ประวัติศาสตร์คาลิกูล่า (Caligula) จักรพรรดิโรมัน (3): จอมปีศาจ

คาลิกูล่า (Caligula) จักรพรรดิโรมัน (3): จอมปีศาจ

ในตอนที่แล้ว คาลิกูล่า (Caligula) ได้มโนว่าตนเองเป็นเทพเจ้า เขามีอาการประสาทหลอนเหมือนกับคนเป็นโรคจิตอย่างชัดเจน

ภายในเวลาไม่นาน อาการของเขาก็เริ่มเป็นมากขึ้นอีก

มาดูกันครับว่าคาลิกูล่าจะมีอาการอะไรต่อ (อ่านตอนที่ 1 ได้ที่นี่)

คาลิกูล่า

รังเกียจเชื้อสายของตนเอง

ซูโทนิอุส นักประวัติศาสตร์โรมันเล่าว่า คาลิกูล่าเริ่มแสดงท่าทีเกลียดชังและรังเกียจเชื้อสายของตนเอง เริ่มแรกคาลิกูล่ารู้สึกไม่พอใจเวลาที่มีใครกล่าวว่า เขาเป็นหลานตาของอคริปปา (Agrippa) จอมพลเรือคนสำคัญของโรม เพราะว่าอคริปปามีชาติกำเนิดมาจากชนชั้นล่าง

ต่อมาคาลิกูล่าก็รังเกียจเชื้อสายฝ่ายแม่ของตนเองทั้งหมด คาลิกูล่าไม่ชื่นชอบที่มารดาสืบเชื้อสายมาจากจูลิอุส ซีซาร์ และออกัสตุส เขาจะโมโหโกรธาอย่างรุนแรงทุกครั้งที่มีผู้ออกนามว่าคาลิกูล่าสืบเชื้อสายมาจากบุคคลทั้งสอง

เป็นเรื่องแปลกดี เพราะทั้งซีซาร์และออกัสตุสยิ่งใหญ่มาก และเป็นผู้ที่ชาวโรมันทั้งหมดรักและเคารพ คาลิกูล่ากลับมารังเกียจที่ตนเองสืบเชื้อสายมาจากทั้งสองเสียอย่างนั้น

คาลิกูล่าก็ไปไกลถึงมีคำสั่งให้ยกเลิกการเฉลิมฉลองชัยชนะของออกัสตุสที่อัคติอุมและซิซิลี เพราะว่าชัยชนะเหล่านั้นนำมาซึ่งหายนะของชาวโรมัน นอกจากนี้เขายังเหยียดหยามลิเวีย ภรรยาของออกัสตุสว่ามีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย และเป็นเหมือนกับ “ยูลิสซีสใส่กระโปรง

นานวันเข้า อาการรังเกียจบรรพบุรุษของคาลิกูล่าก็หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้เริ่มลามไปถีงฝ่ายบิดาด้วย เขาปฏิบัติต่อแอนโทเนีย ย่าของเขาอย่างหยาบคาย เมื่อเธอสิ้นชีวิต คาลิกูล่าเอาโต๊ะอาหารไปตั้งไว้กลางงานศพเธอ เพื่อกินเลี้ยงระหว่างที่มีพิธีเผาศพเธออยู่

น้องสาว

ซูโทนิอุสได้เล่าในบันทึกของเขาว่า คาลิกูล่าได้แย่งดรูซิลา (Drusilla) น้องสาวแท้ๆ ของตัวเองมาจากสามีของเธอ และให้มาอยู่กับเขาในฐานะภรรยา เมื่อเธอจากไปในปี ค.ศ.38 คาลิกูล่าได้สั่งให้ไม่มีประชาชนผู้ใดหัวเราะ อาบน้ำ หรือรับประทานอาหารร่วมกันระหว่างที่มีพิธีศพของเธอ ตัวเขาเองก็เสียใจอย่างมากถึงขนาดที่รีบเดินทางมายังงานศพเธออย่างรวดเร็ว โดยไม่โกนหนวดเคราหรือตัดผมใดๆ เลย หลังจากที่เธอตายไปแล้ว เมื่อคาลิกูล่าจะกล่าวปฏิญาณอะไร เขาจะกล่าวมันต่อหน้ารูปปั้นของดรูซิลาเสมอ

