ประวัติศาสตร์เมื่อ "ฉลาม" หลายสิบตัวโจมตีลูกเรือ USS Indianapolis ที่ลอยคออยู่กลางทะเล!

เมื่อ “ฉลาม” หลายสิบตัวโจมตีลูกเรือ USS Indianapolis ที่ลอยคออยู่กลางทะเล!

เรือยูเอสเอส อินเดียแนโปลิส (USS Indianapolis) เป็นเรือรบขนาดใหญ่ของกองทัพสหรัฐ ในช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่สอง เรือลำนี้ได้รับภารกิจพิเศษระดับลับสุดยอด

นั่นก็คือเรือลำดังกล่าวจะต้องขนชิ้นส่วนของระเบิดปรมาณูที่ชื่อ Little Boy ไปยังเกาะติเนียน (Tinian) เพื่อเตรียมการไปทิ้งใส่ญี่ปุ่นเป็นลำดับต่อไป

แล้วฉลามโผล่มาตอนไหน ติดตามได้ในโพสเลยครับ

USS Indianapolis

ภารกิจลับสุดยอด

ในวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ.1945 เรือยูเอสเอส อินเดียแนโปลิสออกจากเมืองซานฟรานซิสโก เมืองสำคัญในภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ภายในเรือดังกล่าวมีสิ่งของระดับสุดยอดอยู่ด้วย

นั่นก็คือ ชิ้นส่วนของระเบิดปรมาณูลูกแรกของโลก ที่มีนามว่าลิตเติ้ลบอย

เรือดังกล่าวมาถึงเพิร์ล ฮาร์เบอร์อย่างรวดเร็ว และปราศจากการคุกคามใดๆ เพราะกองเรือญี่ปุ่นถูกโจมตีหนักจนต้องถอยกลับน่านน้ำรอบญี่ปุ่นไปหมดแล้ว

เรือยูเอสเอส อินเดียแนโปลิสเดินทางมาถึงติเนียนในวันที่ 26 กรกฎาคม และได้รับส่งมอบของสำคัญเป็นที่เรียบร้อย เรือได้รับคำสั่งให้แล่นไปที่อ่าวเลเตที่ฟิลิปปินส์ เพื่อที่ลูกเรือจะได้รับการฝึกก่อนที่จะไปร่วมรบกับเพื่อนทหารในสมรภูมิที่โอกินาวา

เรือถูกจม

ระหว่างที่เรือกำลังแล่นอยู่ในทะเลฟิลิปปินส์ ในเวลาเที่ยงคืนสิบห้านาทีของวันที่ 30 กรกฎาคม เรือดำน้ำญี่ปุ่นที่เห็นเป้าหมายจึงยิงตอร์ปิโดจำนวนสองลูกเข้าใส่เรือยูเอสเอส อินเดียแนโปลิสทันที ตอร์ปิโดทั้งสองลูกได้ทำให้เรือระเบิดเสียงดังสนั่น ภายในเวลาไม่นาน เรือก็พลิกคว่ำและจมลงในที่สุด

เรือจมก่อนที่จะถึงที่หมาย

ลูกเรือที่อยู่บนเรือมีมากถึง 1,195 คน มีประมาณ 300 คนที่ตายเพราะถูกระเบิด และไม่อาจจะหนีออกมาจากเรือได้ทัน แต่ลูกเรืออีกเกือบ 900 คน หนีรอดมาได้

ปัญหาสำคัญคือ เรือชูชีพมีน้อยมาก เสื้อชูชีพก็มีไม่พอ ทำให้ลูกเรือจำนวนมากต้องลอยคออยู่กลางทะเล ลูกเรือบางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส

พวกเขาทุกคนต่างเปี้อนไปด้วยน้ำมันที่ไหลออกมาจากเรือรบของพวกเขาที่เพิ่งจมไปต่อหน้าต่อตา พวกลูกเรือจึงต้องรีบว่ายหนีออกไปจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าน้ำมันพวกนี้จะติดไฟทำให้พวกเขาตายกันหมด

