คลีโอพัตราเป็นราชินีอียิปต์ที่มีชื่อเสียงที่สุดตลอดกาล เรื่องราวของพระนางและชู้รักถูกวิพากษ์วิจารณ์และนำมาเป็นส่วนหนึ่งของศิลปะตะวันตกมานับครั้งไม่ถ้วน ภาพยนตร์เกี่ยวกับประวัติของพระนางยังมีมากมายชนิดที่เรียกว่าดูไม่หมด
ทำไมคลีโอพัตราถึงเป็นที่สนใจมาทุกยุคทุกสมัย ถึงแม้พระนางจะล่วงลับไปแล้วกว่าสองพันปีก็ตาม? ถ้าให้ผมตอบ ผมคงตอบแค่ว่ามันดราม่าและมันสนุก ชีวิตของเธอเกี่ยวข้องกับชายมากหน้าหลายตา หลายคนเป็นถึงผู้มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักร แต่กลับต้องยอมสยบเมื่อได้พบกับเธอ
อย่าเสียเวลาอีกเลยครับ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
อียิปต์ของคลีโอพัตรา
ราชินีแห่งอียิปต์ที่ชื่อคลีโอพัตราจริงๆ แล้วมีหลายพระองค์ แต่องค์ที่กล่าวถึงนี้คือ คลีโอพัตราที่ 7 แห่งราชวงศ์โตเลมี (Ptolemaic Dynasty) ผู้มีชีวิตอยู่ระหว่าง 69 ปีก่อนคริสตกาล ถึง 30 ปีก่อนคริสตกาล
ราชวงศ์โตเลมีนี้ไม่ใช่ราชวงศ์อียิปต์แท้ๆ แต่เป็นราชวงศ์ที่มีเชื้อสายกรีก กษัตริย์หรือฟาโรห์องค์แรกของราชวงศ์นี้คือ โตเลมี (Ptolemy) ขุนศึกคู่พระทัยของอเล็กซานเดอร์มหาราช หลังจากที่อเล็กซานเดอร์สวรรคตที่บาบิโลน โตเลมีได้ชิงพระศพอเล็กซานเดอร์และนำมายังอียิปต์ หลังจากนั้นก็ราชาภิเษกตนเองขึ้นเป็นฟาโรห์ปกครองอียิปต์
หลังจากโตเลมีสิ้นชีวิต บุตรหลานของเขาก็ได้ครองราชย์สืบต่อกันมาสองร้อยกว่าปี จนกระทั่งถึงยุคของคลีโอพัตรา ดังนั้นอย่าได้แปลกใจที่รูปปั้นคลีโอพัตราละม้ายคล้ายชาวตะวันตก นั่นก็เพราะพระนางทรงมีเชื้อสายตะวันตกแท้ๆ เลยนั่นเอง
คลีโอพัตราเกิดมาในช่วงที่ราชวงศ์โตเลมีทีปกครองอียิปต์เสื่อมอำนาจ ในขณะที่โรมกำลังเรืองอำนาจเป็นจักรวรรดิครอบคลุมทั้งอิตาลี สเปน กรีซ กอล (ฝรั่งเศส) แอฟริกาตะวันตก และส่วนหนึ่งของเอเชียไมเนอร์ อิทธิพลของโรมจึงแผ่เข้ามาในอาณาจักรอียิปต์ด้วยเช่นกัน
ชีวิตในฐานะราชธิดา
คลีโอพัตราเป็นธิดาของฟาโรห์โตเลมีที่ 12 และพระราชินีคลีโอพัตราที่ 6 คลีโอพัตราเป็นบุตรสาวคนกลางของครอบครัว เธอมีพี่สาวหนึ่งคน น้องสาวอีกหนึ่งคน และน้องชายอีกสองคน แต่ไม่ปรากฏว่าเธอมีมารดาคนเดียวกับเหล่าน้องๆ หรือไม่
ตั้งแต่เด็ก คลีโอพัตราได้ศึกษาศาสตร์ต่างๆ เช่น ปรัชญาต่างๆ จากอาจารย์ชั้นยอด เธอมักจะไปร่ำเรียนที่ห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย อันเป็นแหล่งรวมภูมิปัญญาของโลกในยุคนั้น ทำให้คลีโอพัตรามีความรู้ความสามารถไม่ด้อยกว่าชายทั่วไป
60 ปีก่อนคริสตกาล โรมเริ่มแสดงออกว่าต้องการผนวกอียิปต์เข้าเป็นส่วนอื่นของอาณาจักร โรมได้ทำการผนวกดินแดนไซปรัสเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของตน ทำให้โตเลมีแห่งไซปรัส น้องชายของโตเลมีที่ 12 บิดาของเธอฆ่าตัวตาย แต่ทว่าโตเลมีที่ 12 กลับทรงไม่แสดงท่าทีอะไรกับการตายของน้องชายตนเอง เหล่าประชาชนจึงไม่พอใจอย่างยิ่ง
ต่อมาโตเลมีที่ 12 กลับมอบดินแดนส่วนหนึ่งให้กับโรมอีกเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงคราม ท่าที่อ่อนน้อมต่อโรมทำให้พลเมืองอียิปต์โกรธแค้นจนทนไม่ไหว สุดท้ายพวกเขาจึงรวมตัวกันขับไล่โตเลมีที่ 12 ออกไป พระองค์จึงต้องเสด็จไปประทับที่ดินแดนหลายต่อหลายแห่ง จนสุดท้ายก็มาลงเอยที่โรม เมืองหลวงของอาณาจักรโรมัน
