Porto หรือปอร์โต้ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศโปรตุเกส ปอร์โตเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับสองและเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศ ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Douro โดยมีด้านหนึ่งติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก
คนไทยบางคนที่ติดตามฟุตบอลน่าจะคุ้นเคยกับปอร์โต้ดี เพราะสโมสร FC Porto ที่ตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้เป็นหนึ่งในสโมสรที่ฟาดแข้งในศึก UEFA Champion League เป็นประจำ แถมเคยมีประวัติเคยเขี่ยแมนยูฯ ตกรอบมาแล้วอีกด้วย
ภายในตัวเมืองปอร์โต้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง โดยเฉพาะ “สะพาน” ที่มีชื่อเสียงระดับโลก แต่ก่อนที่ผมจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว เราไปดูข้อมูลที่น่าสนใจของเมืองปอร์โต้กันก่อนดีกว่าครับ
รู้จักปอร์โต้ (Porto)
ปอร์โต้ (Porto) เป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของโปรตุเกส พวกชนเผ่าเซลต์เคยอาศัยในดินแดนแถบนี้มาตั้งแต่โบราณ แต่กว่าปอร์โต้จะกลายเป็นเมืองก็เป็นยุคโรมันแล้ว ชาวโรมันได้สร้างปอร์โต้เป็นเมืองท่าที่สำคัญเพื่อค้าขายกับบริเวณโดยรอบ
ในปี ค.ศ.711 ชาวมัวร์ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามได้ยึดครองเมืองปอร์โต้ ทำให้เมืองเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิมุสลิมที่ปกครองสเปน แต่ร้อยกว่าปีต่อมา ชาวคริสต์ได้ตีชิงปอร์โต้กลับคืนจากมุสลิม ใกล้กับเมืองปอร์โต้มีเมืองที่ตีชิงคืนมาชื่อว่า “Portus Cale” ชื่อของเมืองนี้ได้ถูกใช้เป็นชื่ออาณาจักรใหม่ และวิวัฒนาการกลายเป็นชื่อประเทศโปรตุเกส (Portugal) ในปัจจุบันในที่สุด
ปอร์โต้ได้เป็นสถานที่แต่งงานของกษัตริย์จอห์นที่ 1 แห่งโปรตุเกส และเจ้าหญิง Philippa แห่งสายตระกูล Lancaster ของอังกฤษในช่วงปี ค.ศ.1387 ทั้งสองประเทศจึงได้เซ็นสัญญาเป็นพันธมิตรทางทหารกันนับตั้งแต่บัดนั้น สนธิสัญญาดังกล่าวเป็นสนธิสัญญาพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
ในช่วงศตวรรษที่ 15 เมืองปอร์โต้กลายเป็นอู่ต่อเรือที่สำคัญสำหรับเหล่านักสำรวจชาวโปรตุเกส และเป็นเมืองท่าที่สำคัญของยุโรปเพราะปอร์โต้รับเรือสินค้ามากมายที่เดินทางมาจากอาณานิคมของโปรตุเกสในทวีปอเมริกาใต้ การค้ากับอังกฤษเองก็เฟื่องฟูด้วย
ความรุ่งเรืองของปอร์โต้ดำเนินมาถึง 4 ศตวรรษ จนกระทั่งศตวรรษที่ 19 แห่งความวุ่นวายมาถึง ชาวปอร์โต้เปิดศตวรรษด้วยการหนีตายจากกองทัพของนโปเลียนในปี ค.ศ.1809 ทำให้เกิดอุบัติเหตุสะพานทลายจนมีชาวเมืองเสียชีวิตหลายพันคน ตามมาด้วยการปฏิวัติ (Liberal Revolution) ในปี ค.ศ.1820 และสงครามกลางเมืองในปี ค.ศ.1828-1834 ที่สร้างความพินาศไม่แพ้กัน
วันที่ 31 มกราคม ค.ศ.1891 ปอร์โต้มีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์โปรตุเกสอีกครั้ง เมื่อชาวเมืองลุกฮือขึ้นต่อต้านราชวงศ์ แม้ว่าการลุกฮือจะไม่สำเร็จ แต่มันทำให้กระแสทางการเมืองที่ล้มล้างราชวงศ์โปรตุเกสไปในปี ค.ศ.1910 หรือเกือบ 20 ปีต่อมา