นอกจากนี้เกาะที่อยู่ใกล้ที่สุดก็อยู่ห่างออกไปไกลถึง 280 ไมล์ทะเล การช่วยเหลือที่เร็วที่สุดต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะมาถึงพวกเขา หากแต่ว่าพวกเขาไม่รู้เลยว่า กองบัญชาการกองทัพเรือไม่รู้เลยว่าเรือของพวกเขาได้จมลงไปแล้ว

สาเหตุคือผู้บังคับบัญชา 3 คนที่ประจำการที่สถานีรับสัญญาณ 3 คนไม่ได้แจ้งให้กองบัญชาการทราบเลยสักคนเดียว คนหนึ่งเมาจนหลับไป คนที่สองสั่งไม่ให้ใครรบกวนเขา ส่วนคนที่สามคิดว่าเป็นกลลวงของญี่ปุ่น

ฝูงฉลามบุก

เหล่าลูกเรือที่ลอยคออยู่ในทะเลต่างรอแล้วรอเล่า แต่ก็ยังไม่มีใครช่วยเหลือพวกเขาสักที ลูกเรือที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเริ่มเสียชีวิตลง ในขณะเดียวกันทหารที่เหลือก็เริ่มขาดน้ำ และเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขาต้องเผชิญกับอาการร้อนโดยไม่มีที่หลบ

การลอยคอในทะเลโดยไม่มีเสื้อชูชีพเป็นสิ่งที่แย่มากอยู่แล้ว การเผชิญกับอากาศร้อนเป็นสิ่งที่ทำให้ย่ำแย่มากขึ้น แต่เพียงเท่านั้นไม่พอ พวกลูกเรือต้องเจอกับสิ่งหฤโหดอย่างที่สาม

นั่นก็คือ ฝูงฉลามกินเนื้อ!

พวกมันได้กลิ่นเลือดที่ไหลรินจากบาดแผลของพวกลูกเรือ และเสียงระเบิดที่ดังสนั่น ฝูงฉลามหลายสิบตัวพุ่งเข้าหาพวกเขาทันที

ฉลามครีบขาว By OldakQuill , CC BY-SA 3.0,

ฉลามพวกนี้น่าจะเป็นฉลามครีบขาว (Oceanic Whitetip Shark) และฉลามเสือ (Tiger Shark) ซึ่งเป็นฉลามที่ก้าวร้าวและดุร้าย ต่างจากฉลามวาฬที่เป็นมิตร

ในวันแรกพวกมันพยายามจะเล่นงานศพของพวกทหารที่เสียชีวิตไปแล้วก่อน หลังจากนั้นพวกมันถึงจะเริ่มเล่นงานเหยื่อที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะพวกที่มีบาดแผลและมีเลือดไหลโซม

พวกลูกเรือพยายามจะอยู่รวมตัวกัน แต่พวกฉลามก็สามารถหาโอกาสจัดการคนที่แตกกลุ่มได้อยู่ดี ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาจะเห็นครีบของพวกมันก่อน หลังจากนั้นเสียงกรีดร้องของพวกลูกเรือคนใดคนหนึ่งก็จะดังลั่น

ร่างของผู้ที่โดนพวกมันโจมตีจะจมหายหลงไปพร้อมกับเสื้อชูชีพ ภายในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา จะเหลือแค่เสื้อชูชีพเท่านั้นที่โผล่ขึ้นมาสู่ผิวน้ำ

ยูจีน มอร์แกน ลูกเรือที่รอดชีวิตคนหนึ่งเล่าว่า มีลูกเรือบนตาข่ายที่ลอยน้ำอยู่ประมาณ 15 คน ฝูงฉลามประมาณ 10 ตัวได้ช่วยกันโจมตีตาข่ายดังกล่าว ภายในเวลาไม่กี่นาที ตาข่ายก็หายไปอย่างถาวร พร้อมกับพวกลูกเรือบนนั้นด้วย

