ประวัติศาสตร์โป๊ปโจน: พระสันตะปาปาที่เป็นผู้หญิงมีอยู่จริงหรือไม่?

โป๊ปโจน: พระสันตะปาปาที่เป็นผู้หญิงมีอยู่จริงหรือไม่?

ในคริสตจักรโรมันคาทอลิก เคยมีเรื่องเล่าหรือตำนานที่มีชื่อเสียงมากเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ว่าคือครั้งหนึ่งพระสันตะปาปา หรือ โป๊ป (Pope) ประมุขของคริสตจักรโรมันคาทอลิกเคยเป็นผู้หญิง! และว่ากันว่าชื่อของเธอคือ โป๊ปโจน (Pope Joan)

เรื่องของโป๊ปโจนเป็นเรื่องที่เชื่อถือกันในหมู่ชาวคริสต์มาหลายศตวรรษ จนกระทั่งในปัจจุบัน นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ต่างมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา

โป๊ปโจน

กำเนิดโป๊ปโจน

ตำนานโป๊ปโจนมีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน แต่ส่วนมากเนื้อหาจะซ้ำๆ กัน จะต่างกันแต่เพียงว่า โป๊ปโจนผู้นี้มีชีวิตอยู่ในช่วงไหนเท่านั้น เรื่องราวของโป๊ปโจนเป็นไปในลักษณะนี้

เชื่อกันว่าในช่วงศตวรรษที่ 9 ระหว่างสมัยของโป๊ปลีโอที่ 4 และ โป๊ปเบเนดิกต์ที่ 3 นั้นมีโป๊ปอยู่องค์หนึ่งเคยดำรงตำแหน่งคั่นกลางโป๊ปทั้งสอง โป๊ปองค์นี้มีนามเดิมว่า จอห์น แองคลิคัส (John Anglicus) หรือ โป๊ปจอห์นที่ 7 บางตำนานว่าไว้ว่า โป๊ปองค์นี้เป็นผู้หญิงอังกฤษชื่อโจน

ตำนานเล่าว่า โจนมีความสามารถในการปลอมตัวเป็นชาย และได้ติดตามคนรักของเธอไปยังเอเธนส์ เธอปลอมตัวเป็นชายผู้มีนามว่าจอห์น แองคลิคัส เธอได้ศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆ กับอาจารย์หลายคนที่เอเธนส์ เธอมีสติปัญญาและความรู้ความสามารถมาก ในเวลาไม่นานก็เจนจัดในศาสตร์ต่างๆ อย่างที่ไม่มีใครสู้ได้

โจน หรือ จอห์น แองคลิคัสได้เข้ามาบวชเป็นบาทหลวงในคริสตจักรและไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยสติปัญญาอันล้ำเลิศของเธอ โจนมีทักษะการสอนที่ดีเยี่ยม ทำให้เธอมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ชาวคริสต์ทั่วไปก็ศรัทธาและเคารพเธอมาก โจนได้กลายเป็นพระคาร์ดินัล และเมื่อโป๊ปลีโอที่ 4 สวรรคต โจนจึงได้รับเลือกให้เป็นโป๊ปโดยเอกฉันท์

ด้วยเหตุนี้โจนจึงได้กลายเป็นโป๊ปนามว่าจอห์นที่ 7 เมื่อเธอขึ้นเป็นโป๊ป อายุของเธอยังไม่มากนัก เธอเป็นโป๊ปได้สองปีเศษโดยไม่มีใครทราบเลยว่าเธอเป็นผู้หญิง แต่ทว่าโป๊ปโจนได้มีแอบความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับชายผู้หนึ่ง จนทำให้เธอตั้งครรภ์

โป๊ปโจนไม่ทราบว่าเมื่อใดเธอจะคลอดบุตร ในวันนั้นเธอจึงออกปฎิบัติภารกิจของเธอตามปกติ ระหว่างที่เธอเดิน (บ้างว่าขี่ม้า) อยู่ริมถนนหลังจากที่เธอและนักบวชคนอื่นๆออกจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เพื่อที่จะกลับไปยังวังของเธอ เธอเกิดปวดท้องอย่างหนัก เพราะว่าเธอเจ็บครรภ์จะใกล้คลอดบุตรนั่นเอง

การถูกจับได้

หลังจากนี้เองเป็นส่วนที่ตำนานว่าไว้ขัดกัน

ตำนานที่เขียนโดยสตีเฟนแห่งบูร์บองซึ่งมีชื่อเสียงที่สุด เขียนไว้ว่า โป๊ปโจนสวรรคตระหว่างการคลอดบุตร ร่างของเธอถูกฝังไว้อย่างหยาบๆ ในสถานที่ที่เธอเสียชีวิต นอกจากนี้ชื่อของเธอก็ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในบัญชีของบรรดาโป๊ป เรื่องของเธอถูกทำลายจนหมดสิ้นโดยคริสตจักรเพราะความอัปยศที่ประมุขของคริสตจักรเคยเป็นผู้หญิง

