ประวัติศาสตร์อีดี้ อามิน: เผด็จการจอมป่าเถื่อนแห่งอูกันดา

อีดี้ อามิน: เผด็จการจอมป่าเถื่อนแห่งอูกันดา

การปกครองในรูปแบบเผด็จการ หากได้ผู้นำที่ดี มีวิสัยทัศน์ ประเทศก็จะรุ่งเรืองเพราะสามารถลงมือทำทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็วโดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน ในทางตรงกันข้าม ถ้าประเทศที่เป็นเผด็จการนั้นมีผู้นำที่เก่งแต่ถลุง ไร้ความสามารถ กักขฬะ ประเทศนั้นก็จะเจริญลง ไปทุกวัน

อีดี้ อามิน แห่งอูกันดาเป็นตัวอย่างของกรณีที่สองนี้

อีดี้ อามิน

วัยเด็กและการขึ้นสู่อำนาจ

ประวัติในวัยเด็กของอามินค่อนข้างคลุมเครือ เราไม่แน่ชัดว่าเขาเกิดปีอะไรกันแน่ แต่อยู่ในช่วงปี ค.ศ.1923-1928 เขาเกิดที่อูกันดา ซึ่งในขณะนั้นเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ

อูกันดาอยู่ตรงกลางของทวีปแอฟริกา ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร ดินแดนนี้ไม่มีทางออกทะเลแต่อย่างใด แต่ถึงกระนั้นอูกันดาก็อยู่ติดกับย่านทะเลสาบใหญ่ของแอฟริกา ทำให้มีสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด

ในวัยเด็ก อามินได้เข้าเรียนในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามแห่งหนึ่งในอูกันดา เขาเรียนจนถึงชั้น ป.4 ก็ลาออก หลังจากนั้นอามินก็เข้าทำงานหลายอย่าง จนสุดท้ายแล้ว อามินได้เข้าร่วมกองทัพแอฟริกันของอังกฤษในฐานะผู้ช่วยพ่อครัว แต่ในภายหลังเขาได้กลายเป็นพลทหารคนหนึ่ง

ต่อมาในปี ค.ศ.1949 กองพลของอามินได้ถูกส่งไปรบในเคนยาเพื่อปราบกบฎ เราไม่รู้ว่าอามินมีผลงานเป็นอย่างไรในสมรภูมิ แต่ในปี ค.ศ. 1953 อามินได้รับตำแหน่งเป็นสิบเอก หกปีต่อมาเขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายทหารพิเศษ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ชาวแอฟริกันจะได้รับในอาณานิคมของอังกฤษในขณะนั้น

ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่า อามินทำอย่างไรถึงไต่เต้าได้รวดเร็วถึงปานนี้

หลังจากนั้นอามินก็รับราชการทหารต่อไป และได้รับตำแหน่งสูงขึ้นตามลำดับหลังจากอูกันดาได้รับอิสรภาพจากอังกฤษ ในปี ค.ศ.1970 อามินก็ได้กลายเป็นผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุดจากการช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีโอบอตในการกำจัดกษัตริย์มูเตซาแห่งอูกันดาให้ออกจากประเทศไปเสีย

จากผู้ช่วยพ่อครัวที่จบ ป.4 มาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ถือว่า อามินเป็นคนเก่งไม่เบา แต่ไม่รู้ว่าเก่งอะไรกันแน่ อาจจะ “เลีย” เก่งมากกว่า

อามินใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายในฐานะนายทหารระดับสูง เขาเป็นนักกีฬาชั้นเอกที่สูงถึง 193 ซม. เขาลงแข่งขันมวยสากลรุ่นชิงแชมป์ประเทศรุ่นไลท์เฮฟวี่เวทและได้เป็นแชมป์ถึง 9 ปีติด ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1951-1960 นอกจากนี้เขายังเป็นนักรักบี้ที่เก่งมากอีกด้วย

เมื่อเริ่มจะมีอำนาจ อามินเริ่มสร้างฐานกำลังของตนเองอย่างรวดเร็ว เขาเกณฑ์ชาวซูดานใต้มาเป็นกำลังทหารในกองทัพของเขาจำนวนมาก ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับประธานาธิบดีโอบอตย่ำแย่ลงตามลำดับ

