ท่องเที่ยวเมืองปิซา (Pisa) เมืองหอเอนแห่งอิตาลีมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง?

เมืองปิซา (Pisa) เมืองหอเอนแห่งอิตาลีมีที่ไหนน่าเที่ยวบ้าง?

ถ้าเอ่ยถึงเมืองปิซา (Pisa) ผมเชื่อว่าร้อยละ 99.99 ทุกคนจะต้องคิดไปถึงหอเอนปิซา (Leaning Tower of Pisa) แลนด์มาร์กของเมืองที่มีชื่อเสียงระดับโลก และเป็นสถานที่ที่ทุกคนจะต้องมาถ่ายรูปเซลฟี่กับมันสักครั้ง

อย่างไรก็ดีเมืองปิซาไม่ใช่เมืองที่มีดีแค่หอเอนปิซาเท่านั้น ตัวเมืองยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่สวยและน่าสนใจด้วย เพราะเมืองนี้มีประวัติศาสตร์อย่างน้อย 2,000 ปีขึ้นไป ซึ่งย้อนไปได้ถึงสมัยโรมันเลยครับ

ปิซา

ในโพสนี้ ผมจะแนะนำเมืองปิซาโดยเล่าความเป็นมาและประวัติของเมืองอย่างคร่าวๆ ก่อน (สามารถข้ามได้) และจะนำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวต่อไปครับ

ประวัติย่อของปิซา

ปิซา (Pisa) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางภาคกลางของอิตาลี และเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน Tuscany ตัวเมืองตั้งอยู่ปากแม่น้ำ Arno ทำให้เมืองแห่งนี้อุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่โบราณกาล

เราไม่ทราบแน่ชัดว่าปิซาก่อตั้งขึ้นเมื่อใด แต่เชื่อกันว่าชาวโรมันได้ใช้ที่นี่เป็นฐานทัพสำหรับส่งกองเรือไปทำสงครามกับคาร์เธจในช่วงสงครามพิวนิก จนกระทั่งในปี 180 BC (ก่อนคริสตกาล 180 ปี) เมืองปิซาจึงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองอย่างเป็นทางการ

ปิซารุ่งเรืองขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อโรมกลายเป็นจักรวรรดิ จักรพรรดิ Augustus ได้สร้างให้ปิซากลายเป็นเมืองท่าสำคัญ ผู้คนจึงอพยพย้ายถิ่นมาอยู่ที่นี่มากขึ้นตามลำดับ

หอคอยที่ชาวปิซาสร้างขึ้นเพื่อป้องกันโจรสลัด By Wolfgang Sauber , CC BY-SA 3.0,

การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 5 ไม่ได้ส่งผลกระทบทางลบต่อตัวเมืองเท่าไรนัก ส่วนหนึ่งเพราะปิซามีป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่ต้านทานพวกอนารยชนไว้ได้ การชลประทานและโครงสร้างของเมืองก็ดีเยี่ยมไม่เหมือนเมืองอื่น ทำให้ไม่ประสบกับปัญหาแล้งหรือขาดแคลนอาหาร

อย่างไรก็ดีในช่วงยุคกลาง โชคของปิซาเหมือนจะหมดลง เพราะตัวเมืองถูกยึดครองและเปลี่ยนมือหลายครั้ง และยังถูกรบกวนจากพวกโจรสลัดอยู่บ่อยๆ ทำให้พัฒนาการของเมืองชะงักไปนานหลายศตวรรษ ในช่วงศตวรรษที่ 9-10 ชาวปิซาจึงตัดสินใจปฏิรูปกองทัพเรือและต่อสู้กับพวกโจรสลัดอย่างเด็ดขาดจนเอาชัยได้สำเร็จ

ธงของ Republic of Pisa

การมีกองทัพเรือที่เข้มแข็งช่วยให้อำนาจของปิซาทวีขึ้นมาด้วย ในช่วงศตวรรษที่ 10-11 ปิซาได้กลายเป็นเมืองที่มีกองเรือที่แข็งแกร่ง รวมไปถึงมีรายได้จากการค้าขายที่มากมาย ชาวเมืองปิซาจึงได้สถาปนาสาธารณรัฐปิซา (Republic of Pisa) ขึ้นและปกครองตนเองไม่ขึ้นกับชาติใด

