ตำนาน"งู" เป็นสัญลักษณ์ของอะไรบ้างในส่วนต่างๆ ของโลก

“งู” เป็นสัญลักษณ์ของอะไรบ้างในส่วนต่างๆ ของโลก

สำหรับคนไทยในปัจจุบันแล้วแล้ว “งู” โดยเฉพาะ “งูเห่า” เป็นสัญลักษณ์ของการทรยศ การหักหลัง การปฏิบัติตามคำสัญญา แต่สำหรับชนชาติอื่น งูเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งอื่นด้วย ดังต่อไปนี้

เมโสโปเตเมีย

อารยธรรมเมโสโปเตเมียเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก พวกเขาเองก็มีสัญลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับงูเช่นเดียวกัน

เทพเจ้า Ningizzida หรือ Ningishzida ของชาวสุเมเรียน เป็นเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์ พืชผล และโลกหน้า เทพองค์นี้มักได้รับการสร้างให้มีศีรษะเป็นงู ดังนั้นงูจึงเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ของชาวสุเมเรียนไปด้วย

เทพเจ้า Ningizzida มีลักษณะเป็นงู

สำหรับชาวอัสซีเรียและบาบิโลน งูเป็นสัญลักษณ์ของการปกป้องดูแล (โดยเทพเจ้า) เพราะมันเป็นสัตว์ที่อยู่เคียงข้างเทพเจ้าสำคัญๆ ทุกพระองค์ โดยเฉพาะเทพเจ้ามาร์ดุก (Marduk) ของชาวบาบิโลน และเทพเจ้า Ashur ของชาวอัสซีเรีย

ดังนั้นในวิหารสำคัญๆ ในแถบนี้ เราจะเห็นว่ามีรูปปั้นงูอยู่ที่หน้าทางเข้าเสมอ เพื่อเป็นผู้พิทักษ์หรือปกป้องวิหารเหล่านี้นั่นเอง

อียิปต์โบราณ

งูเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าและความศักดิ์สิทธิ์ในอียิปต์โบราณ เทพหลายองค์เกี่ยวข้องกับงู เช่น เทพเจ้าอามุน (Amun) ที่เป็นงูที่กินหางตนเอง งูจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอมตะ ความเป็นนิรันดร์ รวมไปถึงกงล้อของธรรมชาติด้วย

งูในพระคัมภีร์ไบเบิล

ในพระคัมภีร์เก่า (ที่ชาวยิวและชาวคริสต์นับถือ) ถือว่า งูเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย และ การหลอกลวง เพราะว่างูได้หลอกลวงอดัมและอีฟให้ทำสิ่งที่พระเจ้าห้ามไว้ นั่นก็คือกินผลไม้จาก “ต้นไม้แห่งความรู้เรื่องความดีชั่ว” (Tree of Knowledge of Good and Evil)

อย่างไรก็ตาม ในคัมภีร์ใหม่ (ที่ชาวคริสต์นับถือ) งูไม่ได้ดูเลวร้ายเหมือนกับในพระคัมภีร์เก่า พระเยซูเคยเปรียบเทียบว่างูเป็นสัตว์ที่ฉลาด (Matthew 10:16) ดังนั้นงูจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญาไปด้วย

นอกจากนี้ยังมีการตีความอีกหลายแบบที่ต่างกันไป เช่น งูถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความต้องการทางเพศ และการรักษาโรคด้วยในบางอารยธรรมที่นับถือศาสนาตระกูลอับราฮัมมิก (ยิว คริสต์ อิสลาม) ด้วย

นอร์ซ และสลาวิก

สำหรับชาวนอร์ซ (ยุโรปเหนือ) งูเป็นสัญลักษณ์ของปีศาจ และความชั่วร้าย เพราะงูชื่อ Nidhogg ได้วนเวียนอยู่รอบ Yggdrasil ต้นไม้แห่งชีวิต มันพยายามจะสูบชีวิตมาจากต้นไม้ต้นนั้น นอกจากนี้งูยังเป็นสัญลักษณ์ของน้ำ ทะเล และมหาสมุทรเช่นเดียวกัน เพราะชาวนอร์ซเชื่อว่า งูยักษ์เป็นผู้สร้างมหาสมุทรบนโลก

ส่วนชาวสลาวิกเอง มองว่างูเป็นสัญลักษณ์ของใต้พิภพ หรือโลกหน้า เพราะเทพเจ้า Veles อันเป็นเทพเจ้าแห่งใต้พิภพมีรูปร่างและศีรษะเป็นงู

กรีซ

ชาวกรีกเชื่อว่า งูเกี่ยวข้องกับการสร้างโลก พวกเขามีสัญลักษณ์ที่เรียกว่า Ouroboros หรือ งูกินหางของตัวเอง สัญลักษณ์นี้แสดงถึง ธรรมชาติของการเกิดและตายของสิ่งมีชีวิตต่างๆ

นอกจากนี้งูยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของโลกหน้า หรือ ผู้พิทักษ์และผู้สื่อสารระหว่างโลกนี้และโลกหน้าอีกด้วย

สุดท้ายชาวกรีกยังเชื่อว่างูมีศักยภาพในการรักษาโรค เทพเจ้า Asclepius เทพเจ้าแห่งยาและการรักษา มักมีงูพันอยู่ตามตัวเสมอๆ ดังนั้นงูจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการรักษาเช่นกัน

เทพเจ้า Asclepius By Michael F. Mehnert – , CC BY-SA 3.0,

อินเดีย

ในอารยธรรมอินเดีย งูเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการเกิดใหม่และการตาย เพราะว่างูมักจะลอกคราบอยู่เสมอๆ ทำให้มันเหมือนกับว่ามัน “เกิดใหม่” บางครั้งชาวอินเดียบางคนถือว่างูเป็นสัญลักษณ์ของโชค และเป็นผู้พิทักษ์ (อย่างเช่นพญานาคปกป้องพระพุทธเจ้า)

เช่นเดียวกับชนชาติอื่นๆ หลายชนชาติ ชาวอินเดียเชื่อว่า งูเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ เพราะพวกเขาเชื่อมันทำให้พื้นดินอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

เอเชียตะวันออก

ชาวจีนถือว่างูเป็นสัญลักษณ์ของช่วงเวลา เช่น ปีงู นั่นเอง ชาวจีนบางพื้นที่ยังได้ใช้งูเป็นสัญลักษณ์แทนเวลาเช้า (9 โมงถึง 11 โมง) เพราะว่างูจะออกจากรูมาหากินในเวลานี้

นอกจากนี้ในจีน งูเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ การเก็บเกี่ยวที่ได้ผลดี และฝนที่ตกต้องตามฤดูกาล รวมไปถึงเป็นสัญลักษณ์ของเทพเจ้าเก่าแก่บางองค์ และพลังอำนาจอันแข็งแกร่งด้วย

ในญี่ปุ่น งูเป็นสัญลักษณ์ของการป้องกันจากสิ่งชั่วร้าย อาทิเช่นโรคภัยไข้เจ็บและโชคไม่ดี รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและการเปลี่ยนแปลงด้วย

งูแบบจีน By User:Vmenkov – Own work, CC BY-SA 3.0,

สรุป

เราจะเห็นว่า งูเป็นสัญลักษณ์สำคัญในการแสดงถึงนามธรรมที่แตกต่างกันหลายอย่าง งูสามารถเป็นได้ทั้งสัญลักษณ์ทางด้านดี และสัญลักษณ์ทางด้านร้าย ในสายตาของผู้คนที่อาศัยในบริเวณที่ต่างกันของโลก

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!