ชัยชนะครั้งใหญ่ของบาเบอร์เหนือสุลต่านอิบราฮิม โลดี ที่ปานิปัตได้ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วดินแดนอินเดีย โดยเฉพาะพวกราชบุตร (Rajput) (เป็นชื่อชนชาติ) ที่รวมตัวกันเป็นสมาพันธ์อยู่ทางใต้
พวกราชบุตรนี้เป็นนักรบฮินดูที่เข้มแข็ง พวกเขาต่อต้านการรุกรานของชาวต่างชาติมาแล้วนับร้อยปี พวกเขาทำหน้าที่ปกป้องรักษาศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูอย่างแข็งแกร่ง
เพราะฉะนั้นการที่บาเบอร์จะจัดการกับพวกราชบุตรเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

โดนวางยาพิษ
หลังจากบาเบอร์เข้าเมืองเดลลีและอัคราได้แล้ว เขาก็ได้จัดสรรเมืองทั้งสองได้อยู่เป็นปกติ และมอบรางวัลให้กับแม่ทัพที่ต่อสู้ด้วยกันมาอย่างยากลำบาก
นอกจากนี้บาเบอร์ราชาภิเษกตัวเองขึ้นเป็นสุลต่านแห่งเดลลี ราชวงศ์โมกุลจึงเริ่มต้นขึ้นต้้งแต่บัดนั้น
แต่ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ไม่ใช่เรื่องง่ายของบาเบอร์ เขาประสบกับความวุ่นวายในกองทัพ เพราะทหารเก่าที่มาจากคาบูลกับทหารกับพลเมืองของอินเดียต่างขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ประชาชนอินเดียบางส่วนก็ยังไม่ยอมรับผู้รุกรานจากต่างชาติอย่างบาเบอร์
บาเบอร์เล่าว่า ในช่วงนี้เขาโดนวางยาพิษจากผู้ทรยศกลุ่มหนึ่งในกองทัพของเขา
เรื่องมีอยู่ว่าบาเบอร์ไม่เคยลองกินอาหารแบบอินเดียมาก่อน เขาเลยอยากจะลองบ้าง บาเบอร์จึงให้พ่อครัวชาวอินเดียไปปรุงมาให้กิน ในช่วงนี้เองพวกมือสังหารจึงฉวยโอกาสลงมือ พวกเขามอบยาพิษจำนวน 2 ซองให้กับพ่อครัวชาวอินเดีย
หากแต่ว่าบาเบอร์ได้กำชับว่าให้ทหารของเขาบังคับให้พวกพ่อครัวกินอาหารที่พวกเขาทำเองระหว่างที่อยู่ในครัวด้วย พวกพ่อครัวจึงไม่กล้าใส่ยาพิษลงไปในหม้อ พวกเขาเลยใส่มันลงไปในอาหารที่จะเสิร์ฟให้บาเบอร์กิน
โชคเป็นของบาเบอร์ เพราะอาหารส่วนที่มียาพิษมากกว่าครึ่งถูกโยนเข้าเตาเผาเพราะความวุ่นวายภายในครัว อาหารที่มีพิษบางส่วนมาถึงโต๊ะอาหารของบาเบอร์ ตัวบาเบอร์กินอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่รู้เลยว่า เขากำลังกินอาหารที่มียาพิษเข้าไป
หลังจากนั้นไม่นาน บาเบอร์ก็อาเจียนอย่างหนัก เขารู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง บาเบอร์เลยสั่งให้ทหารโยนอาหารนั้นให้สุนัขกิน ปรากฏว่าเมื่อมันกินเข้าไป มันก็ป่วยเช่นกัน แต่มันก็รอดชีวิตมาได้เหมือนกับบาเบอร์
บาเบอร์เลยรู้ว่าอาหารอินเดียพวกนี้นี่เองที่มียาพิษ