อามินได้แอบช่วยเหลือการกบฎในซูดานใต้ และแอบสนับสนุนการลอบสังหารโอบอต แต่ไม่ประสบความสำเร็จ โอบอตจึงเข้ายึดอำนาจทางทหารจากอามิน โดยเขาปลดอามินจากผู้บัญชาการสูงสุดเสีย แต่อามินก็ยังมีอำนาจควบคุมกองทัพอยู่

อีดี้ อามินในฐานะผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุด

ประธานาธิบดี

ในเวลาต่อมาประธานาธิบดีโอบอตคิดจะกำจัดอามินในฐานที่เขานำเงินของกองทัพอูกันดาไปใช้ในทางที่ผิด อามินจึงทำการรัฐประหารรัฐบาลของประธานาธิบดีโอบอตในวันที่ 25 มกราคม 1971 ระหว่างที่โอบอตอยู่ที่สิงคโปร์

หน่วยทหารของอามินได้ประกาศว่า รัฐบาลของโอบอตคอรัปชั่น และช่วยเหลือบางพื้นที่มากกว่าพื้นที่อื่นในอูกันดา ต่อมาอามินก็ได้ประกาศว่า

ผมเป็นทหารไม่ใช่นักการเมือง รัฐบาลทหารจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงจนกว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมาถึง โดยการเลือกตั้งนั้นจะมีการประกาศเมื่อสถานการณ์กลับสู่ปกติ

อีดี้ อามิน

นอกจากนี้อามินยังสัญญาว่าจะปล่อยนักโทษการเมืองทุกคนอีกด้วย

หลังจากควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว อามินได้จัดการพิธีศพของกษัตริย์มูเตซาอย่างดี (พระองค์สวรรคตในปี ค.ศ.1969) นอกจากนี้เขายังปล่อยนักโทษทางการเมืองทุกคนตามที่สัญญาไว้ และยืนยันว่าจะนำประเทศกลับสู่แนวทางประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด

เพียงเท่านั้นคนอูกันดาก็เฮโลส่งเสียงเชียร์อามินกันยกใหญ่ หากแต่ว่าหลังจากนั้นไม่ถึงเดือน หางของอามินก็โผล่ออกมา!

อามินได้แต่งตั้งตนเองเป็นประธานาธิบดีแห่งอูกันดา และผู้บัญชาการทหารสูงสุด อามินประกาศว่าเขาจะยกเลิกรัฐธรรมนูญของอูกันดาบางส่วน และจัดตั้งองค์กรทหารขึ้นมาปกครองประเทศ โดยมีเหล่าผู้นำเหล่าทัพเป็นสมาชิก ขณะที่ตัวอามินเองเป็นหัวหน้าองค์กรดังกล่าว

หลังจากนั้นอามินสั่งการให้กฎทหารอยู่เหนือกฎหมายพลเรือน และนำเหล่าทหารมากมายเข้ามาร่วมรัฐบาลและองค์กรอิสระ นอกจากนี้อามินยังจัดตั้งหน่วยงานขึ้นเพื่อทำหน้าที่กำจัดศัตรูทางการเมืองของเขา หรือเรียกว่า State Research Bureau (SRB)

ในปีแรกที่อามินขึ้นครองอำนาจนั้น เขาได้สั่งให้หน่วย SRB ปราบปรามศัตรูทางการเมืองของเขาอย่างเด็ดขาด ทหารที่แข็งข้อถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหด เช่นการให้รถถังทับ หลังจากนั้นอามินให้นำศพของพวกเขาไปทิ้งที่แม่น้ำไนล์ เมื่ออามินระแวงใคร เขาก็จะสั่งให้พวกไปสังหารให้สิ้น

อามินและพรรคพวกใช้ชีวิตอย่างหรูหรายิ่งกว่าผู้ใด เขาถลุงเงินของอูกันดาจนแทบจะหมดสิ้นไปกับการฉ้อโกง เขาซื้อสิ่งของมีค่ามากมายมาจากทั่วโลกเพื่อปรนเปรอความสุขของตนเองและภรรยา อามินมีภรรยาหลายคน และมีลูกจำนวนมากถึง 43 คน

