ประวัติศาสตร์รัสเซียปฏิวัติรัสเซียเยฟโน อาเซฟ: สายลับรัสเซียผู้เป็นงูเห่าของฝ่ายใดกันแน่?

เยฟโน อาเซฟ: สายลับรัสเซียผู้เป็นงูเห่าของฝ่ายใดกันแน่?

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 สงครามใต้ดินระหว่างตำรวจลับของรัฐบาลซาร์ (Okhrana) และพวกนักปฏิวัติกำลังเข้มข้น ต่างฝ่ายต่างพลิกแพลงยุทธวิธีเพื่อล้วงความลับของอีกฝ่ายหนึ่ง

สำหรับเหล่าตำรวจลับแล้ว ยุทธศาสตร์ที่ทำอยู่บ่อยครั้งคือ การสรรหาสายลับพิเศษเพื่อลงมือทำการปฏิบัติการจารชน อย่างบาทหลวงกาปอน ที่เป็นผู้นำผู้ชุมนุมในเหตุการณ์อาทิตย์เลือดก็เป็นหนึ่งในสายลับพิเศษของพวกตำรวจลับ

แต่มีอยู่อีกงานหนึ่งที่อันตรายยิ่งกว่าคือ การแฝงตัวเข้าไปในองค์กรของพวกนักปฏิวัติและนำข้อมูลออกมา โดยไม่เปิดเผยตัวตน งานนี้เสี่ยงมากเพราะถ้าโดนจับได้ อันตรายน่าจะถึงชีวิต

เยฟโน อาเซฟ (Yevno Azef) คือ สายลับผู้ลงมือทำเช่นนั้น และน่าจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดด้วย เพราะเขาเนียนมาก เนียนถึงขนาดไม่มีใครทราบว่าเขาทำงานให้ฝ่ายใดกันแน่

อาเซฟ

ชีวิตของอาเซฟ

อาเซฟเกิดในครอบครัวชาวยิวที่ยากจนมากในจักรวรรดิรัสเซีย เขาเกิดในปี ค.ศ.1869 ในวัยเด็กอาเซฟใช้ชีวิตอยู่อย่างลำบาก แต่อาเซฟก็ดั้นด้นจนเรียนจบโรงเรียนมัธยม เขาทำงานเป็นบรรณาธิการและเซลล์แมนหลังจากนั้น

ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่พวกนักปฏิวัติและตำรวจลับต่อสู้กันอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหลังจากที่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 สวรรคตเพราะการปลงพระชนม์ของนักปฏิวัติ ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 พระโอรสผู้ครองราชย์สืบมาได้มีคำสั่งให้ทำลายหนังสือที่เผยแพร่อุดมการณ์ปฏิวัติ รวมไปถึงไม่ให้ผู้ใดเผยแพร่หนังสือดังกล่าวด้วย และให้จับกุมพวกนักปฏิวัติทั้งหมด

แต่แล้ววันหนึ่งในปี ค.ศ.1892 อาเซฟจึงเป็นที่สงสัยของตำรวจว่า ตัวเขาได้เผยแพร่หนังสือต้องห้าม อาเซฟกลัวจะถูกจับ เขาจึงยักยอกเงิน 800 รูเบิล และหนีไปยังเยอรมนี

หลังจากนั้นอาเซฟได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า แต่ตัวเขาจะก่อเรื่องในไม่ช้า

งูเห่าตัวแรกออกโรง

อาเซฟได้เข้าร่วมกลุ่มนักปฏิวัติพวกนักศึกษารัสเซียที่เรียนอยู่ในเยอรมนี แต่ในปี ค.ศ.1893 เขากลับเขียนจดหมายไปถึงหน่วยงานตำรวจลับว่า เขายินดีจะเป็นสายลับให้กับตำรวจในการล้วงข้อมูลของพวกนักศึกษาด้วยกันเอง