นับตั้งแต่บัดนั้นปอร์โต้ก็สงบสุขมาตลอด แม้ว่าปัญหาการเมืองในโปรตุเกสจะมีแต่ความวุ่นวายก็ตาม เมืองเก่าของปอร์โต้ได้กลายเป็นมรดกขององค์กร UNESCO และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโปรตุเกสมาจนถึงปัจจุบัน
การเดินทางไปยังปอร์โต้ (Porto)
เช่นเดียวกับลิสบอนและเมืองอื่นๆ ของโปรตุเกส คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวปอร์โต้ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องง้อทัวร์ และเนื่องจากปอร์โต้มีสนามบินนานาชาติทำให้ปอร์โต้เป็นอีกเมืองหนึ่งที่คุณสามารถใช้เริ่มทริปโปรตุเกสของคุณได้ครับ
ปัจจุบันมีหลายสายการบินที่สามารถนำคุณจากกรุงเทพไปยังปอร์โต้ได้ แต่ทุกสายการบินจะให้คุณเปลี่ยนเครื่อง 1 ครั้ง สายการบินที่น่าสนใจได้แก่
- KLM
- Swiss
- Turkish Airlines
ทั้งสามสายการบินจะใช้เวลาในการเดินทางน้อยที่สุดจากกรุงเทพไปยังปอร์โต้ครับ
แต่ถ้าคุณเริ่มทริปจากเมืองอื่นๆ อย่างเช่นลิสบอนแล้วนั้น คุณสามารถใช้บริการรถบัสหรือรถไฟมายังปอร์โต้ได้ จากลิสบอน ถ้าคุณใช้รถไฟจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 19-32 ยูโรแล้วแต่เวลาและผู้ให้บริการ ขณะที่รถบัสจะเริ่มต้นที่ 5-23 ยูโรเท่านั้น เวลาที่ใช้เดินทางก็พอๆ กันนั่นคือ 3 ชั่วโมงครึ่งครับ
1. Sé do Porto
Sé do Porto หรือ Porto Cathedral เป็นมหาวิหารหลักของเมืองปอร์โต้ และเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน ตัวโบสถ์เริ่มก่อสร้างตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12 แต่มีการแต่งเติมสร้างใหม่อยู่หลายครั้งจนกระทั่งถึงช่วงศตวรรษที่ 18 เลยครับ
สไตล์ที่ใช้ก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นแบบ Romanesque แต่ก็มีบางส่วนที่เป็น Gothic และ Baroque เช่นเดียวกัน ซึ่งเกิดจากในยุคหลังมีการทำลายโครงสร้างส่วนที่เป็น Romanesque ออกไปบ้าง และสร้างส่วนที่เป็นสไตล์ Baroque เข้ามาแทนที่ครับ
ถ้าดูจากด้านนอกมันจะดูคล้ายกับป้อมปราการขนาดย่อม เมื่อคุณเดินเข้าไปข้างใน คุณถึงจะสัมผัสได้ถึงความเป็นโบสถ์ในคริสตจักรโรมันคาทอลิก
บริเวณแท่นบูชาเป็นจุดที่สวยงามที่สุด เพราะว่ามีการประดับประดาด้วยทองคำและของมีค่าอื่นๆ จำนวนมาก ภายในคลัง (Cathedral Treasure) ของมหาวิหารยังมีของมีค่ามากมายที่ทำจากทองคำและเงินไว้ให้ชมด้วยครับ
จุดที่น่าสนใจของมหาวิหารแห่งนี้คือบริเวณ Cloister ซึ่งมีอายุมากกว่าหกร้อยปี และสร้างขึ้นอย่างงดงามด้วยสไตล์ Baroque ครับ
2. Ponte Dom Luís I
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าสะพาน Ponte Dom Luis I เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองปอร์โต้และประเทศโปรตุเกส ตัวสะพานมีขนาดใหญ่และสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามแม่น้ำ Douro ในเมืองปอร์โต้
ถ้าคุณสังเกตดีๆ สะพานแห่งนี้มีสองชั้น นั่นคือชั้นบนที่สูงกว่า 60 เมตรซึ่งเชื่อมที่สูงของทั้งสองฝั่งโดยตรง และชั้นล่างที่เชื่อมบริเวณพื้นราบครับ คุณสามารถเดินข้ามสะพานจากชั้นบนได้อย่างสะดวกสบายเพราะว่ามีทางคนเดินแยกไว้เรียบร้อยอยู่แล้ว นอกจากนี้วิวเมืองปอร์โต้จากบนสะพานชั้นบนยังสวยงามอย่างมากเลยครับ