แต่ทว่าในช่วงศตวรรษที่ 13-14 ปิซาพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับนครรัฐคู่แข่งอย่าง Genoa (เจนัว) ทำให้กองเรือเกือบทั้งหมดถูกทำลาย นับตั้งแต่บัดนั้นเมืองจึงประสบกับขาลงอย่างแท้จริง และไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาได้อีกเลย สุดท้ายปิซาจึงถูกเมืองคู่แข่งอย่างฟลอเรนซ์ (Florence) ยึดครองไปในปี ค.ศ.1406 ส่งผลให้สาธารณรัฐปิซาถึงแก่กาลอวสาน

นับตั้งแต่บัดนั้น ปิซาจึงเป็นเพียงเมืองรองของอิตาลี แต่ก็เป็นศูนย์กลางทางรถไฟที่สำคัญมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นเมืองท่องเที่ยวอันสำคัญยิ่งด้วย เพราะหอเอนปิซาได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวนับล้านคนให้มาเยี่ยมเยือนเมืองปิซาทุกปีครับ

ถัดไปเรามาดูกันดีกว่าครับว่าเมืองปิซามีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรบ้างที่น่าสนใจ

1. Leaning Tower of Pisa

Leaning Tower of Pisa หรือหอเอนปิซา (Torre pendente di Pisa) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกที่เมื่อใครเห็นก็ต้องทราบทันทีว่าตั้งอยู่ที่ประเทศอะไร หอคอยที่สร้างด้วยศิลปะแบบ Romanesque แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปิซาและประเทศอิตาลีเลยก็ว่าได้ครับ

หอเอนปิซา

ตัวหอคอยสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 12 หรือช่วงที่ปิซายังเป็นมหาอำนาจ แต่ปัญหาเกิดขึ้นนับตั้งแต่เริ่มสร้างแล้ว นั่นคือด้านหนึ่งของหอคอยเริ่มทรุดตัวลงไปอย่างชัดเจน ชาวปิซาในเวลานั้นต่างเกรงกลัวจึงหยุดสร้าง จนกระทั่งในอีก 100 ปีต่อมา การก่อสร้างจึงเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่งและเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1372

ทุกวันนี้หอเอนปิซา “เอน” ประมาณ 4 องศา ซึ่งคุณจะสังเกตได้ไม่ยากจากระยะไกล ในอดีตมันเคยเอนมากกว่านี้ครับ และสุ่มเสี่ยงจะพังทลายลงมา รัฐบาลอิตาลีจึงให้วิศวกรเข้ามาแก้ไข ทำให้มันเอียงอยู่ในระดับที่เป็นอยู่ในปัจจุนัน

คุณสามารถขึ้นไปชมวิวบนหอเอนปิซาได้ด้วยการขึ้นบันไดไปเกือบ 300 ขั้นครับ เมื่อขึ้นไปถึงแล้ว คุณจะเห็นวิวเมืองปิซาสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว

ค่าเข้า: 18 ยูโร (ต้องจองล่วงหน้าเพราะมีจำกัดคนเข้าต่อวัน)

2. Pisa Cathedral

Pisa Cathedral หรือ Duomo di Pisa เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่สไตล์ Romanesque ที่อยู่ติดกับหอเอนปิซา มหาวิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองเพราะสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11-12 โน่นเลย

Pisa Cathedral

ไฮไลท์ของมหาวิหารแห่งนี้คือ ด้านหน้าของวิหารที่สร้างขึ้นด้วยหินอ่อนอย่างสวยงามมาก และการตบแต่งด้านในอันอลังการที่เป็นผลงานของศิลปินชาวอิตาเลียนหลายคนครับ

ภายใน Pisa Cathedral By Tango7174, CC BY-SA 4.0,

ในเส้นทางที่เข้าไปสู่ตรงกลางของโบสถ์ คุณจะเห็นเสาที่สวยงามเรียงรายกันไปนับสิบต้นเลยทีเดียว ส่วนตรงกลางของโบสถ์นั้น ถ้าคุณลองมองขึ้นไปด้านบนของเสา คุณจะเห็นว่ามีภาพเขียนอันสวยงามอยู่หลายภาพ ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินอันดับต้นๆ ในช่วงนั้นครับ อย่างเช่น Andrea del Sarto หรือ Il Sodoma เป็นต้น

