ประวัติศาสตร์คอมโมดัส: จักรพรรดิโรมันผู้วิปริต

คอมโมดัส: จักรพรรดิโรมันผู้วิปริต

จักรวรรดิโรมันครองอำนาจอยู่ในยุโรปนานหลายร้อยปี มีจักรพรรดิปกครองหลายสิบพระองค์ บางพระองค์เฉลียวฉลาดสามารถ เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ เป็นนักปกครองที่มีสติปัญญา ประชาชนโรมันก็ได้มาซึ่งความสุข อย่างเช่น ทราจัน (Trajan)

ส่วนบางพระองค์ป่าเถื่อน มีพฤติกรรมวิตถาร สร้างความพินาศไปทุกหนแห่ง ท้องพระคลังหมดสิ้นเงินทอง เกิดสงครามกลางเมือง ให้ประชาชนเดือดร้อน กรณีหลังนี้มีก็ไม่น้อย

มีอยู่หลายครั้งที่ จักรพรรดิดีกับจักรพรรดิไม่ดีครองราชย์ติดกัน ทำให้ปวงชนโรมันเหมือนถูกผลักตกจากสวรรค์มาลงนรกทันที เมื่อจักรพรรดิองค์ใหม่ครองราชย์ ปวงชนโรมันก็เหมือนเสี่ยงดวงว่าจักรพรรดิคนใหม่จะออกมาดีหรือไม่ดี แต่ในช่วงศตวรรษที่ 2 ชาวโรมันได้จักรพรรดิที่ดีติดๆ กันถึงห้าพระองค์ แน่นอนว่าชาวโรมันบางคนคิดว่าองค์ที่ 6 ก็น่าจะดี

แต่หายนะย่อมมาถึงในเวลาที่ทุกคนไม่คาดคิดเสมอ

กำเนิดคอมโมดัส

มาร์คัส อัลเรเลียส (Marcus Aurelius) ทรงเป็นจักรพรรดิโรมันที่มีความสามารถ พระองค์เป็นนักปราชญ์ การปกครองในอาณาจักรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กองทัพโรมันเองก็มีชัยเหนืออาณาจักรปาร์เทีย (Parthian Empire) และพวกชนเผ่าเยอรมันได้อย่างราบคาบ

ด้วยเหตุนี้นักประวัติศาสตร์จึงนับว่าพระองค์เป็นหนึ่งใน “ห้าจักรพรรดิผู้ดีงาม” (Five Good Emperors) ซึ่งประกอบด้วย เนอร์วา (Nerva), ทราจัน (Trajan), เฮเดรียน (Hadrian), อันโตไนอัส ไพอัส (Antoninus Pius), และ มาร์คัส อัลเรเลียส (Marcus Aurelius)

จักรพรรดิทั้งห้าพระองค์นี้ครองราชย์สืบต่อกันมา ยุคแห่งห้าจักรพรรดิผู้ดีงามจึงเป็นยุคทองของจักรวรรดิโรมัน แต่ทว่าในปี ค.ศ 161 มาร์คัส อัลเรเลียส จักรพรรดิผู้ดีงามพระองค์สุดท้ายทรงมีพระโอรสพระองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นโอรสองค์ที่สิบ จากทั้งหมดสิบหกคน โอรสองค์นี้เป็นผู้เดียวที่มีชีวิตยืนยาวจนเป็นผู้ใหญ่ โอรสองค์อื่นสิ้นชีวิตตั้งแต่วัยเด็กทั้งหมด

ด้วยเหตุนี้เองมาร์คัส อัลเรเลียสจึงรักโอรสองค์นี้มาก ชื่อของโอรสองค์นี้คือ คอมโมดัส (Commodus) พระโอรสองค์นี้ได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นั่นก็เพราะมาร์คัส อัลเรเลียสหวังว่าจะมอบตำแหน่งจักรพรรดิโรมันให้กับเขาในอนาคต

คอมโมดัสในวัยเยาว์ Cr: Naughtynimitz

การที่พระบิดาจะมอบราชสมบัติให้กับโอรสเป็นเรื่องปกติในระบบกษัตริย์ทั่วไป แต่ไม่ใช่สำหรับธรรมเนียมโรมันในเวลานั้น ชาวโรมันเคยได้บทเรียนมาแล้วจากราชวงศ์จูลิโอ-คลาวเดียน ถึงแม้ออกัสตัส ผู้ก่อตั้งราชวงศ์จะเป็นจักรพรรดิที่ดี แต่ไม่ได้แปลว่า เนโร (Nero) จักรพรรดิหลังๆในราชวงศ์จะเป็นจักรพรรดิที่ดีด้วย ชาวโรมันต้องทนกับเนโรอยู่นานหลายปีจนกว่าจะขับไล่ออกไปได้สำเร็จ