3. Ponte da Arrábida
Ponte da Arrábida หรือ Arrábida Bridge เป็นอีกสะพานที่มีชื่อเสียงมากแห่งเมืองปอร์โต้ และทำให้ปอร์โต้ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งสะพานด้วย ตัวสะพานมีความสวยงามไม่แพ้สะพาน Dom Louis และใช้ข้ามแม่น้ำ Douro เหมือนกัน สะพานแห่งนี้มีโค้งคอนกรีตที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ
แต่ที่ต่างออกไปคือ คุณสามารถปีนสะพานสูง 65 เมตรแห่งนี้ได้! การปีนสะพานจะดูแลโดยไกด์มืออาชีพ และมีอุปกรณ์เซฟตี้ให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะปลอดภัย ถ้าใครสนใจสามารถติดต่อได้ที่ Porto Bridge Climb สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมครับ
4. Torre dos Clérigos
Torre dos Clérigos เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 แม้ว่าตัวโบสถ์จะสวยงามตามสไตล์ Baroque แต่จุดเด่นของโบสถ์แห่งนี้กลับไม่ใช่ตัวโบสถ์ แต่เป็นหอคอยสูง 75 เมตรซึ่งอยู่ด้านหลังโบสถ์ครับ
หอคอยแห่งนี้เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในเมือง เมื่อคุณเดินขึ้นบันได 240 ขั้นไปถึงชั้นบนสุด คุณจะวิวเมืองปอร์โต้แบบ 360 องศาอย่างชัดเจนครับ
5. Palácio da Bolsa
Palácio da Bolsa เป็นวังที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 บนที่ตั้งของ St Francis Convent อารามที่ถูกทำลายในช่วงสงครามกลางเมือง ตัวอาคารใหม่แห่งนี้เคยใช้เป็นตลาดหลักทรัพย์ แต่ในปัจจุบันถูกใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของสมาคมผู้ค้าขายแห่งปอร์โต้ครับ
ด้านในของอาคารสวยงามมากตามสไตล์ Neoclassical และมีการออกแบบที่น่าสนใจ เพราะด้านในมีโครงสร้างที่เป็นกระจก ดังนั้นเมื่อแสงแดดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างทางใด ตัวตึกจะสว่างไปทั้งหมดในบัดดลเลยครับ
ห้องที่สวยงามและได้รับการตบแต่งอย่างหรูหรามีอยู่หลายห้อง ไม่ว่าจะเป็น Golden Room ที่มีการตบแต่งด้วยทองคำ หรือ Arab Room ห้องที่ถูกสร้างขึ้นตามศิลปะมุสลิมมัวร์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระราชวัง Alhambra ที่เมือง Granada ประเทศสเปนครับ
6. Igreja de São Francisco
Igreja de São Francisco เป็นมหาวิหารแห่งนักบุญฟรานซิส ถ้าคุณมองจากด้านนอกแล้ว คุณอาจจะเห็นเป็นโบสถ์คริสต์สไตล์ Gothic ทั่วไป ในด้านในนั้นมีความสวยงามอย่างมาก เพราะว่าถูกตบแต่งตามแบบ Baroque ที่หรูหราอลังการครับ
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะการตบแต่งแบบบารอคมาทำเพิ่มเติมภายหลังจากที่โบสถ์สร้างเสร็จหลายร้อยปีครับ
ด้านในของมหาวิหารถูกตบแต่งด้วยทองคำตั้งแต่บริเวณเสาไปจนถึงแท่นบูชา บริเวณแท่นบูชาด้านในสุดคือส่วนที่งดงามที่สุดของมหาวิหารแห่งนี้ เพราะแทบทุกสิ่งจะเป็นทองคำเหลืองอร่ามทั้งหมดเลยครับ
7. Praça da Ribeira