ดรูซิลา

แต่กับน้องสาวอีกสองคน คาลิกูล่าไม่ได้ใจดีขนาดนั้น เขาประณามพวกเธอว่าเป็นพวกคบชู้ และต่อมาก็เนรเทศเธอออกไปจากเมืองหลวง

พฤติกรรมทางเพศ

เดิมทีคาลิกูล่าได้แต่งงานกับสตรีนางหนึ่ง แต่เธอตายเสียก่อนตอนที่ให้กำเนิดบุตร หลังจากนั้นมาคาลิกูล่าก็เริ่มสำส่อนทางเพศ เขาเดินทางไปงานแต่งงานแห่งหนึ่ง และเห็นว่าเจ้าสาวสวยงาม เขาจึงให้คนนำตัวเจ้าสาวกลับไปที่บ้านในฐานะภรรยาของเขา แต่เพียงสองปีเท่านั้น เขาก็เบื่อเธอ และไล่เธอออกไปจากบ้าน

ต่อมาคาลิกูล่าสั่งให้นำภรรยาของกงสุลโรมันผู้หนึ่งมาเป็นภรรยาของตน แต่อยู่ได้ไม่นานเขาก็เบื่อ เขาสั่งให้เธอไปหลับนอนกับชายคนอื่น และก็ทิ้งเธอไปอีก

สุดท้ายคาลิกูล่ากลับไปพบรักกับผู้หญิงคนอื่นชื่อ ซีซอนเนีย สาววัยกลางคนที่ไม่ได้สวยเลย ซีซอนเนียเองยังมีลูกสาวติดมาถึงสามคน เธอเป็นคนฟุ่มเฟือย และสำส่อนทางเพศอย่างมาก

ปรากฏว่าคาลิกูล่ากลับรักเธอด้วยใจจริง คาลิกูล่าได้แต่งงานและมีลูกสาวกับซีซอนเนียคนหนึ่ง แต่เขาก็ยังให้เธอเดินเปลือยกายออกมาโชว์ตัวต่อหน้าเพื่อนของเขาอยู่ดี

ด้วยความประหลาดเหล่านี้ ปวงชนโรมันจึงเริ่มซุบซิบนินทาจักรพรรดิของพวกเขามากขึ้นทุกวัน ทัศนคติของพวกเขาต่อคาลิกูล่าเริ่มจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

เริ่มโหด

หลังจากนั้นคาลิกูล่าก็เริ่มบ้าคลั่ง เขาเริ่มสั่งให้สังหารผู้คนราวกับเป็นผักปลา

เหยื่อรายแรกของเขาคือ ทิเบียริอุส เจอร์เมลลุส (Tiberius Gemellus) ผู้ที่ทิเบียริอุส จักรพรรดิองค์ก่อนตั้งให้เป็นรัชทายาทร่วมกับคาลิกูล่านั่นเอง คาลิกูล่ากล่าวหาว่าเจอร์เมลลุสดูถูกตนเอง จากการที่คาลิกูล่าได้กลิ่นยาแก้พิษออกมาจากลมหายใจของเจอร์เมลลุส

เจอร์เมลลุสจึงถูกลากไปประหารชีวิตทั้งๆ ที่ไม่มีความผิดใดๆ เลย จริงๆ แล้วกลิ่นที่ว่าคือกลิ่นของยาที่เจอร์เมลลุสใช้เพื่อรักษาอาการไอเรื้อรังเท่านั้นเอง

คนต่อมาที่ต้องรับความซวยก็คือ มาร์คัส ซิลานุส (Marcus Silanus) บิดาของภรรยาคนแรกของคาลิกูล่า เขากล่าวหาว่าซิลานุสไม่ยอมติดตามเขาออกทะเลไปในช่วงที่มีพายุกระหน่ำ เพราะว่าจงใจอยู่บนฝั่งเพื่อแย่งชิงอำนาจจากคาลิกูล่า