อีกจุดที่คุณน่าสนใจคือ Lamp of Galileo หรือ โคมไฟของกาลิเลโอครับ มีตำนานเล่าว่ากาลิเลโอซึ่งเป็นคนเมืองปิซา เคยมานั่งอยู่ในมหาวิหารแห่งนี้และมองโคมไฟไปมา ทำให้คิดทฤษฎีลูกตุ้มได้สำเร็จ

Lamp of Galileo By JoJan, Wikipedia, CC By SA 3.0

อย่างไรก็ดีโคมไฟที่คุณเห็นไม่ใช่โคมไฟของจริง แต่เป็นของจำลองที่ใหญ่กว่าและไม่เหมือนของจริงเท่าไรนัก โคมไฟที่กาลิเลโอเห็นจริงๆ ในปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่ Campo Santo ครับ

3. Pisa Baptistery

Pisa Baptistery (Battistero) เป็นโบสถ์ที่ใช้ทำพิธีศีลจุ่มในศาสนาคริสต์ โดยสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับ Pisa Cathedral และหอเอนปิซาเลยครับ (ทั้งหมดอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า Piazza dei Miracoli)

Baptistery, Pisa By NotFromUtrecht, CC BY-SA 3.0,

โบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ที่ใช้ทำพิธีศีลจุ่มที่ใหญ่ที่สุดในศาสนาคริสต์แห่งหนึ่ง ตัวโบสถ์มีอายุ 600 ปีและสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมครึ่ง Gothic ครึ่ง Romanesque ทั้งนี้โครงสร้างด้านล่างของโบสถ์จะเป็นแบบ Romanesque ส่วนด้านบนจะเป็น Gothic ครับ แม้ว่าจะเป็นการผสมศิลปะสองแบบเข้าด้วยกัน แต่ผลออกมาคือตัวโบสถ์สวยงามมากครับ

ถ้าคุณสังเกตดีๆ คุณจะพบว่าโบสถ์แห่งนี้ “เอน” เหมือนกับหอเอนปิซา แต่จะเอนในองศาที่ต่ำกว่า นั่นคือประมาณ 0.6 องศาครับ

ค่าเข้า: 5 ยูโร

4. Campo Santo

Campo Santo หรือ Camposanto Monumentale เป็นสุสานเก่าแก่ที่อยู่ใกล้กับ Piazza dei Miracoli ในเมืองปิซา

ชื่อของสุสาน (Campo Santo) แปลว่าพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะมีตำนานเล่าว่าตัวสุสานสร้างขึ้นล้อมรอบดินที่นำมาจาก Golgotha หรือจุดที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน หลังจากเสร็จแล้ว มันถูกใช้ฝังชนชั้นสูงของเมืองปิซาครับ

Campo Santo

ตัวสุสานมีขนาดใหญ่และอลังการเพราะถูกสร้างขึ้นตามสไตล์ Gothic และถูกตบแต่งด้วยภาพเขียนสีเฟรสโก ถ้านับเป็นตารางเมตรแล้ว ภาพเขียนสีเฟรสโกที่นี่จะกินพื้นที่มากกว่าภาพแบบเดียวกันในมหาวิหาร Sistine Chapel ที่นครรัฐวาติกันเสียอีก

อย่างไรก็ดีภาพเฟรสโกจำนวนมากได้รับความเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จากการทิ้งระเบิดของฝ่ายพันธมิตร สิ่งที่เหลืออยู่จึงเป็นแค่ส่วนหนึ่งของความยิ่งใหญ่ในอดีตเท่านั้น

นอกจากนี้ภายในสุสานยังเก็บโลงศพสมัยโรมันไว้จำนวนมาก ในปัจจุบันน่าจะมีประมาณ 80 โลง ถ้าคุณสนใจ สามารถเดินชมได้เช่นกันครับ