การดิ้นรนของพวกลูกเรือทำให้พวกฉลามมามากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกมันจับการเคลื่อนไหวได้ ลูกเรือหลายสิบคนต้องเป็นเหยื่ออันโอชะของเหล่าฉลาม พวกลูกเรือจึงพยายามอยู่ห่างๆ คนที่มีบาดแผล เมื่อคนใดสักคนหนึ่งตาย พวกเขาจะผลักร่างของผู้นั้นออกไป พวกเขาหวังว่าฉลามจะงาบร่างเหล่านั้นไปแทน

พวกลูกเรือกลุ่มหนึ่งพยายามเปิดเนื้อกระป๋องยี่ห้อ SPAM ที่หอบหิ้วมาจากเรือเพื่อกินมัน แต่กลิ่นของเนื้อทำให้พวกฉลามพุ่งเข้ามาหาพวกเขาทันที พวกเขาจำต้องทำใจโยนกำจัดเนื้อดังกล่าวทิ้งเสีย เพื่อไม่ให้พวกฉลามเข้ามาอีก

เนื้อกระป๋องยี่ห้อ SPAM ปัจจุบันก็ยังขายอยู่ By Cypher789, CC BY-SA 3.0,

ปราศจากผู้มาช่วย

วันที่สองผ่านไปก็แล้ว วันที่สามผ่านไปก็แล้ว แต่ยังไม่มีใครมาช่วยพวกลูกเรือเหล่านี้เลย

ร่างกายของพวกลูกเรือบางคนไม่สามารถทนกับอากาศที่ร้อนจัดในเวลาเช้า และหนาวจัดในเวลากลางคืนได้อีกต่อไป พวกเขาเองก็ขาดน้ำด้วย หลายคนตัดสินใจกินน้ำทะเลไปเป็นจำนวนมากจนเสียชีวิตด้วยอาการเกลือเป็นพิษ

บางคนกลับเห็นภาพหลอน หรือ มีอาการประสาทหลอน พวกเขาคลุ้มคลั่งจนถอดเสื้อชูชีพและดำลงไปใต้น้ำ พวกคนเหล่านี้กลายเป็นเหยื่อของฉลามในที่สุด

เสื้อชูชีพในเวลานั้นเองก็ไม่มีคุณภาพเท่าใดนัก เมื่อลอยคออยู่ในน้ำนานๆ มันก็ชุ่มไปด้วยน้ำ ทำให้ไม่ช่วยให้ลอยอีกต่อไป ลูกเรือบางคนว่ายน้ำจนหมดแรง

สำหรับลูกเรือบางคนโชคดี พวกเขาพบเห็นผักผลไม้กระป๋องจำนวนมากลอยมาพอดี พวกเขากินสิ่งที่อยู่ในนั้น และหาทางผูกกระป๋องเข้าด้วยกันกับเสื้อชูชีพเพื่อทำเป็นแพ ลูกเรือกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่รอดชีวิตได้ในที่สุด

ได้รับการช่วยเหลือ

สี่วันผ่านไป กองทัพเรือสหรัฐถึงทราบว่ามีเรือลำหนึ่งหายไป เพราะว่ามีเครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านบริเวณดังกล่าวพอดี และเห็นคนจำนวนหนึ่งลอยอยู่ในน้ำ

พวกลูกเรือที่รอดชีวิตอยู่จึงได้รับการช่วยเหลือ หากแต่ว่าจากจำนวน 900 คน ที่อยู่ในน้ำ มีเพียง 317 คนเท่านั้นที่รอดชีวิต

ลูกเรือหลายคนได้รับบาดเจ็บจนต้องรักษาอยู่ในโรงพยาบาลหลายเดือน แต่สุดท้ายทุกคนก็ได้กลับบ้าน ต่างกับเพื่อนอีกหลายร้อยคนของพวกเขาที่จากไปในท้องทะเลอย่างไม่มีวันกลับ

ผู้รอดชีวืตจาก เรือ USS Indianapolis

เราไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้เสียชีวิตเพราะฉลามกี่คน บ้างว่าไม่กี่สิบคน บ้างว่ามากถึง 150 คน อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของการสูญเสียชีวิตมนุษย์ที่เกิดจากฉลามในหน้าประวัติศาสตร์โลกไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือลำนี้ยังเป็นอันดับต้นๆ ที่เกิดขึ้นกับกองทัพเรือสหรัฐด้วย