ดังนั้นจักรพรรดิสี่พระองค์ก่อนมาร์คัส อัลเรเลียสในกลุ่มห้าจักรพรรดิผู้ดีงามจึงเลือกผู้ที่มีความสามารถมาเป็นโอรสบุญธรรม และภายหลังก็มอบตำแหน่งจักรพรรดิให้

การปกครองอาณาจักรโรมันจึงมีประสิทธิภาพเนื่องจากถูกปกครองโดยผู้มีความสามารถอยู่ตลอด ตัวมาร์คัส อัลเรเลียสเองก็ทรงเป็นผู้ที่จักรพรรดิองค์ก่อนอย่าง อันโตไนอัส ไพอัส ทรงรับมาเป็นบุตรบุญธรรมมาก่อนด้วยซ้ำไป

หากแต่ว่ามาร์คัส อัลเรเลียสไม่สนใจจะทำเช่นนั้น เมื่อคอมโมดัสอายุได้ 5 ขวบ พระองค์ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นซีซาร์ (Caesar) ซึ่งใกล้เคียงกับตำแหน่ง Crown Prince หรือรัชทายาท

ตำแหน่งซีซาร์นี้นำมาจากชื่อของจูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) หลังจากการเสียชีวิตของเขา ชื่อของซีซาร์ได้กลายมาเป็นชื่อตำแหน่งของจักรพรรดิโรมัน ต่อมาได้เกิดมีการวิวัฒนาการทางภาษา ทำให้ซีซาร์กลายเป็นชื่อตำแหน่งสำหรับรัชทายาทของอาณาจักรโรมัน

เมื่อคอมโมดัสเติบโตขึ้น เขาเริ่มที่จะแสดงออกว่า เขาไม่ชื่นชอบการศึกษาเล่าเรียนเอาเสียเลย โดยเฉพาะด้านการปกครอง สิ่งที่เขาชื่นชอบของการต่อสู้ โดยเฉพาะการต่อสู้ในสนามอย่างพวกแกลดดิเอเตอร์ (Gladiator)

ความแตกต่างสุดขั้วระหว่างเขาและพระบิดาทำให้ผู้คนจำนวนมากซุบซิบกันว่า แท้จริงแล้วคอมโมดัสเป็นลูกชู้ที่เป็นนักสู้แกลดดิเอเตอร์หรือไม่ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร

มาร์คัส อัลเรเลียสผิดหวังในตัวโอรสอยู่บ้าง แต่พระองค์ก็ไม่เคยดำริที่จะเปลี่ยนตำแหน่งรัชทายาทแต่อย่างใด พระองค์ทรงแต่งตั้งให้คอมโมดัสเป็นกงสุล (Consul) ซึ่งเป็นตำแหน่งใหญ่ในรัฐสภาโรมัน

เวลานั้นคอมโมดัสอายุได้เพียง 15 ปี ทำให้เขาเป็นกงสุลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ อีกไม่นานพระองค์ก็แต่งตั้งให้คอมโมดัสเป็นจักรพรรดิโรมันอย่างสมบูรณ์ควบคู่กับพระองค์ โดยพระองค์จะว่าราชการร่วมกับคอมโมดัส

การแต่งตั้งของมาร์คัส อัลเรเลียสแสดงให้เห็นว่าพระองค์ไม่เคยคิดเปลี่ยนพระทัย ความรักในโอรสองค์นี้น่าจะเอาชนะความเป็นปราชญ์ของพระองค์ มาร์คัส อัลเรเลียสมีหรือจะไม่รู้ว่า โอรสองค์นี้ไม่เหมาะจะเป็นจักรพรรดิ บทเรียนในประวัติศาสตร์เอง พระองค์ก็ย่อมรู้ดีที่สุด

มาร์คัส อัลเลเรียส Cr: Eric Gaba

ขึ้นเป็นจักรพรรดิ

ในปี ค.ศ 180 มาร์คัส อัลเรเลียสสวรรคต คอมโมดุสในวัย 19 ปี จึงเป็นจักรพรรดิโรมันอย่างเป็นทางการ การครองราชย์ของคอมโมดุสเรียกได้ว่ามีความ “แปลก” ในเชิงประวัติศาสตร์โรมันอยู่หลายประการ ดังต่อไปนี้

1. เป็นหนึ่งในสองจักรพรรดิโรมันที่ครองราชย์สืบต่อจากพระบิดาแท้ๆ ของพระองค์ (อีกพระองค์คือติตุส)

