“ไอศกรีม” มีความเป็นมาอย่างไร? ใครเป็นผู้ให้กำเนิดมัน?

ไอศกรีม (Ice-cream) เป็นของหวานที่เป็นที่นิยมในทั่วทุกมุมโลก และเป็นที่ชื่นชอบของทุกเพศทุกวัย ในปัจจุบันเราจึงหาของหวานชนิดนี้กินได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ปัจจุบันไอศกรีมน่าจะเป็นของหวานที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง

ไอศกรีมมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มนุษย์ชื่นชอบกินขนมหวานที่ทำมาจากน้ำแข็งมานานแล้ว ไอศกรีมจึงปรากฎทั่วทุกมุมโลกมาตั้งแต่โบราณกาล

ประวัติย่อของไอศกรีม

เชื่อกันว่าอารยธรรมแรกที่ไอศกรีมเกิดขึ้นน่าจะเป็นอารยธรรมเปอร์เซีย ไอศกรีมเปอร์เซียทำมาจากน้ำแข็งที่ทำจากน้ำเชื่อมกุหลาบและแป้ง ไอศกรีมดังกล่าวเป็นจะเส้นเย็นๆ มีหลายรสชาติ (เช่นรสผลไม้ต่างๆเป็นต้น) และกินคู่กับท้อปปิ้งต่างๆมากมาย

ชนชั้นสูงเปอร์เซียจะกินไอศกรีมในฤดูร้อนเพื่อคลายร้อน ไอศกรีมโบราณนี้น่าจะคล้ายคลึงกับ ขนมหวานอิหร่านที่เรียกว่า ฟาลูเด (Faloodeh) ในปัจจุบัน

ค่านิยมการกินไอศกรีมก็ได้แพร่หลายไปยังอารยธรรมกรีก และ โรมัน มีบันทึกไว้ว่า พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชโปรดที่จะเสวยน้ำแข็งที่ทำจากนมกับน้ำผึ้ง ส่วนจักรพรรดิเนโรแห่งโรมันก็โปรดให้นำหิมะและน้ำแข็งมาเสวยกับผลไม้เช่นเดียวกัน ในยุคโรมัน ไอศกรีมเป็นขนมหวานที่มีราคาแพงมาก เพราะการทำยากมากนั่นเอง

ในประเทศจีน มีบันทึกไว้ว่าชาวจีนนั้นกินน้ำแข็งผสมกับนมมาตั้งแต่ 200 ปีก่อนคริสตกาล พวกเขาจะผสมน้ำเชื่อมเข้าไปทำให้รสชาตินั้นอร่อยยิ่งขึ้น

หลังจากนั้นประวัติของไอศกรีมก็เหมือนว่าจะหายไป แต่มันก็น่าจะยังเป็นที่นิยมอยู่ ในยุคเรเนซองส์ เมืองต่างๆ ของอิตาลีเป็นศูนย์กลางการค้าขาย พ่อครัวชาวอิตาเลียนจึงมาสูตรไอศกรีมมากมายที่มาจากต่างแดน เช่น เปอร์เซียและจีนเป็นต้น

ในปี ค.ศ.1533 พระนางแคทเทอรีน เดอ เมดิซี ได้แต่งงานกับพระเจ้าอองรีที่ 2 แห่งฝรั่งเศส พระนางได้นำพ่อครัวอิตาเลียนที่เชี่ยวชาญในการทำไอศกรีมไปหลายคน ทำให้ไอศกรีมแพร่หลายไปมากยิ่งขึ้น กษัตริย์หลายพระองค์ในยุคดังกล่าวก็ชื่นชอบอย่างมาก

ไอศกรีมในยุคใหม่

การกินไอศกรีมพัฒนาขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป สูตรต่างๆ ก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ มีการค้นพบสูตรไอศกรีมแรกเป็นภาษาฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1671 ส่วนในอังกฤษนั้นกว่าจะมีสูตรแรกก็ปาเข้าไปในศตวรรษที่ 18 แล้ว