ในวันรุ่งขึ้น บาเบอร์จึงสั่งให้ลงทัณฑ์พวกคนครัวอย่างโหดร้ายโดยการถลกหนัง ส่วนทาสผู้หญิงที่นำยาพิษมาให้พ่อครัวถูกโยนเข้าไปให้ช้างเหยียบ พวกผู้ทรยศถูกจับกุมและประหารชีวิตจนหมดสิ้น
บาเบอร์ยอมรับว่าการกระทำเหล่านี้โหดร้ายเกินกว่าที่จะบรรยายออกมา แต่เขาไม่ต้องการกังวลว่าได้ปกปิดอะไรบางอย่าง เขาเลยเขียนทุกสิ่งลงมาในบันทึกของเขา ซึ่งบันทึกเล่มนี้เป็นหนังสืออ้างอิงสำคัญที่ผมใช้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมานั่นเอง
เปิดศึกกับเจ้าราชบุตร
บาเบอร์ทราบดีว่าชัยชนะของเขาที่ได้มาที่ปานิปัตมาจากอาวุธอันทันสมัย ดังนั้นเขาจึงให้ทดลองและนำเข้าอาวุธชนิดใหม่ๆ มาอยู่เนืองๆ เขารู้ดีว่าอีกไม่นานพวกเจ้าราชบุตรต้องมาราวีเขาอย่างแน่นอน
ก่อนที่บาเบอร์จะเอาชนะรัฐสุลต่านแห่งเดลลีได้ เขาได้เคยติดต่อกับราณสังฆะ (Rana Sanga) กษัตริย์และผู้นำสมาพันธ์ราชบุตร โดยฝ่ายราชบุตรเสนอว่าจะช่วยตีกระหนาบสุลต่านอิบราฮิมแห่งเดลลี ซึ่งเป็นศัตรูร่วมของทั้งสองฝ่าย

แต่เอาเข้าจริง พวกราชบุตรกลับไม่ได้เคลื่อนกำลังตามที่สัญญา ทำให้บาเบอร์ต้องสู้รบตามลำพัง การกระทำของพวกราณสังขะทำให้บาเบอร์โกรธมาก
สาเหตุที่ราณสังขะไม่เคลื่อนไหว ค่อนข้างคลุมเครือ บ้างว่าราณสังขะคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กันอย่างยืดเยื้อ ดังนั้นราณสังขะใช้แผนนั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกัน ปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายสู้กัน และพวกราชบุตรจะได้เอาชนะทั้งสองได้อย่างง่ายดาย กองทัพราชบุตรจึงไม่เคลื่อนไหว
หลังจากยุทธการแห่งปานิปัต ราณสังขะคิดว่าบาเบอร์น่าจะเอาอย่างติมูร์ บรรพบุรุษของเขา นั่นก็คือปล้นเมืองต่างๆ ในอินเดีย แล้วจึงยกทัพกลับไป พวกราชบุตรก็จะเข้ายึดดินแดนที่บาเบอร์ทิ้งไปได้อย่่างสะดวกโยธิน โดยไม่เสียกำลังทหารเลยสักคนเดียว เพราะฉะนั้นเขาจะรีบร้อนไปทำไม
แต่เอาเข้าจริง บาเบอร์กลับเอาชนะอิบราฮิมได้อย่างรวดเร็ว และสถาปนาตนเองขึ้นเป็นสุลต่านแห่งเดลลี ราณสังขะจึงได้ทราบว่า บาเบอร์จงใจจะอยู่ยาว บาเบอร์จึงกลายเป็นศัตรูอันดับ 1 ที่ราณสังขะต้องไล่ออกไปจากอินเดีย
ราณสังขะจึงสั่งให้พวกเจ้าราชบุตรแคว้นต่างๆ เตรียมกองทัพ เพื่อที่จะยกไปตีเดลีและอัคราและไล่บาเบอร์กลับคาบูลไปเสีย นอกจากนี้เขายังได้เรียกพวกอัฟกันที่ปกครองดินแดนทางตอนเหนือในอินเดียมาเป็นพันธมิตรด้วย บาเบอร์จึงต้องเผชิญหน้ากับศัตรูจากสองด้านพร้อมกัน