2. พระองค์เป็นจักรพรรดิโรมันพระองค์แรกที่ “เกิดมาในสีม่วง” (Born in the purple) หรือหมายความว่าตั้งแต่เกิดมาพระองค์ก็เป็นเชื้อพระวงศ์แล้ว องค์อื่นบางคนเกิดมา บิดาก็ยังเป็นทหารธรรมดาบ้าง หรือบางคนก็ถูกรับมาเลี้ยงทีหลัง หรือบางคนก็เป็นญาติห่างๆ ที่ยังไม่เข้าข่ายจะเป็นเชื้อพระวงศ์

เมื่อคอมโมดัสได้เป็นจักรพรรดิแล้ว พระองค์ก็ไม่เอาใจใส่ว่าราชการแผ่นดินแต่อย่างใด สิ่งที่พระองค์ทำก็คือ การใช้อำนาจของจักรพรรดิในการปรนเปรอความต้องการอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์เอง ส่วนหน้าที่ว่าราชการแผ่นดิน พระองค์ก็โยนให้ผู้อื่นไปทำเสีย

เรื่องนี้คอมโมดัสจะไม่ยุ่ง ประมาณนั้น

แล้ววันๆ คอมโมดัสทำอะไร?

กิจวัตรประจำวันของคอมโมดัสคือ การเข้าต่อสู้ในสนามกีฬาของพวกแกลดดิเอเตอร์ พระองค์ทรงเข้าต่อสู้กับนักสู้คนอื่นบ้าง สัตว์ร้ายบ้าง เช่นเดียวกับพวกนักสู้คนอื่นทั่วไป

การที่คอมโมดัสการชอบต่อสู้ ทำให้พระองค์ทรงมีไอดอลคือ เฮอร์คิวลิส (Hercules, Heracles) วีรบุรุษในตำนานกรีก-โรมัน ผู้เป็นพระโอรสของจูปิเตอร์ หรือ ซุส (Jupiter, Zeus)

นานวันไปพระองค์เริ่มคิดว่าพระองค์ทรงเป็นเฮอร์คิวลีสจริงๆ ในภายหลังทรงมีรับสั่งให้ปั้นอนุสาวรีย์ของพระองค์สวมชุดถือตะบองเหมือนกับเฮอร์คิวลิส ทั่วอาณาจักรโรมัน

รูปปั้นคอมโมดัส ที่ทำให้ดูเหมือนพระองค์เป็นเฮอร์คิวลีส

แต่ทว่าคอมโมดัสไม่ได้เก่งกาจสักเสี้ยวเดียวของเฮอร์คิวลีส เพราะในสนามการต่อสู้ บรรดานักสู้แกลดดิเอเตอร์ที่ต่อสู้กับพระองค์ต่างอ่อนข้อให้พระองค์ทั้งสิ้น เพื่อที่จะมีชีวิตรอด ถ้าพวกเขาชนะพระองค์เท่ากับตายสถานเดียว ที่น่าขำคือคอมโมดัสเองก็ฆ่าพวกเขาไม่ได้เช่นกัน เพราะฝีมือที่แท้จริงมันคนละชั้น

การต่อสู้ของคอมโมดัสจึงเหมือนกับการปาหี่ เพราะคู่ต่อสู้ของพระองค์เอาแต่หนีและหลบหลีกคมอาวุธของพระองค์อย่างเดียว การไม่ได้สังหารใครเลยทำให้พระองค์ทรงหงุดหงิด ฉุนเฉียว ตามประสาของคนอยากเก่ง แต่ไม่เก่ง

ความวิปริตของคอมโมดัส

ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงเปลี่ยนด้วยการมีรับสั่งให้ นำพวกทหารหรือราษฎรที่เจ็บป่วยและพิการมาต่อสู้กับพระองค์ในสนามการต่อสู้เพื่อให้พระองค์ทรงสังหารเล่น เพื่อให้ดูเหมือนว่าทรงได้รับชัยชนะในการต่อสู้ หรือในบางครั้งพระองค์ก็จะต่อสู้กับสิงโต ฮิปโป ช้าง ยีราฟ ที่อ่อนแอเพื่อแสดงความเก่งกล้าปลอมๆ ของพระองค์

ที่วิปริตที่สุดคือ คอมโมดัสมักจะสั่งให้มัดเหล่าราษฎรรวมกัน แล้วนำมาที่สนามต่อสู้ เพื่อให้พระองค์ใช้ตะบองทุบจนตายทุกคน เหมือนกับว่าพวกเขาเป็น “ยักษ์” ให้พระองค์ทรงเอาชนะได้