Praça da Ribeira เป็นจัตุรัสที่เป็นสถานที่ยอดนิยมในการเที่ยวเล่น และนัดพบกันของชาวปอร์โต้ ตัวจัตุรัสตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Douro และมีอาคารเก่าแก่สวยงามหลากสีเรียงรายกันไป บริเวณนี้ยังเป็นถนนคนเดินที่มีร้านอาหารและร้านค้าอีกมากมายให้คุณได้รับประทานอาหารโปรตุเกสอร่อยๆ และช็อปปิ้งด้วยครับ
8. Igreja do Carmo
Igreja do Carmo เป็นโบสถ์สมัยศตวรรษที่ 18 ที่โดดเด่นเพราะกระเบี้องสีขาวและน้ำเงินที่สถาปนิกใช้ตบแต่งเป็นลวดลายต่างๆ หรือที่เรียกว่า Azulejos บนกำแพงโบสถ์ด้านหนึ่ง
แม้ว่าด้านนอกจะดึงดูดความสนใจของคุณไปจนหมด แต่อย่าลืมเข้าไปชมด้านในด้วยครับ เพราะงานไม้สีทองด้านในโบสถ์ได้รับการยกย่องเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมที่สุดของศิลปะแบบ Portuguese Rococo เลยก็ว่าได้
9. Igreja de Santa Clara
Igreja de Santa Clara เป็นมหาวิหารที่สร้างขึ้นเพื่อให้แม่ชีประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในช่วงยุคกลาง ด้านในมหาวิหารมีการตบแต่งอย่างประณีตและวิจิตรด้วยทองคำและลวดลายต่างๆ ซึ่งผมบอกได้เลยว่าละลานตาสุดๆ โบสถ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ในเมืองเป็นมรดกโลกขององค์กร UNESCO ครับ
10. Museu Nacional Soares dos Reis
ปอร์โต้มีพิพิธภัณฑ์มากมาย แต่ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ย่อมเป็นที่ Museu Nacional Soares dos Reis พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษางานศิลปะของศิลปินชาวโปรตุเกสในช่วงศตวรรษที่ 16-20 ไว้อย่างครบครัน นอกจากนี้ยังมีข้าวของที่พ่อค้าชาวโปรตุเกสได้มาจากดินแดนตะวันออกกลางอย่างเช่นอินเดีย ญี่ปุ่น จีนด้วยเช่นกัน
ในอดีตพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยตั้งอยู่ที่อื่น แต่ในปัจจุบันตั้งอยู่ที่ Palácio dos Carrancas หรือวังที่ตระกูลอภิสิทธิ์ชนของโปรตุเกสเคยอาศัยอยู่ครับ
11. São Bento Railway Station
São Bento Railway Station เป็นสถานีรถไฟที่มีอายุมากกว่า 100 ปี ในปัจจุบันก็ยังใช้บริการอยู่โดยชาวเมืองนับล้าน แต่ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน เพราะด้านในสถานีถูกตบแต่งอย่างสวยงามด้วยกระเบี้องสไตล์ azulejo ถึงสองหมื่นชิ้น ซึ่งแสดงถึงประวัติและความเป็นมาของชาวโปรตุเกส
12. สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ
ถ้าคุณมีเวลาเหลือ คุณสามารถไปเที่ยวสถานที่ดังต่อไปนี้ได้ครับ
- Ponte de Dona Maria Pia – สะพานสวยอีกแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19
- World of Discoveries – สวนสนุกที่จะช่วยสร้างบรรยากาศว่าคุณเป็นนักสำรวจชาวโปรตุเกสในช่วงศตวรรษที่ 15
- Café Majestic – ร้านกาแฟสุดสวยที่สร้างขึ้นด้วยสไตล์ Art Nouveau
- Avenida dos Aliados – ย่านถนนคนเดินที่มีของขายมากมายตั้งแต่อาหารไปจนถึงเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ
- Jardins do Palácio de Cristal – สวนสวยที่เป็นสถานที่พักผ่อนและชมวิวแม่น้ำ Duero และมหาสมุทรแอตแลนติก
- Igreja dos Grilos – มหาวิหารสุดสวยที่เป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีไปด้วยในคราวเดียวกัน