บาเบอร์จึงส่งฮูมายุน (Humayun) โอรสและรัชทายาทของเขายกไปปราบพวกอัฟกันทางตะวันออกของอินเดีย หากแต่ว่าภายในเวลาไม่นาน บาเบอร์ทราบว่าราณสังขะนำกองทัพไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสนคนเข้ามาตีอัครา ฮูมายุนจึงถูกเรียกตัวกลับมาทันที
ถึงแม้จะได้กำลังสนับสนุนจากคาบูล กองทัพของบาเบอร์มีกำลังน้อยกว่ากองทัพพันธมิตรของฝ่ายราชบุตรมากมาย พวกราชบุตรเองก็เป็นนักรบที่กล้าแกร่ง ทำให้ทหารของเขาหวาดกลัวมาก
บาเบอร์เล่าว่าเขาจำต้องเพิ่มกำลังใจของทหารด้วยการใช้การโฆษณาชวนเชื่อเข้ามาช่วย เขาประกาศว่าเขาจะเลิกดื่มเหล้าทั้งหมด ทำลายแก้ว และเทเหล้าที่มีอยู่ เพื่อแสดงถึงความแน่วแน่ในการเอาชนะศัตรู และยังบอกให้ทหารทั้งหมดว่า สงครามครั้งนี้เป็นสงครามศาสนา ทหารแต่ละนายจึงฮึกเหิมที่จะต่อสู้มากขึ้น
ถึงกระนั้นเมื่อเหล่าแม่ทัพของเขาประชุมกันว่า จะใช้วิธีการใดในการเอาชนะศัตรูดี ปรากฏว่าไม่มีใครมีแผนการดีๆ อยู่เลย ทั้งๆที่กองทัพพันธมิตรฝ่ายราชบุตรยกเข้ามาใกล้ทุกที และตีเมืองไปได้หลายเมืองแล้วด้วย
บาเบอร์เดินทางไปดูชัยภูมิรอบๆ บริเวณนั้นด้วยตนเอง เมื่อกลับมาถึงค่าย เขาก็สั่งให้เตรียมเกวียนและรถให้พร้อมเพรียง ระหว่างนั้นตัวเขาเองก็ไปเยี่ยมเยือนทุกค่ายๆ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจกับทหารทุกนาย
เช้าวันรุ่งขึ้น กองทัพของบาเบอร์ก็ทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปเผชิญศึกกับกองทัพราชบุตรที่ Khanwa การศึกครั้งนี้เป็นศึกครั้งสำคัญของบาเบอร์ ถ้าเขาแพ้ บาเบอร์ก็คงไม่วายตกอับเหมือนกับครั้งก่อนๆ แต่ถ้าเขาชนะ เขาจะสร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่าอาณาจักรเปอร์เซีย หรือ พวกอุซเบคเสียอีก
มหายุทธการแห่งข่านวา
การสู้รบครั้งนี้เกิดขึ้นที่ข่านวา (Khanwa) ใกล้กับเมือง Fatehpur-Sikri เมืองหลวงในอนาคตของจักรวรรดิโมกุล กองทัพของบาเบอร์มีประมาณ 48,000 นาย ปะทะกับกองทัพราชบุตรที่มีประมาณ 120,000 นาย
บาเบอร์สั่งให้ผูกรถและเกวียนด้วยโซ่เหล็กตามแบบออตโตมัน เกวียนและรถเหล่านี้จะเป็นเกราะกำบังให้พลปืนและปืนใหญ่ของเขา แต่บาเบอร์สั่งให้เว้นระยะห่างไว้พอสมควรเพื่อที่ทหารม้าจะได้พุ่งเข้าชาร์จข้าศึกได้ผ่านบริเวณช่องว่างระหว่างเกวียน