เมื่อชาวอังกฤษและฝรั่งเศสได้ทำการยึดครองดินแดนต่างๆ เช่นในทวีปอเมริกา พวกเขาก็ได้นำพ่อครัวไอศกรีมไปด้วย ทำให้ไอศกรีมเป็นที่แพร่หลายในที่เหล่านั้นเช่นเดียวกัน ไอศกรีมเป็นที่นิยมมากในเมืองนิวยอร์ก ประธานาธิบดีจอร์จ วอชิงตัน และทอมัส เจฟเฟอร์สันต่างชื่นชอบในรสชาติของมัน

หลังจากมีการปฏิวัติอุตสาหกรรม ราคาของไอศกรีมก็ถูกลง เพราะมีเครื่องมือที่สามารถทำไอศกรีมได้ง่ายขึ้นออกมา ไอศกรีมจึงเป็นที่นิยมของคนทั่วไป และไม่ใช่ของสำหรับชนชั้นสูงอีกต่อไป

ในปลายศตวรรษที่ 19 สตรีชาวอังกฤษชื่อ Agnes Marshall คือผู้ที่ทำให้ไอศกรีมเป็นที่นิยมมาก เพราะเธอสามารถคิดค้นเครื่องทำไอศกรีมขึ้นมาได้ และยังคิดค้นสูตรไอศกรีมรสชาติอร่อยต่างๆ มากมาย

ด้วยความที่ไอศกรีมเป็นที่นิยมมากในโลกตะวันตกทำให้มีผู้คิดค้นการกินไอศกรีมรูปแบบใหม่ขึ้นมา เช่น ไอศกรีมโซดา หรือ โฟลต (กินไอศกรีมกับน้ำอัดลม) ในปี ค.ศ 1874 หรือ ไอศกรีมซันเดย์ ในช่วงปลายศควรรษที่ 19

โคนไอศกรีมถูกพูดถึงครั้งแรกในสูตรไอศกรีมของ Agnes Marshall ตั้งแต่ในช่วงปี ค.ศ 1880 แต่กว่าการกินไอศกรีมกับโคนจะเป็นที่นิยมก็ลุล่วงไปถึงปี ค.ศ 1904 เมื่อมีการจัดงานเวิลด์แฟร์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ส่วนบานานาสปริท (Banana Split) หรือการกินไอศกรีมกับกล้วยก็เป็นการคิดค้นของเภสัชกรชาวอเมริกันที่หลงรักการกินไอศกรีมซันเดย์เป็นชีวิตจิตใจ นำไปสู่การคิดค้นสูตรใหม่ขึ้นมา

สำหรับไอศกรีมแบบนุ่ม (Soft Serve) หรือไอศกรีมที่เบากว่าไอศกรีมโดยทั่วไปถูกคิดค้นขึ้นในช่วงทศวรรษ 1930 โดยไอศกรีมชนิดนี้จะมีอากาศแทรกอยู่ภายใน ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตลดลง ผู้คนทั่วไปจึงเข้าถึงไอศกรีมได้มากขึ้นด้วย (สังเกตว่าไอศกรีมอย่างแมคโดนัลด์ หรือ เดรี่ควีนจะถูกกว่าสเวนเซ่นส์ หรือ Coldstone)

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อุปกรณ์แช่แข็งมีราคาถูกลงและเป็นที่นิยมใช้ทั่วไปในทุกๆ บ้าน ไอศกรีมจึงยิ่งเป็นที่นิยมมากขึ้นไปอีก เพราะทำง่ายขึ้น ในปัจจุบันทั่วโลกต่างมีสูตรไอศกรีมของตัวเอง แม้กระทั่งประเทศไทยก็ยังมี อย่างเช่น ไอศกรีมกะทิที่ขายตามรถเข็นทั่วไป

ว่าแล้วก็ไปหาไอศกรีมกินกันดีกว่าครับ