ในขณะที่หนังสือ Chronicon เห็นแย้ง ในรูปแบบนี้เป็นไปว่า โป๊ปโจนคลอดบุตรออกมาเป็นชาย หลังจากนั้นเธอถูกถอดออกจากตำแหน่งโป๊ปและคุมขังไว้ในโบสถ์ในฐานะแม่ชี ภายหลังบุตรชายของเธอได้กลายเป็นบิชอปแห่งออสเทีย เขาได้ฝังร่างมารดาไว้ในวิหารของเขาหลังจากที่เธอเสียชีวิต

สองรูปแบบนี้ดูเบาไปเลย ถ้าเทียบกับแบบสุดท้าย

Jean de Mailly นักเขียนคนแรกสุดที่กล่าวถึงโป๊ปโจน อธิบายว่า เมื่อชาวเมือง (น่าจะกรุงโรม) เห็นว่าโป๊ปโจนเป็นหญิง พวกเขาจึงผูกเท้าของโป๊ปโจนไว้กับหางของม้าที่เธอขี่ แล้วให้ม้าออกวิ่งไป ระหว่างที่ม้าออกวิ่งไปนั้น พวกเขาพากันปาหินใส่โป๊ปโจนจนเธอสิ้นชีวิต ร่างของเธอถูกฝังในจุดที่เธอเสียชีวิตนั่นเอง โดยไม่ได้ทำพิธีทางศาสนาแต่อย่างใด

ในหน้าประวัติศาสตร์

ที่เล่ามาด้านบนจึงเป็นตำนานของโป๊ปโจน และเป็นที่โต้เถียงว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่มานานหลายศตวรรษ จนกระทั่งในยุคปัจจุบันได้มีการวิเคราะห์อย่างเต็มรูปแบบ นักประวัติศาสตร์พบว่ามีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่า ไม่มีโป๊ปองค์ใดมาคั่นกลางระหว่างโป๊ปลีโอที่ 4 และโป๊ปเบเนดิกต์ที่ 3 ดังนั้นโป๊ปโจนจึงไม่มีตัวตนอยู่จริง

อย่างไรก็ตามนักประวัติศาสตร์ส่วนน้อยยังคงเห็นแย้ง และเชื่อว่าโป๊ปโจนอาจจะมีชีวิตอยู่ในสมัยอื่นที่ไม่ใช่ช่วงดังกล่าว บางคนอ้างว่าการที่ศาสนจักรคาทอลิกมีธรรมเนียมแปลกๆทั้งหลายล้วนแต่สืบเนื่องมาจากกรณีโป๊ปโจน อาทิเช่น โป๊ปทุกพระองค์จะหลีกเลี่ยงการทรงม้าผ่านถนนระหว่างพระราชวัง Lateran กับมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เพราะเป็นจุดที่โป๊ปโจนเคยคลอดบุตร นอกจากนี้การพิสูจน์เพศของพระคาร์ดินัลก่อนที่จะขึ้นครองตำแหน่งโป๊ปเกิดขึ้นเพราะคริสตจักรพยายามจะหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องน่าอับอายเช่นนั้นขึ้นมาอีก

ธรรมเนียมที่ว่าคือพระคาร์ดินัลที่ได้รับเลือกขึ้นมาเป็นโป๊ปจะต้องนั่งบนเก้าอี้ทำพิเศษที่มีรูด้านใต้ที่เรียกว่า sedia stercoraria แล้วจะมีนักบวชหรือพระคาร์ดินัลคนหนึ่งมาจับอัณฑะของผู้ที่จะขึ้นเป็นโป๊ป เมื่อเขาหาอัณฑะของผู้ที่จะหามาเป็นโป๊ปเจอแล้ว เขาจะตะโกนขึ้นว่า “เขามีอัณฑะ! (He has testicles!)” นักบวชคนอื่นก็ร้องขึ้นว่า “สาธุการแด่พระเจ้า (God Be Praised)”

โชคดีที่ทุกวันนี้ ธรรมเนียมดังกล่าวไม่มีอยู่แล้ว แต่เก้าอี้ตัวนี้น่าจะยังอยู่ ตามไปดูได้ (ภาพติดลิขสิทธิ์) ที่นี่

เรื่องของโป๊ปโจนได้กลายมาเป็นเรื่องที่เป็นที่นิยมในการแต่งนิยายและสร้างภาพยนตร์หลายเรื่องมาจนถึงปัจจุบัน

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!