อีดี้ อามินกลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนทั้งโลก

ถลุงประเทศให้ยับ

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1972 เศรษฐกิจอูกันดาเริ่มเสื่อมถอยลงจากการถลุงของอามิน เขาจึงเริ่มมาตรการที่ส่งผลมากต่อแทบทุกคนในประเทศอูกันดา นั่นคือ เขามีคำสั่งให้ “ชาวเอเชีย” ทั้งหมดออกจากประเทศ

“ชาวเอเชีย” ในที่นี้ส่วนมากแล้วเป็นชาวอินเดียที่อพยพมาอยู่อูกันดาตั้งแต่สมัยที่เป็นอาณานิคม พวกเขาอยู่อูกันดามานานหลายสิบปี พวกเขาได้รับสัญชาติเป็นคนอูกันดาแล้วด้วยซ้ำไป

ถึงกระนั้นอามินก็ไม่สนใจ เขาสั่งให้เนรเทศ “ชาวเอเชีย” ทั้งหมดให้ออกไปจากอูกันดาในเวลา 90 วัน พร้อมถึงยึดทรัพย์สิน บ้าน และธุรกิจทั้งหมดของชาวเอเชียเหล่านี้ ข้ออ้างของอามินก็คือ เขาต้องการจะนำอูกันดากลับคืนมาให้ชาวอูกันดาที่แท้จริง

สาเหตุของการขับไล่ “ชาวเอเชีย” นี้ นักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่าอามินไม่พอใจ “ชาวเอเชีย” จากการที่พวกเขามีฐานะร่ำรวย และไม่มีความเป็นอูกันดาเลย แต่ส่วนมากพุ่งเป้าไปว่าอามินต้องการนำทรัพย์สินของชาวเอเชียมาเป็นของตนเองต่างหาก เพราะในตอนนั้นถลุงเงินประเทศจวนจะหมดแล้ว

ประเด็นหลังดูเหมือนจะจริง เพราะในเวลาต่อมากองทัพอูกันดาได้มาครอบครองทรัพย์สินของชาวเอเชียที่ทิ้งไปแทบทั้งหมด

ผลกระทบทางเศรษฐกิจของการขับไล่ชาวเอเชียมีมหาศาล เพราะเมื่อชาวเอเชียออกไป เหล่าทหารอูกันดาก็เข้ามาบริหารภาคธุรกิจเอง ซึ่งเกือบทั้งหมดไม่มีประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาก่อนเลย เศรษฐกิจของอูกันดาที่ย่ำแย่อยู่แล้วจึงย่ำแย่ลงไปอีก ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดกิจการไป

นอกจากนี้เงินสกุลต่างประเทศของอูกันดาที่ได้มาจากการส่งออกกลับถูกอามินและกองทัพนำไปใช้ซื้ออาวุธและของฟุ่มเฟือยทั้งหมด มีอยู่วันหนึ่งเครื่องบินของอามินถูกพบว่า มีวิสกี้สก็อต นาฬิกาโรเลกซ์ทองคำ และสินค้าฟุ่มเฟือยอีกจำนวนมหาศาลอยู่ในนั้น

สิ่งของเหล่านี้น อามินใช้เงินคงคลังซื้อสิ่งของเหล่านี้มาแจกให้เหล่านายทหารในกองทัพเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้พวกเขาก่อกบฎล้มล้างตัวอามินเอง

ยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้น อามินยังปล่อยปละละเลยให้เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยพลการ ในเวลาแปดปี อูกันดาเสียช้างไปถึง 75% แรด 98% สิงโตและเสือดาว 80% ความเสียหายต่อระบบนิเวศของอูกันดาสูงอย่างหาที่เปรียบมิได้

เมื่ออยู่ในอำนาจนาน อามินก็ยิ่งระแวง เขาสั่งให้สังหารผู้ที่เขาระแวงคนแล้วคนเล่า นอกจากนี้เขายังเกลียดชังศาสนาคริสต์ เขามีคำสั่งให้ลอบสังหารผู้นำศาสนาชาวคริสเตียนอย่างลับๆ ในการปกครองแปดปีของอามินว่ากันว่ามีชาวอูกันดา 100,000-500,000 คนเสียชีวิตจากความบ้าเลือดของเขา