การจากไปของผู้บังคับบัญชา

นาวาเอกแม็คเวย์ (Captain McVay) ผู้บังคับการเรือยูเอสเอส อินเดียแนโปลิส รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมาได้ แต่เขากลับต้องขึ้นศาลทหารด้วยข้อหานำเรือไปเสี่ยงอันตราย เพราะเขาไม่ได้ขับเรือแบบซิกแซก

อย่างไรก็ตาม แม็คเวย์รอดพ้นจากการโดนลงโทษมาได้ เพราะกองทัพเรือไม่ได้แจ้งให้แม็คเวย์ทราบเรื่องเรือดำน้ำญี่ปุ่น ผู้บังคับบัญชาเรือดำน้ำญี่ปุ่นลำนั้นให้การแก่ศาลว่า ถึงแม็คเวย์จะขับเรือแบบซิกแซคก็ไม่ได้ช่วยอะไร ทำให้แม็คเวย์หลุดพ้นจากข้อหา และได้รับราชการจนเกษียณอายุในยศพลเรือตรี

หากแต่ว่าญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตกลับยังคงโทษแม็คเวย์ว่าเป็นผู้ผิดที่ทำให้พวกลูกเรือจำนวนมากต้องเสียชีวิต ด้วยความเครียดในเรื่องนี้ทำให้แม็คเวย์ตัดสินใจยิงตัวตายในสวนหน้าบ้านของเขาด้วยปืนประจำตัวที่เขาได้รับจากกองทัพเรือ แม็คเวย์อายุได้ 70 ปี

เมื่อเด็ก ป.6 กอบกู้ชื่อเสียงให้แม็คเวย์

ในปี ค.ศ.1996 ได้มีเด็กนักเรียนป.6 คนหนึ่งชื่อ ฮันเตอร์ สก็อตต์ (Hunter Scott) วัย 12 ปี เขาได้รับมอบหมายให้ทำโครงงานวิชาประวัติศาสตร์จากอาจารย์ของเขา สก็อตต์ได้เลือกที่จะศึกษาเรื่องที่เกิดขึ้นกับยูเอสเอส อินเดียแนโปลิส เพราะว่าเขารู้สึกสนใจหลังจากที่เรื่องนี้เป็นที่กล่าวถึงในภาพยนตร์เรื่อง Jaws ภาพยนตร์เกี่ยวกับฉลามกินคนที่เขาเคยดูแล้วชอบมาก

สก็อตต์ได้ทำโครงงานอย่างละเอียดมาก เขาไปขอสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตมากถึง 150 คน และศึกษาข้อมูลต่างๆ ถึง 800 ฉบับ สก็อตต์ได้สรุปอย่างชัดเจนในโครงงานของเด็ก ป.6 ว่า แม็คเวย์ไม่ผิด และไม่ควรถูกป้ายความผิดว่าเป็นผู้ที่ทำให้เรือยูเอสเอส อินเดียแนโปลิสจม

โครงงานของสก็อตต์ได้รับความสนใจอย่างมากในอเมริกา สก็อตต์ได้ขอให้วุฒิสมาชิกคนหนึ่งช่วยเหลือ จนเขาได้อธิบายเรื่องนี้ต่อหน้าสภาคองเกรสของสหรัฐพร้อมกับผู้รอดชีวิตจากเรือที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้สุดท้ายแล้ว ในปี ค.ศ.2000 แม็คเวย์ได้รับการประกาศว่าเป็นผู้บริสุทธิ์โดยสภาคองเกรส และได้รับการลงนามยอมรับโดยประธานาธิบดี บิล คลินตัน ประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนั้น

ปัจจุบันสก็อตต์ได้เป็นนักบินในกองทัพเรือสหรัฐ เรื่องของเรือยูเอสเอส อินเดียแนโปลิสจึงปิดฉากลงในที่สุด

Sources:

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!