว ทำให้พวกเขามีแผนที่คร่าวๆ อยู่ในมือ
ใกล้เส้นตายเข้าไปทุกที หน่วยรบพิเศษจำนวน 100 คนของอิสราเอลต้องลงมือแล้ว พวกเขาได้รับการติดอาวุธครบมือ รถยนต์ “พิเศษ” สองคันที่ใช้ในปฎิบัติการถูกเตรียมพร้อมอย่างเรียบร้อย
ในวันที่ 3 กรกฎาคม เครื่องบิน C-130 4 ลำและเครื่องบินโบอิ้ง 707 อีก 2 ลำก็เดินทางไปยังเคนยา เครื่องบินทั้งหมดต้องบินต่ำมาก (ประมาณ 30 เมตรจากพื้นดิน) เพื่อหลบหลีกเรดาร์ของประเทศอาหรับที่เป็นศัตรูของอิสราเอล
เมื่อถึงเคนยาแล้ว เครื่องบินโบอิ้ง 707 ลำหนึ่งที่นำเครื่องมือแพทย์มาด้วยจะจอดรออยู่ที่นี่ ขณะที่เครื่องบิน C-130 ทั้งหมดและเครื่องบินโบอิ้ง 707 อีกลำที่นำผู้บังคับการในปฎิบัติการนี้มาจะเดินทางไปที่เอ็นเทปเป้
ห้าทุ่มของวันที่ 3 กรกฎาคม เครื่องบิน C-130 ลำแรกได้ลงจอดที่สนามบินเอ็นเทปเป้อย่างเงียบๆ หน่วยรบพิเศษได้เคลื่อนตัวออกมาจากเครื่องบิน พร้อมกับรถยนต์เมอร์ซิเดสสีดำ และรถแลนด์โรเวอร์อีกคันหนึ่ง
สายฟ้าฟาด
หน่วยรบพิเศษนำรถทั้งสองมาด้วยเพื่อที่จะหลอกทหารยามว่าพวกเขาคือคนของอีดี้ อามิน พวกเขาจะได้เข้าไปถึงตัวอาคารสนามบินได้โดยง่าย
หากแต่ว่าเมื่อถึงเขตสนามบินนั้น เหล่าทหารยามอูกันดากลับจำได้ว่า รถเมอร์ซิเดสคันใหม่ของอีดี้ อามินเป็นสีขาว พวกเขาสั่งให้ขบวนรถนั้นหยุด เมื่อเห็นท่าไม่ดี หน่วยรบพิเศษจึงยิงทหารยามทั้งสองด้วยกระสุนปลอดเสียงทันที
หลังจากนั้นพวกเขารีบเข้าไปที่อาคารหลักของสนามบิน ตัวประกันถูกขังอยู่ในอาคารหลักที่ติดอยู่กับรันเวย์ หน่วยรบพิเศษจึงเข้าไปในอาคารและประกาศว่า
หมอบลง พวกเราคือทหารอิสราเอล
พวกเขาตะโกนทั้งในภาษาฮิบรู และอังกฤษ เพื่อให้ตัวประกันหมอบลง ชาวหนุ่มชาวอิสราเอลผู้หนึ่งกลับลุกขึ้นยืน หน่วยรบพิเศษคิดว่าเขาเป็นผู้ก่อการร้ายจึงยิงใส่เขาทันที เขาเสียชีวิตในบัดดล
ในเวลานั้นมีพวกผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องที่ขังตัวประกัน หน่วยรบพิเศษจึงยิงสังหารเขาทันที แล้วรีบพาตัวประกันออกไปขึ้นเครื่องบิน C-130 ที่จอดรออยู่แล้ว
ระหว่างที่กำลังนำตัวประกันออกไปนั้น หน่วยรบพิเศษถามตัวประกันว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายที่เหลืออยู่ที่ไหน เมื่อทราบว่าที่เหลือนั้นอยู่ในห้องที่อยู่ติดกัน พวกเขาจึงปาระเบิดเข้าไปในห้องนั้น และระดมยิงผู้ก่อการร้ายที่เหลือจนตายหมด
เมื่อช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้แล้ว เครื่องบิน C-130 อีก 3 ลำที่รออยู่จึงลงจอด เครื่องบินเหล่านี้ได้นำยานเกราะขนาดเล็กมาด้วย เพื่อคุ้มกันการขนย้ายตัวประกันจากทหารอูกันดาของอีดี้ อามิน
หน่วยรบอิสราเอลได้ทำลายเครื่องบินมิกส์ของอูกันดาที่สนามบินไปจำนวนมาก เพื่อไม่ให้อูกันดาใช้เครื่องบินเหล่านี้มาติดตามได้
ระหว่างที่ขนย้ายตัวประกันขึ้นเครื่องบิน C-130 นั้น ทหารอูกันดาได้เข้าโจมตีอย่างหนัก หน่วยรบพิเศษโต้ตอบด้วยการยิงกระหน่ำทหารอูกันดาด้วยปืน AK-47, ปืนกลขนาดเบา และ เครื่องยิงลูกระเบิด
ในช่วงนี้เองผู้นำหน่วยรบพิเศษอย่าง โยนาธัน เนย์ธันยาฮู กลับถูกลูกพี่ลูกน้องของอีดี้ อามินยิงเสียชีวิต แต่ลูกพี่ลูกน้องคนนั้นก็ตายด้วยกระสุนของนักรบพิเศษ
ความเสียหาย
ภารกิจทั้งหมดจบสิ้นลง หน่วยรบพิเศษใช้เวลาไป 30 นาทีเท่านั้นบนภาคพื้นดิน หน่วยรบพิเศษเสียชีวิต 1 คน นั่นก็คือเนย์ธันยาฮู และได้รับบาดเจ็บอีก 5 คน
สำหรับตัวประกันเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 คน อีก 102 คนได้รับการช่วยเหลือกลับสู่ประเทศอย่างปลอดภัย
เหล่าผู้ก่อการร้ายเสียชีวิตทั้งหมด พร้อมทั้งทหารอูกันดาอีกกว่า 40 นาย และเครื่องบินมิกส์อย่างน้อย 11 ลำ
ปฏิบัติการเอนเทปเบ้เป็นภารกิจที่น่าเหลือเชื่อที่ประสบความสำเร็จ มันได้สร้างวิถีทางใหม่ในการช่วยเหลือตัวประกันมาจนถึงทุกวันนี้