ระหว่างที่บิดาของเธออพยพมาอยู่ที่โรม คลีโอพัตราก็เดินทางมากับเขาด้วย ขณะนั้นคลีโอพัตรามีอายุได้เพียง 11 ขวบเท่านั้น
พบกับอนาคตคู่รัก
โตเลมีที่ 12 พยายามชักจูงให้สภาซีเนตแห่งโรมสนับสนุนให้พระองค์กลับคืนบัลลังก์อียิปต์ ซึ่งในขณะนั้นอยู่ในกำมือของ เบเรนีสที่ 4 (Berenice IV) บุตรสาวแท้ๆ ของพระองค์เอง (พี่สาวของคลีโอพัตรา) แต่พระองค์ไม่ประสบความสำเร็จ
แต่ทว่าในโรมมีผู้สนับสนุนโตเลมีที่ 12 อยู่ไม่น้อย หนึ่งในผู้สนับสนุนคนสำคัญคือ พอมพีย์ผู้ยิ่งใหญ่ (Pompey the Great) ผู้ที่ต่อมาคือศัตรูของซีซาร์ พอมพีย์ได้ทำการเจรจาให้ผู้ว่าราชการซีเรียของโรมนำกองทัพไปตีอียิปต์เพื่อสถาปนาโตเลมีที่ 12 เป็นฟาโรห์ตามเดิม กองทัพโรมันจึงบุกอียิปต์ในปี 55 ก่อนคริสตกาล โตเลมีและคลีโอพัตราก็ได้ติดตามกองทัพโรมันมาด้วย ขณะนั้นคลีโอพัตราอายุได้ 14 ปี
ระหว่างที่กองทัพโรมันกำลังบุกอียิปต์นั้น ได้มีนายทหารม้าคนหนึ่งที่แสดงฝีมือและคุณธรรมออกมาอย่างโดดเด่น เขาผู้นั้นคือมาร์คัส อันโตเนียส หรือ มาร์ค แอนโทนี เขาได้ห้ามโตเลมีที่ 12 ไม่ให้สังหารหมู่ชาวเมืองแห่งหนึ่ง และยังห้ามไม่ให้เขาทำลายศพของ Archelaos สามีของเบเรนีสที่ 4 ที่สิ้นชีวิตลงกลางสมรภูมิ
ในช่วงนี้ไม่ต้องสงสัยว่าในช่วงนี้แอนโทนีได้รู้จักกับคลีโอพัตรา ธิดาองค์รองของโตเลมีที่ 12 ด้วย แอนโทนีตกหลุมรักเธอทันที ถึงแม้เธอจะมีอายุอ่อนกว่าเขาถึง 14 ปีก็ตาม
ต่อสู้กับน้องชาย
กองทัพโรมันตีอียิปต์ได้อย่างง่ายดาย โตเลมีที่ 12 จึงกลับมานั่งบัลลังก์ฟาโรห์อีกครั้งหนึ่ง พระองค์สั่งให้กวาดล้างศัตรูทางการเมืองอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะเบเรนีสที่ 4 ลูกสาวคนโตที่โปรดให้ตัดหัว นอกจากนี้ยังปล่อยให้ทหารโรมันก่อกวนประชาชนเมืองอเล็กซานเดรียโดยไม่แยแสด้วย (อาจจะเป็นเพราะโกรธแค้นที่โดนไล่ออกไป)
หลังจากนั้นเหมือนว่าโตเลมีที่ 12 จะทราบว่าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นาน พระองค์จึงร่างพินัยกรรมให้คลีโอพัตราและโตเลมีที่ 13 เป็นรัชทายาทคู่ที่จะขึ้นปกครองอียิปต์ต่อไปหลังจากพระองค์สวรรคตไปแล้ว
โตเลมีที่ 12 สวรรคตใน 51 ปีก่อนคริสตกาล ทำให้คลีโอพัตราขึ้นครองบัลลังก์ร่วมกับน้องชาย (บ้างว่าทั้งสองแต่งงานกันด้วย)
หลังจากนั้น คลีโอพัตราต้องเผชิญสิ่งต่อไปนี้
- ภัยแล้งอย่างหนักเพราะว่าปริมาณน้ำที่น้อยกว่าปกติในแม่น้ำไนล์
- พวกทหารโรมันที่ก่อความวุ่นวายในอียิปต์
- หนี้ของโตเลมีที่ 12 ที่ติดค้างพวกสภาซีเนตแห่งโรมอยู่อีก 17.5 ล้านดรัคมา (น่าจะหนี้ที่ส่งกองทัพมาช่วยชิงบัลลังก์คืน)
แต่เท่านั้นไม่พอ ความสัมพันธ์ของเธอและโตเลมีที่ 13 น้องชายของเธอ (หรือสามี) เลวร้ายอย่างรวดเร็ว บ้างว่าคลีโอพัตราปฏิเสธไม่ให้โตเลมีที่ 13 มาปกครองอียิปต์ร่วมกับตน และแสดงออกว่าต้องการปกครองอียิปต์แต่เพียงผู้เดียว เช่น คลีโอพัตราได้สั่งให้ไม่ต้องเขียนชื่อของโตเลมีที่ 13 ในเอกสารทางราชการเป็นต้น
ฝ่ายโตเลมีที่ 13 เห็นคลีโอพัตราเป็นเช่นนี้ พระองค์เองจึงต้องการปกครองอียิปต์แต่เพียงผู้เดียวเช่นกัน เหล่าขุนนาง เสนาบดี และแม่ทัพในอียิปต์จึงแตกแยกเป็นสองฝ่ายอย่างเปิดเผย และเตรียมที่จะเข้าต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งฟาโรห์ให้กับเจ้านายของตน สถานการณ์ในอียิปต์ตึงเครียดมากขึ้นตามลำดับ
เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไปกันแน่ ติดตามได้ในตอนหน้าครับ