SAT Math คือหนึ่งในข้อสอบ SAT หรือข้อสอบกลางที่ใช้ยื่นเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ในปัจจุบันมหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศไทยก็รับคะแนน SAT ด้วยเช่นกัน ทำให้มีนักเรียนไทยจำนวนมากเข้าสอบ SAT ในแต่ละปี
ก่อนที่ผมจะเข้ามหาวิทยาลัยที่อเมริกา ผมก็สอบ SAT Math ด้วยเช่นกัน และได้คะแนนเต็ม ในโพสนี้ผมจึงขอมาแชร์ว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้างที่จะทำคะแนนให้ได้เต็มครับ
ควรได้คะแนน SAT Math เท่าไร?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าควรจะได้คะแนน SAT Math เท่าไรดี?
ผมขอบอกตรงๆ ว่าควรจะได้มากกว่า 750/800 ขึ้นไป หรือเอาให้เต็มได้ก็ยิ่งดี ส่วนหนึ่งเพราะสำหรับเด็กไทยทั่วไปแล้ว ข้อสอบ SAT Math จัดว่าง่ายกว่าข้อสอบ SAT Verbal ซึ่งจะวัดทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ
แต่ถ้าเรามีแผนที่จะสมัครมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกาอย่างเช่นมหาวิทยาลัยในกลุ่ม Ivy League เราควรจะได้คะแนน 770 ขึ้นไปเลยทีเดียว
ข้อสอบ SAT Math ยากขนาดไหน?
ถ้าเทียบกันในเชิงคณิตศาสตร์ ผมมองว่า SAT Math ง่ายกว่าข้อสอบเลขของ PAT1 และ 9 วิชาสามัญ เพราะส่วนใหญ่จะใช้ความรู้วิชาเลขที่เราเรียนในชั้น ม.ต้นเท่านั้นเอง นอกจากนี้บาง part เรายังสามารถใช้เครื่องคิดเลขได้อีกด้วย (แต่ smartphone ไม่ได้นะครับ)
The Collegeboard ได้ทำคลิปที่อธิบายโครงสร้างของตัวข้อสอบไว้คร่าวๆ
อย่างไรก็ดีตัวข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ดังนั้นถ้าใครเก่งเลข แต่ไม่เก่งภาษาอังกฤษ ผมบอกเลยว่าอาจจะไม่หมูอย่างที่คิดครับ
เรามาดูเคล็ดลับกันเลยดีกว่า
ก่อนเข้าห้องสอบ
1. เรียนรู้คำศัพท์
เนื่องจากข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษ เราอาจจะเจอคำศัพท์ทางคณิตศาสตร์ที่ไม่เคยพบมาก่อน อย่างเช่นคำว่า perpendicular ซึ่งแปลว่ามุมฉากเป็นต้น
ดังนั้นในส่วนนี้เราต้องเตรียมตัวล่วงหน้าให้ดี วิธีการเตรียมตัวไม่ยากอะไรนัก ถ้าได้ซื้อหนังสือเตรียมตัวสอบ SAT อย่างเช่นของ The Collegeboard, Princeton Review หรือ Kaplan หนังสือเหล่านี้จะรวบรวมคำศัพท์ที่เราต้องใช้ไว้ทั้งหมดแล้วครับ
2. ทำโจทย์ให้มาก
การทำโจทย์จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับข้อสอบ ผมขอแนะนำกลยุทธ์ง่ายๆ ในการทำโจทย์ดังต่อไปนี้
- เริ่มต้นทำโจทย์โดยไม่จับเวลาก่อน เพื่อให้เราคุ้นเคยว่าแนวทางของข้อสอบเป็นแบบไหนบ้าง ในขณะเดียวกันจะได้ไม่กดดันตัวเองเกินไปหรือรู้สึกท้อ โดยเฉพาะถ้าทำข้อสอบไม่ได้ครับ