หน้าแตก

ในปี ค.ศ.1976 ผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ได้ทำการจี้เครื่องบินสายการบินแอร์ฟรานซ์ที่กำลังบินจากเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลไปยังปารีส อามินอนุญาตให้ผู้ก่อการร้ายนำเครื่องบินมาลงได้ที่สนามบินเอนเทบเบ้ (Entebbe Airport)

อามินและเหล่าผู้ก่อการร้ายปล่อยตัวผู้โดยสารคนอื่นที่ไม่ใช่ชาวอิสราเอลไปทั้งหมด แต่ชาวอิสราเอลจำนวน 83 คน ลูกเรือและผู้โดยสารที่ปฏิเสธที่จะทิ้งชาวอิสราเอลไปอีก 20 คน อามินและผู้ก่อการร้ายได้ควบคุมตัวไว้

คืนวันที่ 3 กรกฎาคม กองทัพอิสราเอลได้เข้าช่วยเหลือตัวประกันที่อามินจับไว้ได้สำเร็จ โดยมมีตัวประกันตายไปเพียง 3 คน ทหารอิสราเอลตาย 1 คน ส่วนผู้ก่อการร้ายปาเลสไตน์ 7 คนตายหมด เช่นเดียวกับทหารอูกันดาอีก 45 คน

การช่วยเหลือของกองทัพอิสราเอลทำให้อามินหน้าแตกและโกรธแค้นมาก เขาจึงทำการสังหารตัวประกันชาวยิวสัญชาติอังกฤษเพื่อระบายอารมณ์ ทั้งนี้ตัวประกันผู้นี้เป็นหญิงชราที่บังเอิญเจ็บป่วยก่อนการช่วยเหลือตัวประกันเล็กน้อย ทำให้เธอไม่ได้ไปกับกองทัพอิสราเอล

การสังหารตัวประกันชาวอังกฤษ ทำให้อังกฤษตัดความสัมพันธ์กับอูกันดาทันที นั่นทำให้อามินยิ่งบ้าคลั่งเข้าไปใหญ่ เขาประกาศว่าตนเองเป็นผู้พิชิตจักรวรรดิอังกฤษ กษัตริย์อย่างไม่เป็นทางการของสกอตแลนด์

จุดจบ

ในปลายปี ค.ศ.1978 อามินเริ่มเกรงกลัวการลุกฮือขึ้นต่อต้านของประชาชน เขาจึงหาตัดสินใจเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนไปที่อื่นด้วยการรุกรานแทนซาเนีย ประเทศที่อยู่ติดกัน โดยลิเบียของกัดดาฟีได้ส่งกำลังมาช่วยเหลือ 3,000 คน

ประธานาธิบดี Nyerere ของแทนซาเนียไม่เล่นปาหี่กับอามิน เขาเกณฑ์กำลังทหารและผลักดันกองทัพอูกันดาออกไปจากแทนซาเนียทันที กองทัพอูกันดาแทบไม่มีใครต่อต้านกองทัพแทนซาเนียเลย

เหล่าทหารลิเบียที่ถูกส่งมาช่วยอามินต่างตกตะลึงที่เหล่าทหารอูกันดานั้นปล่อยทหารลิเบียต่อสู้กับทหารแทนซาเนีย ในขณะที่พวกเขาใช้รถบรรทุกขนสิ่งของที่ปล้นชิงมาได้กลับอูกันดาไป

กองทัพอูกันดาที่คอรัปชั่นและเก่งกับคนในประเทศมาเป็นเวลานานจึงไม่อาจเปรียบกับกองทัพแทนซาเนียได้ กองทัพแทนซาเนียบุกลึกเข้าไปในอูกันดา และยึดเมืองหลวงคัมพาลาได้ในวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 1979

อามินเห็นอำนาจของตนสิ้นไปรีบวิ่งแจ้นขึ้นเครื่องบินหนีออกจากอูกันดาไปลิเบีย ในเวลาต่อมา อามินใช้ชีวิตอยู่ในซาอุดิอาระเบียจนสิ้นชีวิตในปี ค.ศ. 2003 เป็นอันจบตำนานเผด็จการอันป่าเถื่อน ตลบแตลงแห่งอูกันดาในที่สุด

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!