คาลิกูล่าจึงสั่งให้ซิลานุสฆ่าตัวตายโดยที่ไม่มีความผิดใดๆ เลย ซิลานุสแค่เป็นคนที่กลัวทะเลมาก เขาเลยไม่กล้าขึ้นเรือไปด้วยเท่านั้นเอง

รายต่อไปที่โดนคาลิกูล่าจัดการก็คือ มาโครและภรรยาของเขาที่ช่วยให้คาลิกูล่าได้บัลลังก์ เขาบีบบังคับให้ทั้งสองฆ่าตัวตายเสียโดยปราศจากความผิดอีกเช่นเดียวกัน

คนที่เกือบจะโดนไปด้วยก็คือ คลาวดิอุส (Claudius) อาของเขา แต่ที่คลาวดิอุสรอดชีวิตก็เพราะว่า คาลิกูล่าต้องการจะเก็บเขาไว้หยอกล้อเป็นตัวตลกเท่านั้น

นอกจากรายชื่อเหล่านี้แล้ว ถ้าคาลิกูล่าเกลียดชังใคร เขาจะสั่งให้คนของเขานำตัวไปสังหารทันที โดยไม่ต้องมีการไต่สวนคดีความอะไรทั้งสิ้น สองสามวันต่อมาหลังจากที่เหยื่อเสียชีวิต คาลิกูล่าจะให้ประกาศออกไปว่าพวกเขาฆ่าตัวตาย

ดังนั้นในเวลาไม่นาน จักรวรรดิโรมันจึงอยู่ภายใต้ความกลัวไปทุกหนทุกแห่ง

กดขี่ข่มเหง

หลังจากที่กลายเป็น “จอมปีศาจไกอุส” แล้ว คาลิกูล่าไม่เคยให้ความเคารพสภาเซเนตเลย เขามักนั่งรถม้าและให้เหล่าสมาชิกสภาเซเนต (ซึ่งส่วนมากมีอายุแล้ว) วิ่งตามรถม้าของเขาเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร เมื่อสภาเซเนตลืมที่จะประกาศเรื่องวันเกิดของเขา เขาเนรเทศพวกกงสุลออกไปทันที

ความบ้าคลั่งของคาลิกูล่าเริ่มลามมาถึงเหล่าประชาชนทั่วไป มีอยู่วันหนึ่งเหล่าประชาชนแย่งกันเข้าไปในสนามกีฬาตอนกลางดึกเพื่อแย่งชิงที่นั่งฟรี ปรากฏว่าคาลิกูล่ากลับโมโหมาก เขาสั่งให้คนของเขาไล่ประชาชนออกไปด้วยการใช้ตะบอง และทหารม้าจำนวนหนึ่ง ผลสุดท้ายคือประชาชนจำนวนมากเหยียบกันตาย โดยเฉพาะสตรีมีครรภ์และคนชรา

ระหว่างที่มีการต่อสู้แกลิเอเตอร์ในสนาม คาลิกูล่ามักจะสั่งให้นำที่บังแดดออกไปในช่วงที่ร้อนสุดของวัน และไม่อนุญาตให้ใครออกจากบริเวณดังกล่าวไปได้ หรือบางทีก็สั่งให้ยกเลิกการต่อสู้แบบปกติ แล้วให้เอาคนพิการหรือคนแก่มาต่อสู้กับสัตว์แทนบ้าง ทำให้ปวงชนโรมันต่างไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

ในวันว่างๆ ไม่มีอะไรทำ คาลิกูล่าจะสั่งให้ปิดยุ้งฉางโดยไม่มีสาเหตุ ประชาชนโรมันจำนวนมากจึงหิวโหยทั่วทั้งเมือง

