ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่จี้วลู่ของเซี่ยงอวี่ทำให้สถานการณ์ในแผ่นดินจีนเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
กองพลทหารแคว้นต่างๆ ต่างยอมสวามิภักดิ์ต่อเซี่ยงอวี่ เพราะความน่าเกรงขามในสมรภูมิของเขา ทำให้เซี่ยงอวี่กลายเป็นผู้นำของพวกกบฏที่ต่อต้านราชวงศ์ฉินทั้งหมดเลยก็ว่าได้
เซี่ยงอวี่จึงมีกำลังหลายแสนคนอยู่ในมือ และเตรียมกำลังจะทำศึกชี้ขาดกับจางหานและกองทัพฉินที่เหลืออยู่
สำหรับจางหานแล้ว เขายังเหลือกองทัพฉินอยู่อีกประมาณ 200,000 นาย ซึ่งยังจัดว่าเป็นกองทัพใหญ่ที่สามารถทำสมรภูมิชี้ขาดได้อีกครั้งหนึ่ง แต่ปัญหาสำคัญในเวลานั้นคือ กองทัพของเขาขาดเสบียงอย่างหนักจากการตัดเสบียงของฝ่ายฉู่ และหัวเมืองต่างๆ ที่เคยส่งเสบียงให้ต่างยอมจำนนต่อกองทัพของเซี่ยงอวี่และหลิวปังไปหมดแล้ว
จางหานจึงรีบให้ม้าเร็วควบอย่างสุดกำลังไปยังเมืองเสียนหยาง เมืองหลวงของราชวงศ์ฉิน เพื่อขอกำลังสนับสนุนจากราชสำนักโดยเร็วที่สุด
จางหานยอมจำนน
ม้าเร็วของจางหานเดินทางมาถึงเมืองเสียนหยาง จ้าวเกา ขันทีกังฉินกลับปกปิดเรื่องดังกล่าวต่อฉินเอ้อร์สื่อหวงตี้ เพราะกลัวว่าจะได้รับโทษที่ละเลยเรื่องกบฏจนทำให้ฝ่ายกบฏเติบใหญ่ถึงเพียงนี้
เมื่อฉินเอ้อร์สื่อหวงตี้ถาม จ้าวเกาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ฉินเอ้อร์สื่อหวงตี้จึงใช้ชีวิตทรราชของเขาต่อไป
สถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆที่แนวหน้าทำให้จางหานเร่งส่งม้าเร็วคนแล้วคนเล่ามายังเสียนหยาง แต่กลับไม่ได้คำตอบใดๆ เลย จางหานจึงให้ซือหม่าซิน รองแม่ทัพของเขามาขอเสบียงจากเสียนหยางด้วยตนเอง
ซือหม่าซินประสบเหตุการณ์เหมือนกับม้าเร็วคนอื่นๆ นั่นคือเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบฮ่องเต้ ซือหม่าซินคิดว่าทุกอย่างแปลกมาก แต่ก็หาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไม
ดังนั้นซือหม่าซินจึงใช้เงินจำนวนมากติดสินบนคนสนิทของจ้าวเกา จนได้ความว่าจ้าวเกาคิดจะฆ่าจางหานเพื่อปิดปากเรื่องความพ่ายแพ้ คนสนิทของจ้าวเกาจึงเสนอให้ซือหม่าซินรีบหนีจากเสียนหยางไปโดยเร็ว
ซือหม่าซินควบม้าหนีจากเมืองเสียนหยางไปทันที เมื่อจ้าวเกาทราบเรื่อง เขารีบส่งมือสังหารติดตามไปด้วยหมายใจจะฆ่าซือหม่าซินปิดปาก แต่ซือหม่าซินรอดชีวิตกลับไปที่ค่ายของจางหานได้อย่างหวุดหวิด
จ้าวเกาเห็นซือหม่าซินหนีไปได้ เขาจึงทูลฉินเอ้อร์สื่อหวงตี้ว่า จางหานรบแพ้ทำทหารล้มตายมากมาย ขอให้ฉินเอ้อร์สื่อหวงตี้ถอดจางหานออกจากแม่ทัพ และแต่งตั้งคนใหม่เข้าทำหน้าที่แทน ฉินเอ้อร์สื่อหวงตี้ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองอยู่แล้วจึงอนุญาตให้ตามคำขอ
ต่อมาไม่กี่วัน จ้าวเกาสั่งให้จับกุมครอบครัวของจางหาน ซือหม่าซิน และต่งอี้ สามแม่ทัพที่อยู่ที่แนวหน้าไว้ทั้งหมด และส่งหลานของตนเองไปยังค่ายของจางหาน เพื่อคุมตัวทั้งสามกลับมาที่เสียนหยาง