นี่เป็นพฤติกรรมงูเห่าครั้งแรกของอาเซฟ

ต่อมาอาเซฟได้ไปเรียนที่สวิสเซอร์แลนด์ และได้ไปเข้าร่วมกลุ่มนักปฏิวัติของเหล่านักเรียนรัสเซียด้วย ในช่วงนี้อาเซฟก็ส่งข้อมูลมาให้ตำรวจลับอยู่เรื่อยๆ

อาเซฟทำหน้าที่ลักษณะนี้อยู่นานถึง 5 ปี จนเขาเรียนจบวิศวกรรมไฟฟ้าในปี ค.ศ.1899 เมื่อเขาเรียนจบ หน่วย Okhrana ได้สั่งให้เขากลับรัสเซียเพื่อไปเข้าร่วมกลุ่มนักปฏิวัติของอากูนอฟ (A.A Argunov)

อากูนอฟ

ปรากฏว่าอาเซฟเป็นคนฉลาดมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการแก้ปัญหา อาเซฟได้รับตำแหน่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในองค์กรของนักปฏิวัติ จนอาเซฟได้ตำแหน่งเป็นถึงมือขวาของอากูนอฟ โดยอากูนอฟไม่รู้เลยว่า อาเซฟผู้นี้คือเจ้าหน้าที่ของตำรวจลับ

จู่ๆ อาเซฟกลับเสนอให้อากูนอฟเปลี่ยนยุทธศาสตร์ไปใช้ความรุนแรง หรือ การก่อการร้าย เหมือนกับสมัยก่อน แต่อากูนอฟปฏิเสธ เพราะว่าเขาไม่เชื่อว่าการใช้ความรุนแรงจะช่วยอะไรได้

เป็นเรื่องแปลกดี แทนที่อาเซฟจะหาทางไม่ให้พวกนักปฏิวัติใช้ความรุนแรง เพราะว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจลับ ตัวเขากลับสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรงเสียเอง

ต่อมาอากูนอฟได้ส่งอาเซฟไปยังยุโรปเพื่อไปช่วยรวมกลุ่มนักปฏิวัติในยุโรปให้เป็นกลุ่มเดียว ทันทีที่อาเซฟก้าวขาออกจากรัสเซีย อากูนอฟก็โดนตำรวจจับทันที

แปลกมั้ยละครับ! ไม่ต้องสงสัยละว่า อาเซฟต้องมีส่วนอย่างแน่นอนในการจับกุมอากูนอฟ

งูเห่าตัวที่สอง

อาเซฟได้ร่วมก่อตั้งองค์กรนักปฏิวัติขึ้นมาในนามพวก SR ด้วยความที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ทำให้อาเซฟได้ตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าหน่วยต่อสู้ หน้าที่ของกลุ่มนี้คือใช้ความรุนแรงและก่อความวุ่นวาย

ในเวลาไม่นาน เกอร์ชูนี (Gershuni) หัวหน้าหน่วยของอาเซฟก็ถูกจับ เพราะว่าเขาถูกทรยศโดยสายลับสองหน้าที่แฝงตัวเข้ามาในองค์กรอีกคนหนึ่ง และอาจจะเพราะอาเซฟด้วย

ผลที่ตามมาคือ อาเซฟกลายเป็นหัวหน้าหน่วยต่อสู้ของพวก SR ทั้งๆที่ตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ของตำรวจลับ!

การที่เจ้าหน้าที่หน่วยตำรวจลับเป็นหัวหน้าของกลุ่มนักปฏิวัติ การใช้ความรุนแรงคงจะลดลงจริงหรือไม่?

