ประวัติศาสตร์บูเช็คเทียน (3): ศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทที่ดุเดือดในรัชกาลถังไท่จง

บูเช็คเทียน (3): ศึกชิงตำแหน่งรัชทายาทที่ดุเดือดในรัชกาลถังไท่จง

ตอนที่ 1 อยู่ที่นี่

ในปี ค.ศ.645 ถังไท่จงยกทัพไปตีโกคูรยอ แต่ตีไม่สำเร็จ แถมยังมีอาการป่วยกลับมา ทำให้เรื่องรัชทายาทเป็นประเด็นที่ต้องพูดถึงอย่างจริงจัง ถังไท่จงเองก็ทราบในเรื่องนี้ดี ตัวถังไท่จงจึงใคร่ครวญเรื่องนี้อยู่อย่างเงียบๆ

จริงๆแล้วถังไท่จงได้ตั้งหลี่เฉิงเฉียน บุตรชายคนโตเป็นรัชทายาทอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงต้องมาใคร่ครวญกันอีก?

ถังไท่จงและข้าราชบริพาร

หลี่เฉิงเฉียน

จ่างซุนหวงโฮ่ว มเหสีที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วมีบุตรชายสามคนได้แก่ หลี่เฉิงเฉียน หลี่ไท่ และ หลี่จื้อ ต่างคนต่างมีความสามารถที่ต่างกันไป

ผมขอเล่าประวัติทั้งสามคนนี้ก่อนอย่างคร่าวๆ โดยเริ่มจากหลี่เฉิงเฉียนก่อน

หลี่เฉิงเฉียน (李承乾, Li Chengqian) เป็นพี่ชายคนโตสุด เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาทตั้งแต่อายุแปดขวบ แต่ได้เป็นรัชทายาทไม่ได้การันตีว่าจะได้เป็นจักรพรรดิหรือฮ่องเต้ ตำแหน่งนี้สามารถโดนถอดถอนได้ในทุกเวลาจากจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน และมอบตำแหน่งนี้ให้อีกคนได้ในบัดดล ถ้าอีกคนมีความสามารถมากกว่า หรือมีพฤติกรรมที่ดีกว่า

ไม่ต้องไปดูอื่นไกล ถังไท่จงเองก็ไม่ได้เป็นรัชทายาทมาตั้งแต่แรก แต่เป็นบุตรชายคนรอง ถังไท่จงสังหารหลี้เจี้ยนเฉิงผู้เป็นพี่ชายในเหตุการณ์ที่ประตูเสวียนหวู่ หลังจากนั้นจึงแย่งตำแหน่งรัชทายาทและขึ้นเป็นจักรพรรดิ

ในวัยเด็กหลี่เฉิงเฉียนรักการเรียนมาก เมื่อโตเป็นวัยรุ่นก็สนใจในการตัดสินคดีความ ถังไท่จงอนุญาตให้หลี่เฉิงเฉียนเข้าฟังการตัดสินคดีสำคัญๆอยู่เสมอ ต่อมาก็ให้หลี่เฉิงเฉียนช่วยบริหารบ้านเมืองอยู่บ่อยครั้ง

เมื่อถังเกาจู่สวรรคต ถังไท่จงเสียใจมาก หลี่เฉิงเฉียนจึงทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินแทนที่บิดา หลี่เฉิงเฉียนทำได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ถังไท่จงพอใจมาก ตำแหน่งรัชทายาทของหลี่เฉิงเฉียนเรียกได้ว่าหนักแน่นราวกับหินผา

แต่แล้วหลี่เฉิงเฉียนก็เริ่มออกลาย เมื่ออายุเข้าเลข 2

หลี่เฉิงเฉียนเริ่มนิยมการเข้าป่าล่าสัตว์ และหันไปเสพสุขด้วยการดื่มเหล้าเคล้านารีทุกวัน

นานวันเข้าหลี่เฉิงเฉียนก็ยิ่งตกต่ำ พวกที่ปรึกษา อาจารย์ และพี่เลี้ยงต่างทัดทานหลี่เฉิงเฉียนสุดกำลังแต่ก็ไร้ผล หลี่เฉิงเฉียนเสพติดสุรานารีจนไม่อยากทำอย่างอื่น

เมื่อถูกทัดทานมากขึ้น หลี่เฉิงเฉียนเกิดรำคาญขึ้นมาจึงสั่งโบยพี่เลี้ยงที่ดูแลตนเองมาจนเกือบถึงแก่ชีวิต ส่วนอีกคนหนึ่งถึงกับส่งนักฆ่าไปสังหาร แต่นักฆ่าสองคนเห็นพี่เลี้ยงคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์จึงฆ่าไปลง

นิสัยของหลี่เฉิงเฉียนพุ่งทะลุระดับสเกลความชั่วช้าไปอย่างไม่หยุด หลี่เฉิงเฉียนสั่งให้บรรดาข้าราชบริพารทำโน่นทำนี่โดยที่ไม่มีหยุดพัก ส่วนตนเองใช้เวลาไปกับการหาความสุข คนเหล่านี้จึงเดือดร้อนมากกับการกระทำของเขา