ปรากฏว่าเมื่อหลานของจ้าวเกาไปถึงค่ายของจางหานแล้ว เขากลับถูกจับกุมตัวไว้แทนโดยจางหานและนายทหารคนอื่นๆ สถานการณ์ของฝ่ายฉินจึงปั่นป่วนอย่างหนัก เสบียงอาหารไม่ถูกส่งมา แต่แม่ทัพกำลังจะถูกราชสำนักจับประหารชีวิต
ไม่กี่วันต่อมา จางหานก็ได้ทราบว่ากองทัพฉู่ของเซี่ยงอวี่ที่กำลังฮึกเหิมกับชัยชนะยกทัพเข้ามาใกล้แล้ว สถานการณ์เช่นนี้ทำให้จางหานกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาจะรุกต่อไปก็ทำไม่ได้ จะถอยก็ทำไม่ได้ เขาหมดสิ้นทางเลือกใดๆ ในมือแล้ว
ต่งอี้ แม่ทัพคนหนึ่งจึงเสนอให้จางหานยอมจำนนต่อฝ่ายฉู่เสีย จางหานตอบว่า
เราได้สังหารเซี่ยงเหลียง อาของเซี่ยงอวี่ เขาคงจะมีความพยาบาทต่อเรา ไหนเลยจะไว้ชีวิตเราไว้ ถ้าท่านมีอุบายอะไร ขอให้ไปดูทีท่าเซี่ยงอวี่ที่ค่ายฉู่ก่อนเถิด
เมื่อต่งอี้เข้าไปถึงค่ายฉู่ และบอกว่าจางหานปรารถนาจะยอมจำนน แค่เซี่ยงอวี่ได้ยินชื่อจางหานเท่านั้นก็โกรธจัด ฟ่านเจิงที่นั่งอยู่ด้วยจึงขอให้ต่งอี้ออกไปกินเลี้ยงนอกกระโจมเสียก่อน
ฟ่านเจิงบอกเซี่ยงอวี่ว่า จางหานหมดสิ้นความสามารถจะรบกับฝ่ายฉู่อีกต่อไปแล้ว ถ้าเซี่ยงอวี่ยอมรับจางหานได้ กองกำลังฝ่ายฉินที่จะต่อต้านก็จะไม่มีอยู่อีกแล้ว ราชวงศ์ฉินได้แต่รอวันล่มสลายเท่านั้น นอกจากนี้เซี่ยงอวี่จะดูเป็นคนดีด้วย เพราะไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น จางหานเองก็จะซาบซึ้งในน้ำใจ หลังจากนี้เขาจะจงรักภักดีต่อเซี่ยงอวี่ตลอดไป
เซี่ยงอวี่ได้ฟังก็เห็นชอบด้วย เขาจึงบอกต่งอี้ว่า เขาไม่พยาบาทจางหานแล้ว ขอให้นำกำลังมายอมจำนนได้
ต่งอี้จึงกลับไปรายงานต่อจางหานที่ค่าย แต่จางหานยังกริ่งเกรงใจอยู่ เพราะเกรงว่าเซี่ยงอวี่จะหลอกไปฆ่า เขาจึงให้ต่งอี้กลับไปถามตามจริงว่า ฝ่ายฉู่มีกลอุบายหลอกลวงเขาหรือไม่
เซี่ยงอวี่ได้ฟังก็ปฏิเสธ เขากล่าวว่า เขาไม่มีความจำเป็นใดๆ จะต้องหลอกจางหาน เพราะถ้าเขาจะฆ่าจางหานเสียแล้ว เขาจะไม่ใช้กลลวงเลย หลังจากนั้นเซี่ยงอวี่จึงหักลูกเกาทัณฑ์เป็นสองท่อน และมอบให้ตั้งอี้ เพื่อกลับไปยืนยันถึงความจริงใจของเขาต่อจางหาน
จางหานเห็นเช่นนั้นจึงนำหลานของจ้าวเกามาประหารชีวิตเสีย และเดินทางไปยอมจำนนที่ค่ายฝ่ายฉู่ ทหารฉินที่อยู่ในบังคับบัญชาจางหานทั้งหมดจึงทิ้งอาวุธยอมจำนนต่อฝ่ายฉู่
เมื่อจ้าวเกาทราบว่าจางหานยอมจำนนต่อเซี่ยงอวี่แล้วจึงเพ็ดทูลให้ฉินเอ้อร์สื่อหวงตี้ประหารชีวิตครอบครัวของจางหานและพวกแม่ทัพเสียทั้งหมด
สังหารทหารฉินสองแสนคน
หลังจากรับทหารของจางหานเข้ามาแล้ว เซี่ยงอวี่ก็ให้เคลื่อนกองทัพทั้งหมดไปทางทิศตะวันตก เพื่อจะยกไปตีเมืองหลวงของราชวงศ์ฉินต่อไป เซี่ยงอวี่ทราบดีว่ากองทัพของหลิวปังนำหน้าตนไปไกลแล้ว เพราะตนเองเสียเวลากับจางหานและกองทัพฉินอยู่นานหลายเดือน กองทัพฉู่จึงเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง
ระหว่างที่อยู่ที่เมืองซินอัน เซี่ยงอวี่ก็ได้ทราบมาว่า ทหารฉินที่สวามิภักดิ์จำนวนมากคิดทรยศ ส่วนหนึ่งเพราะทหารเหล่านี้รับไม่ได้จากที่เคยเหยียดหยามทหารแคว้นอื่นๆในฐานะผู้ชนะ กลับกลายมาต้องโดนเหยียดหยามในฐานะผู้แพ้เสียเอง พวกทหารพูดกันว่า
จางหานยอมแพ้พวกฉู่อย่างไม่มีเหตุผล ทำให้พวกเราต้องติดร่างแหไปด้วย พวกเขาถูกหลอกให้มาเป็นทาสของแคว้นต่างๆ จะทำอย่างไรกันดี
เซี่ยงอวี่ได้ฟังก็ไม่พอใจยิ่งนัก เขาเกลียดชังทหารฉินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และกำลังกลัดกลุ้มกับเสบียงอาหารที่ขาดแคลนอยู่ด้วย ทหารฉินเหล่านี้ยังบังอาจคิดทรยศอีก
ดังนั้นเซี่ยงอวี่บอกเหล่าแม่ทัพนายกองว่า ถ้าระหว่างที่กองทัพฉู่เข้าตีเมืองต่างๆ ของราชวงศ์ฉิน ถ้าทหารฉินเหล่านี้คิดทรยศขึ้นมาเห็นทีจะไม่ได้การ เสบียงอาหารก็ไม่เพียงพอจะเลี้ยงดูทหารฉินเหล่านี้ด้วย ดังนั้นเขาเห็นควรที่จะสังหารทหารฉินเหล่านี้เสียทั้งหมด เพื่อตัดปัญหา
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เซี่ยงอวี่จึงสั่งให้ยิงปู้ไปเตรียมการที่จะสังหารทหารฉินในค่ำคืนต่อมา
แผนการของเซี่ยงอวี่คือ เขาจะให้ยิงปู้นำทหารไปล้อมค่ายทหารฉินจากสามด้าน และจงใจเปิดด้านหนึ่งเอาไว้ให้หลบหนี แต่ด้านที่ไม่มีทหารคือบริเวณหุบเหวสูงชัน เรียกได้ว่าหนีทางด้านนี้ก็ตายสถานเดียว
ตามแผนการทหารฉินจะถูกล้อมไว้หมดทั้งสี่ด้าน และไม่มีทางออกใดๆ ให้พวกเขาหนีไปได้
หลังจากเตรียมการเสร็จสิ้น ยิงปู้นำทหารฉู่บุกเข้าโจมตีค่ายทหารฉินที่สวามิภักดิ์ในเวลากลางคืน พวกทหารฉินต่างตื่นตระหนกเพราะถูกโจมตีอย่างไม่ทันระวัง และแต่ละนายก็ไม่มีอาวุธด้วย ทหารฉินจึงไม่สามารถต่อสู้ได้ ต่างคนพยายามหนีสุดชีวิตออกไปจากค่าย
แต่ไม่ว่าจะหนีไปด้านใด ทหารฉินพบว่าพวกเขาหนีไปไม่รอด ทหารฉู่โยนหินและระดมยิงเกาทัณฑ์เข้าใส่ทหารฉินที่หนีออกมาจนล้มตายทั้งหมด ส่วนทหารฉินที่หนีไปทางหุบเหวก็หมดทางหนี ต้องกระโดดลงไปสิ้นชีวิตที่ด้านล่างของเหวมากมาย
สำหรับเหล่าไพร่พลที่ได้รับบาดเจ็บแต่ยังไม่สิ้นชีวิต ทุกคนต่างถูกลำเลียงไปฝังทั้งเป็นจนหมดสิ้น
ภายในคืนเดียวของปี 207 BC ทหารสองแสนคนของแคว้นฉินมลายไปเป็นอากาศธาตุ ราวกับว่าเป็นการล้างแค้นที่ไป๋ฉีแห่งแคว้นฉินเคยฝังทหารจ้าวสี่แสนคนที่ฉางผิง
สำหรับจางหาน ซือหม่าซิน และต่งอี้นั้น เซี่ยงอวี่ไม่ได้สังหาร ทั้งสามจึงติดตามรับใช้เซี่ยงอวี่ต่อไป
การสังหารทหารฉินเช่นนี้ทำให้ชื่อเสียงของเซี่ยงอวี่อยู่คู่กับความกลัว เหล่าประชาชนทั่วทั้งแผ่นดินจีนต่างมองเซี่ยงอวี่ว่าเป็นผู้เหี้ยมโหดทารุณ ไร้ความเมตตา ทัศนคติของผู้คนที่มีต่อเซี่ยงอวี่เช่นนี้มีส่วนสำคัญยิ่งที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ต่อหลิวปังในเวลาต่อมา
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้า