คำตอบคือไม่จริง

อาเซฟกลับสั่งการให้พวกนักปฏิวัติใช้ความรุนแรง โดยพุ่งเป้าไปที่รัฐมนตรีและเชื้อพระวงศ์โรมานอฟคนสำคัญ ตัวอาเซฟเป็นผู้ลงมือวางแผนด้วยตัวเอง หนึ่งในผลงานของอาเซฟก็คือ การลอบสังหารแกรนด์ดยุคเซอร์เกย์

เป็นเรื่องน่าสงสัยว่าทำไมอาเซฟถึงสังหารพวกเดียวกันเอง ทฤษฎีหนึ่งว่า

อาเซฟเป็นงูเห่าซ้อนงูเห่า หรือ สายลับสามหน้า นั่นก็คือ เขาเป็นคนที่พวกตำรวจลับส่งมาหลอกนักปฏิวัติ แต่กลับหลอกพวกตำรวจลับอีกทีหนึ่ง จริงๆ แล้วเขาเป็นนักปฏิวัติที่หลอกตำรวจลับได้อย่างเนียนสุดยอด

หรือบ้างก็ว่า อาเซฟเป็นเจ้าหน้าทีตำรวจลับ แต่เขาต้องการให้พวกนักปฏิวัติไว้ใจ เขาเลยยินยอมแลกด้วยการสังหารบุคคลระดับสูงของรัฐบาลซาร์ ทำให้ไม่มีใครสงสัยเรื่องที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจลับ

หรือพวก Camarilla (กลุ่มลับของชนชั้นสูงรัสเซีย) ได้สั่งพวกตำรวจลับให้สั่งอาเซฟให้กำจัดเป้าหมายที่พวกตนไม่ชอบ การกำจัดจะได้เป็นไปอย่างแนบเนียน และสาวมาไม่ถึงตัวพวกตน

หรือ อาเซฟอาจจะไม่มีอะไรมาก เขากลับไปกลับมา แล้วแต่อารมณ์ หรือ “เงิน” ที่เขาได้จากการกระทำของเขา

ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าอาเซฟคิดอย่างไร

แต่ที่แน่ๆ อาเซฟส่งรายละเอียดของพวกนักปฏิวัติจำนวนมากให้ตำรวจลับ ทำให้นักปฏิวัติจำนวนมากถูกตำรวจลับจับกุม และประหารชีวิต

อย่างไรก็ตาม อาเซฟก็ยังสังหารเป้าหมายระดับสูงอยู่เรื่อยๆ ทำให้พวกตำรวจลับเองก็ไม่แน่ใจว่า อาเซฟจริงๆ แล้วอยู่ฝ่ายใครกันแน่ (วะ)

ความแตก

อาเซฟแฝงตัวในหมู่พวก SR ได้นานหลายปี จนกระทั่งในปี ค.ศ.1906 เขาถูกแฉโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจลับคนหนึ่งที่เปลี่ยนฝ่ายมาอยู่ฝั่งนักปฏิวัติ เขาถูกประจานในสภาของพวก SR ว่าจริงๆ แล้ว ผู้นำระดับสูงอย่างอาเซฟเป็นสายลับให้ตำรวจ

พวก SR จึงตามล่าอาเซฟกันอย่างยกใหญ่ แต่อาเซฟไหวตัวทัน เขาหลบหนีไปอาศัยอยู่ที่เยอรมนีด้วยเงินจำนวนมากที่ได้จากเป็นสายลับสองหน้า

ในบั้นปลาย อาเซฟเสียชีวิตในปี ค.ศ.1918 ในเยอรมนีด้วยโรคไตวาย

เรื่องของอาเซฟจึงเป็นปริศนามากๆ เรื่องหนึ่งในช่วงการปฏิวัติรัสเซีย มันไม่แน่ชัดว่าอาเซฟอยู่ฝั่งใดกันแน่ และมีจุดประสงค์อะไร บ้างว่าเขาต้องการสิ่งเดียวก็คือ “เงิน” แต่ก็ไม่มีใครพิสูจน์ได้อยู่ดี

จริงๆ ผมว่าเรื่องของอาเซฟนี่สร้างเป็นหนังได้สบายๆ เลยทีเดียว

มีหนังสือที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาเซฟ นั่นคือหนังสือเรื่อง Comrade Valentine แต่ผมยังไม่เคยอ่าน ถ้าได้อ่านแล้วจะมาเล่าให้ฟังครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!