ชาวโรมันรู้สึกรังเกียจคอมโมดัสมากที่มาเปลือยร่างในสนามแกลิเอเตอร์ต่อสู้ฆ่าฟันผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะกลัวพวกทหารองครักษ์ (Praetorian Guard) พวกเขาได้แต่อดทนสาปแช่งคอมโมดัสไป

นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายสำหรับไลฟ์สไตล์ของพระองค์ไม่ได้มาจากที่ใด แต่มาจากประชาชนโรมันตาดำๆนั่นเอง ทุกครั้งที่พระองค์ลงสนามใหญ่ที่กรุงโรม พระองค์จะนำเงินหนึ่งล้านเหรียญออกจากท้องพระคลังมาใช้จ่าย เช่นค่านำสัตว์จากแอฟริกามาฆ่าในอารีนาเพื่อความสุขบ้าๆ บอๆ ของพระองค์

อีกหนึ่งกิจกรรมที่คอมโมดัสชื่นชอบคือการยิงธนูและปาหอกใส่สัตว์ เช่นนกกระจอกเทศที่กำลังวิ่งอยู่ หลังจากนั้นพระองค์ก็จะนำอาวุธที่เปี้อนเลือดเหล่านั้นไปอวดพวกสมาชิกสภาซีเนตที่นั่งดูพระองค์อยู่

พวกสมาชิกสภาซีเนตไม่ได้เกรงกลัวอันใด ทุกคนมองว่าคอมโมดัสปัญญาอ่อน พวกเขาต้องการจะหัวเราะออกมาแต่ไม่มีใครกล้า พวกเขาจึงเคี้ยวใบสมุนไพรเพื่อที่จะไม่ต้องหัวเราะออกมา

นอกเหนือจากนี้ คอมโมดัสยังใช้อำนาจจักรพรรดิโดยพลการ พระองค์จะสังหารทุกคนที่ทำให้พระองค์ไม่พอพระทัย พระองค์ยังทำการลดค่าเงินโรมัน ทำให้เศรษฐกิจโรมันย่ำแย่ลงอีกด้วย ในเวลาต่อมาก็สถาปนาพระองค์เองเป็นเสมือนเทพเจ้าพระองค์หนึ่ง

ความบ้าคลั่งและพฤติกรรมวิปริตวิตถาร ตลอดจนการทำลายเศรษฐกิจของอาณาจักร ทำให้พวกสมาชิกสภาซีเนต เหล่านายทหาร ไม่พอใจอย่างมาก พวกเขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะกำจัดเสนียดจัญไรของอาณาจักรไปเสียที

จุดจบ

ในปี ค.ศ.192 คอมโมดัสประกาศว่าพระองค์จะเฉลิมฉลองวันปีใหม่ในอารีนาในฐานะนักรบแกลดดิเอเตอร์ สิ่งนี้ทำให้ชาวโรมันทุกชนชั้นไม่พอใจมาก เพราะในวันปีใหม่ จักรพรรดิผู้เปรียบเหมือนเทพเจ้าของเขากลับลดพระองค์มาเปลือยกายในสนามอารีนาของพวกนักรบระดับล่างเช่นนี้

เลตุส ผู้ดำรงตำแหน่ง Prefect แห่งสภาซีเนตได้คบคิดกับสมาชิกสภาคนอื่นอีกจำนวนหนึ่ง รวมไปถึงมาเซีย ภรรยาน้อยของคอมโมดัสจะสังหารคอมโมดัส

แผนการแรกของพวกเขาคือ การให้มาเซียวางยาคอมโมดัสในอาหาร ทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปตามแผนเมื่อคอมโมดุสเสวยอาหารที่มียาพิษเข้าไป แต่พระองค์กลับอาเจียนอาหารดังกล่าวออกมา ทำให้พระองค์รอดชีวิตไปได้

พวกผู้ก่อการจึงลอบไปสั่งให้นาร์ซิสซัส ผู้ซ้อมมวยปล้ำของคอมโมดัสเป็นผู้ลงมือ นาร์ซิสซัสลอบบุกเข้าไปรัดคอคอมโมดัสระหว่างที่พระองค์กำลังอาบน้ำอยู่ คอมโมดุสจึงสวรรคตในวันสุดท้ายของปีนั้นนั่นเอง พระองค์ทรงมีพระชนอายุได้ 31 พรรษา

รัชกาลของคอมโมดัสนำมาซึ่งจุดเริ่มต้นของความเสื่อมแห่งอาณาจักรโรมัน ทุกวันนี้ชื่อของพระองค์อยู่คู่กับ คาลิคูล่า (Caligula), Nero (เนโร), Elagabalus (เอลากาบาลุส) ในฐานะจักรพรรดิโรมันที่เลวร้ายที่สุดตลอดกาล

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!