- เมื่อรู้สึกว่าคุ้นเคยและเข้าใจแนวทางข้อสอบในระดับหนึ่งแล้ว เราค่อยจับเวลาตามแบบในห้องสอบทุกประการ
- หลังจากจับเวลา SAT Math จนชำนาญแล้ว ลองทำข้อสอบ SAT ทั้งหมดรวมกับ Verbal ดูครับ
อย่างไรก็ดีถ้าเราเก่งเลขมาก และไม่มีปัญหากับภาษาอังกฤษ เราอาจจะไม่ต้องทำข้อสอบ SAT Math มากนักก็ได้ แต่อย่าประมาทครับ เพราะอย่าลืมว่าถ้าเราต้องการคะแนน SAT Math เต็มหรือเกือบเต็ม เราแทบจะผิดไม่ได้เลยสักข้อเดียว (บาง test ผิด 1-2 ข้อยังสามารถได้คะแนนเต็ม 800 ได้ครับ)
ตัวอย่างข้อสอบ SAT หรือข้อสอบเสมือนที่ให้ใช้ฝึกฝีมือ (Practice questions) มีทั้งแบบออนไลน์และแบบหนังสือ สำหรับแบบหนังสือเล่มไหนดี สามารถอ่านต่อได้ที่บทความชุดหนังสือสอบ SAT ที่ผมเคยเขียนไว้แล้วครับ
ในห้องสอบ
3. ทำข้อสอบอย่างมีสมาธิ
ในห้องสอบ ผมขอให้ทุกคนเริ่มต้นทำข้อสอบอย่างมีสมาธิ นั่นหมายความว่าเรื่องอื่นๆ ขอให้เก็บใส่กระเป๋าไปก่อน แล้วค่อยคิดต่อหลังสอบเสร็จครับ อย่าลืมว่าข้อสอบ SAT Math ให้เวลาจำกัดมากๆ เราจึงต้องใช้สมาธิอย่างมากในการทำข้อสอบให้เร็วและแม่นยำครับ
เวลาที่เผชิญหน้ากับข้อสอบบางข้อที่ยาก หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจเลย อย่าเพิ่งใจเสียหรือว่าร้อนรนครับ ลองตั้งสติและข้ามไปก่อน อย่างตัวผมเองเคยเจอบางข้อที่อ่านตอนแรกแล้วไม่เข้าใจเลย ผมเลยตัดสินใจข้ามไปก่อน พอทำข้ออื่นเสร็จแล้วถึงกลับมาทำใหม่ ปรากฏว่ารอบนี้มันคิดวิธีทำออกมาได้ น่าประหลาดใจอยู่เหมือนกัน 555
บางคนอาจจะวิตกกังวลระหว่างทำข้อสอบ อย่างเช่น “ตะกี้อ่าน reading ใน verbal ไม่รู้เรื่องเลย มั่วดิ่งเลยทั้ง 5 ข้อ จะได้กี่คะแนนเนี่ย” ผมแนะนำว่าลืมๆ ไปครับ เพราะคิดไปก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เราให้ความสำคัญกับข้อสอบตรงหน้าดีกว่าครับ
4. รอบคอบไว้ก่อน
ข้อสอบ SAT Math เป็นแบบ multiple choice เพราะฉะนั้นเราต้องระมัดระวังให้ดีในเรื่องความผิดพลาดในการทำข้อสอบที่ไม่น่าให้อภัยอย่างเช่น ฝนผิดข้อ ฝนผิดช่อง ฝนผิดกฎ ลืมทำข้อสอบ ลืมเขียนชื่อ ลืมฝนข้อมูลส่วนตัว ฯลฯ อย่าลืมเช็คให้ดีก่อนที่จะส่งข้อสอบครับ
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ อ่านโจทย์ผิด โจทย์ถาม A ตอบ B โดยเฉพาะข้อสอบที่เป็นกราฟและตารางทั้งหลาย ผมแนะนำให้ขีดเส้นใต้สองเส้นไว้เลยครับว่าโจทย์ถามอะไร และก่อนจะฝนคำตอบ อย่าลืมเช็คที่ขีดไว้อีกครั้งว่าสิ่งที่เรากำลังจะฝนลงไปตรงกับสิ่งที่โจทย์ถามหรือไม่ครับ
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนโชคดีในการสอบ SAT Math ครับ