นานวันเข้า พฤติกรรมกดขี่ประชาชนก็เริ่มลามปามมากขึ้นเรื่อยๆ คาลิกูล่าได้สะสมสัตว์ป่าไว้จำนวนมากสำหรับการแสดงโชว์อะไรสักอย่างของเขา แต่เขาคิดว่าเนื้อสัตว์ที่ต้องนำมาเป็นอาหารให้สัตว์ป่าเหล่านี้มีราคาแพงเหลือเกิน คาลิกูล่าจึงสั่งให้นำนักโทษมาเป็นอาหารแก่สัตว์เหล่านี้แทน

ความไม่พอใจของประชาชนทำให้มีผู้วิพากษ์วิจารณ์คาลิกูล่ามากขึ้นเรื่อยๆ คาลิกูล่ารู้สึกไม่พอใจมาก เขาสั่งให้จับกุมคนที่วิพากษ์วิจารณ์เขาเข้าคุก เขาสั่งให้คนเหล่านี้ฆ่ากันเองให้เขาดูบ้าง โยนไปเป็นอาหารสัตว์บ้าง หรือไม่ก็เอาไปซ่อมถนนจนตาย บางคนซวยหน่อยเลยโดนประหารชีวิตด้วยการผ่าครึ่ง

คาลิกูล่า Cr: Wolfgang Sauber

เวลาที่มีการประหารชีวิต คาลิกูล่าจะสั่งให้พ่อแม่ของนักโทษมาชมการประหารชีวิตด้วย ถ้าใครอ้างว่าป่วย คาลิกูล่าจะให้เอาขยะไปโปรยปรายที่หน้าบ้านของพวกเขา เมื่อพ่อแม่ของนักโทษเหล่านั้นมา คาลิกูล่าจะพยายามเล่นมุกตลกให้พวกเขาหัวเราะ ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังมองดูลูกของตัวเองถูกฆ่าตาย

เมื่อเวลาผ่านไป วิธีการลงโทษประหารชีวิตก็โหดเหี้ยมมากขึ้นเรื่อยๆ สุดจะพรรณนา คาลิกูล่าเองก็ระแวงไปหมด เขาสั่งให้นำนักโทษที่ถูกเนรเทศจำนวนมากไปสังหาร เพราะว่ามีนักโทษคนหนึ่งเคยบอกคาลิกูล่าว่า พวกเขาภาวนาให้ทิเบียริอุส (จักรพรรดิคนก่อน) รีบตาย พวกเขาจะได้กลับบ้าน คาลิกูล่าจึงคิดไปว่าพวกนักโทษคงจะภาวนาให้ตัวคาลิคูล่ารีบตายเช่นเดียวกัน เขาออกคำสั่งให้สังหารเหล่านักโทษเหล่านี้ทั่วทั้งจักรวรรดิทันที

การชมดูนักโทษประหารชีวิตกลายเป็นกิจกรรมยามว่างของคาลิกูล่า เขามักจะสังสรรค์ไปและดูการประหารชีวิตไป มีอยู่วันหนึ่งเขาสั่งให้ทำลายสะพานเพื่อดูคนจมน้ำตายเล่นๆ

ไม่ว่าจะเป็นประชาชนทั่วไปหรือสมาชิกสภาเซเนตก็ไม่อาจจะหลบพ้นความบ้าคลั่งของคาลิกูล่าได้ เขายังนำสตรีที่มีสามีแล้วจำนวนมากมาปรนนิบัติตนเอง ตามมาด้วยการวิพากษ์วิจารณ์เรือนร่างของพวกเธอต่อหน้าสาธารณชน

ด้วยพฤติกรรมเหล่านี้ ภายในเวลาเพียงปีเศษ คาลิกูล่าก็กลายเป็นจักรพรรดิผู้ที่ประชาชนโรมันเกลียดชังทั่วทั้งจักรวรรดิ ในตอนหน้าเราจะมาดูกันครับว่า เขาจะมีจุดจบอย่างไร

Sources:

  • Suetonius, The Twelve Caesars
  • Cassius Dio, Roman History
  • Tacitus, Annals

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!