ส่วนบริเวณด้านข้างทั้งสอง บาเบอร์ได้สั่งให้ทหารขุดหลุมไว้ล่วงหน้าเช่นเดียวกับที่ปานิปัต เพื่อไม่ให้ศัตรูโอบล้อมได้ นอกจากนี้บาเบอร์ยังสั่งให้กองทัพขนาดเล็กอีกส่วนหนึ่งไปซุ่มซ่อนเอาไว้แยกจากกองทัพใหญ่ เพื่อฉวยโอกาสตีกระหนาบกองทัพของเจ้าราชบุตร
การเตรียมการทุกสิ่งเรียบร้อยตั้งแต่คืนวันที่ 16 มีนาคม
เช้าของวันที่ 17 มีนาคม (ตามหนังสือ Baburnama) กองทัพทั้งฝ่ายก็เข้าเผชิญหน้ากัน โดยปีกซ้ายและปีกขวาของทั้งสองฝ่ายเข้าต่อสู้กันก่อน
กองทัพปีกซ้ายและขวาของฝ่ายราชบุตรยกเข้าตีปีกขวาของกองทัพโมกุลอย่างหนักตามคำสั่งของราณสังขะ บาเบอร์จำต้องส่งกองทัพเข้าสนับสนุนปีกทั้งสองข้าง กองทัพโมกุลเป็นฝ่ายต้านทานการรุกของกองทัพราชบุตรเอาไว้ได้

ขณะเดียวกันที่ส่วนกลางฝ่ายโมกุล ปืนใหญ่ของบาเบอร์ก็ยิงกระหน่ำเข้าใส่คลื่นมนุษย์ของพวกราชบุตรที่พยายามบุกเข้ามา พลปืนก็ระดมยิงเข้าใส่ทหารศัตรูล้มตายราวกับใบ้ไม้ร่วง
เมื่อเห็นว่าฝ่ายตนกำลังได้เปรียบ เขาสั่งให้พวกทหารโมกุลเคลื่อนรถและเกวียนที่ผูกติดกันไปครั้งหน้า รวมถึงปืนใหญ่ต่างๆ ด้วยเพื่อทำการตีโต้ตอบบ้าง พวกราชบุตรถูกกดดันอย่างหนักด้วยการยิงกระหน่ำ ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว
จังหวะนี้เอง บาเบอร์สั่งให้กองทหารม้าที่ตนมีอยู่ รวมไปถึงกองทัพขนาดเล็กที่ซุ่มไว้เข้าโจมตีพร้อมกัน การโจมตีของกองทัพโมกุลของบาเบอร์รวดเร็วและรุนแรง ทำให้กองทัพเพอร์บิยาจำนวนมากถึงสามหมื่นห้าพันคนเปลี่ยนใจมาเข้ากับบาเบอร์
ราณสังขะพยายามต่อสู้อย่างกล้าหาญ แต่ไม่อาจต้านทานการโจมตีอย่างหนักหน่วงของกองทัพโมกุลได้ กองทัพราชบุตรจึงแตกยับเยิน ราณสังขะหลบหนีไปได้พร้อมกับทหารจำนวนเล็กน้อย
บาเบอร์สั่งให้นำศีรษะของศัตรูที่ตายมาสร้างเป็นพีระมิดกระโหลกมนุษย์ เพื่อเลียนแบบติมูร์บรรพบุรุษของเขา และข่มขวัญศัตรู
การข่มขวัญศัตรูของบาเบอร์เหมือนจะได้ผล สมาพันธ์ราชบุตรแตกกระจายไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากความพ่ายแพ้ของราณสังขะที่ข่านวา อีกไม่นานราณสังขะก็ถูกสังหารโดยแม่ทัพของเขา เพราะพวกเขาไม่ต้องการทำตามคำสั่งของราณสังขะที่ให้ต่อสู้กับบาเบอร์อีกต่อไปแล้ว
นักประวัติศาสตร์อินเดียให้ความเห็นว่า บาเบอร์เอาชนะราณสังขะได้เพราะปืนใหญ่ และปืนใหญ่เหล่านี้ได้ทำให้การต่อสู้แบบดั้งเดิมของอินเดียจบสิ้นลงไปตลอดกาล
ชัยชนะของบาเบอร์ทำให้อำนาจของเขามั่นคงขึ้น แต่อาณาจักรของเขายังไม่ปลอดภัย ตราบใดที่พวกสายตระกูลโลดี ที่เขาเอาชนะได้ที่ปานิปัตยังอยู่ บาเบอร์จึงยังต้องต่อสู้ต่อไป
ติดตามตอนต่อไป (ตอนสุดท้าย) ได้ที่นี่