5. Palazzo dei Cavalieri

Palazzo dei Cavalieri เป็นพระราชวังเก่าแก่อายุเกือบ 500 ปีของเมืองปิซาที่ใช้เป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มอัศวิน Knights of St. Stephen จุดเด่นของพระราชวังแห่งนี้คือบริเวณด้านหน้าอันละลานตาที่เป็นผลงานการตบแต่งของศิลปินชื่อดังอย่าง Giorgio Vasari ครับ

Palazzo dei Cavalieri By Paolo Fisicaro – Fotografia, CC BY-SA 3.0,

6. Santa Maria della Spina

Santa Maria della Spina เป็นโบสถ์ขนาดเล็กกะทัดรัดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ Arno แม้ว่าจะมีขนาดเล็กมาก แต่ความสวยงามของโบสถ์ทรงโกธิคนี้ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่าโบสถ์ใด หินอ่อนที่ใช้สร้างตัวโบสถ์ได้รับการตบแต่งอย่างประณีตตามศิลปะสมัยศตวรรษที่ 13

Santa Maria della Spina By Stephan M. Höhne , CC BY-SA 3.0,

อย่างไรก็ดี คุณสามารถชมได้แต่ด้านนอกเท่านั้น ไม่สามารถเข้าชมข้างในได้ครับ

7. Palazzo Agostini

Palazzo Agostini เป็นอาคารเก่าแก่ที่มีสร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 14 ทุกวันนี้มันยังคงมีรูปร่างเหมือนเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง คุณสามารถเห็นมันได้จากระยะไกล เพราะว่าด้านหน้าถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐสีแดง ซึ่งแตกต่างจากอาคารโดยรอบอย่างชัดเจน

Palazzo Agostini Di Lucarelli – Opera propria, CC BY-SA 3.0,

ถ้าคุณมาถึงที่นี่แล้ว อย่าได้พลาดที่จะเข้าไปจิบกาแฟที่ Caffè dell’Ussero คาเฟ่ที่ตั้งอยู่ในอาคารแห่งนี้ คาเฟ่แห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ ค.ศ.1794 และยังอยู่ยงคงกระพันมาถึงปัจจุบัน

พิพิธภัณฑ์ต่างๆ

ภายในเมืองมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ถ้าคุณชอบศิลปะตะวันตก คุณควรจะหาเวลาเข้าชมสักครั้งครับ

  • Museo del Opera del Duomo – พิพิธภัณฑ์ที่รวมรูปปั้นและศิลปะทรงคุณค่ามากมาย นอกจากนี้ที่นี่มีระเบียงที่เป็นจุดอัน perfect ที่ใช้ถ่ายรูปหอเอนปิซาด้วยครับ
  • Museo delle Sinopie – รวมภาพเขียนและงานศิลปะทั่วไปที่มีที่มาจากปิซา
  • Museo Nazionale – พิพิธภัณฑ์หลักของเมืองปิซาที่เก็บรักษาผลงานศิลปะไว้มากมาย
  • Palazzo Blu – พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่กำแพงด้านนอกเป็นสีฟ้าอันสวยงาม และจัดแสดงงานศิลปะอันหลากหลาย
  • Museo Nazionale di San Matteo – พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษางานศิลปะที่เกี่ยวกับศาสนาในเมืองปิซา

ไปปิซาอย่างไรดี?

เนื่องจากอิตาลีมีการคมนาคมที่ค่อนข้างสะดวกสบาย ทำให้คุณสามารถไปเที่ยวปิซาเองได้อย่างไม่ยากไรนัก ทั้งนี้ปิซาห่างจากกรุงโรมไปทางเหนือประมาณ 350 กิโลเมตร วิธีเดินทางไปที่ง่ายที่สุดคือบินลงกรุงโรมก่อนแล้วต่อรถไฟครับ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เวลาที่เหมาะสมที่อยู่ในเมืองปิซาคือ 1-2 วัน

สำหรับเรื่องการเดินทางเข้าออกปิซา ผมแนะนำให้ใช้เว็บไซต์ Omio ครับ เพราะในเว็บเดียวทำได้หมดทุกอย่างตั้งแต่หาข้อมูลการเดินทาง เปรียบเทียบราคา และจองตั๋วเลยครับ

[sc name=”travelthai” ][/sc]

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

สถานที่ท่องเที่ยว

โรงแรมที่พัก

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!