เมื่อหลี่เฉิงเฉียนกดขี่ข้าราชบริพารหมดทั้งวังของตนแล้ว หลี่เฉิงเฉียนจึงไปกดขี่ราษฎรที่ถังไท่จงห้ามนักห้ามหนาว่าห้ามทำโดยเด็ดขาด หลี่เฉิงเฉียนสร้างเตาและกระทะขนาดใหญ่ขึ้นในวัง แล้วจึงสั่งให้บริวารของตนไปลักวัวควายของช้าวบ้านมาทำอาหารในกระทะดังกล่าว เพื่อที่ตนเองจะได้นำมาเป็นกับแกล้ม

พฤติกรรมของเขาเริ่มร้ายแรงขึ้น จนจะเป็น คาลิกูล่า เมืองจีนอยู่แล้ว

มีอยู้วันหนึ่งหลี่เฉิงเฉียนเกิดคึกอย่างไรก็ไม่ทราบ เขาไปหัดเรียนภาษาของพวกทูเจี๋ย แต่งกายแบบพวกทูเจี๋ย และชื่นชอบในการพักในกระโจมแบบพวกทูเจี๋ย

พฤติกรรมเช่นนี้เป็นเรื่องเสื่อมเสียมาก เพราะว่าชาวจีนถือว่าพวกทูเจี๋ยอนารยชนและชอบปล้นสะดม ก่อความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากมาย แล้วรัชทายาทมาทำเช่นนี้ได้อย่างไร

เท่านี้ยังไม่พอ หลี่เฉิงเฉียนยังมีพฤติกรรมแบบรักร่วมเพศ เขาหลงใหลในตัวชายคนหนึ่งและตั้งชื่อให้ชายคนนั้นว่า “เชิ่งซิน” ที่แปลว่าตรงใจฉัน นอกจากนี้หลี่เฉิงเฉียนยังไปสนิทสนมพระลัทธิเต๋าสองรูปที่ชอบใช้เวทมนตร์คาถา

การไปยุ่งกับพวกใช้ชอบใช้เวทมนตร์คาถาเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้เลยในราชสำนัก แต่ไม่มีใครทราบว่าทำไมหลี่เฉิงเฉียนถึงเป็นเช่นนั้น

ความวิปริตของหลี่เฉิงเฉียนยังไม่จบ เขาเริ่มมีอาการของคนเป็นโรคจิตเวช หลี่เฉิงเฉียนกล่าวว่าถ้าตนเป็นฮ่องเต้แล้ว เขาจะแบ่งทหารหลวงออกเป็นสองฝ่ายแล้วเข้าต่อสู้กันเองให้ตายไปข้างหนึ่ง ใครอยากจะทัดทานก็จับตัดหัวเสียให้หมด ในเวลาไม่นานผู้ทัดทานจะหมดราชสำนักไปเอง

เข้าทำนอง “ข้าจะบ้าขนาดไหนก็เรื่องของข้า ข้าเป็นรัชทายาท พวกเจ้าจะกล้าทำอะไร”

เราไม่ทราบแน่ชัดเลยว่า เพราะเหตุใดเจ้าชายหนุ่มที่ฉลาดและมีอนาคตอย่างหลี่เฉิงเฉียนถึงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า บิดามารดาของหลี่เฉิงเฉียนก็เป็นคนฉลาดเฉลียวและมีพฤติกรรมดีงามเป็นตัวอย่างให้เห็นตั้งแต่เด็ก

เรื่องทั้งหมดอยู่ในสายตาถังไท่จงมาพักใหญ่ๆแล้ว ทำให้ถังไท่จงเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนรัชทายาทเป็นคนใหม่

คนที่เข้าข่ายคนต่อไปคือ หลี่ไท่

หลี่ไท่

พฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ของหลี่เฉิงเฉียนทำให้ถังไท่จงใคร่ครวญว่าจะเปลี่ยนรัชทายาทเป็นหลี่ไท่ ถังไท่จงแสดงออกด้วยการมอบสิ่งของรางวัลให้หลี่ไท่มากขึ้นทุกวัน และให้หลี่เฉิงเฉียนน้อยลงเรื่อยๆ แต่หลี่เฉิงเฉียนยังไม่รู้ตัวว่าบิดากำลังจะถอดตน เขาจึงยังคงเสพสุขต่อไป

หลี่ไท่ (李泰) เป็นบุตรชายของถังไท่จงที่เกิดกับจ่างซุนหวงโฮ่วเช่นเดียวกับหลี่เฉิงเฉียน เขาดำรงตำแหน่งเป็นเว่ยหวาง หลี่ไท่เป็นคนรูปงามหล่อเหลา เขาเอาจริงเอาจังในการศึกษาเล่าเรียน ชอบคบหาผู้มีปัญญาสามารถ และมีความสามารถทางด้านวรรณกรรมอย่างสูงยิ่ง

ถังไท่จงเห็นหลี่ไท่มีความสามารถก็ดีใจจึงมอบที่ดินและสิ่งของหลายอย่างให้กับหลี่ไท่ รวมไปถึงให้หลี่ไท่มาประทับอยู่ที่วังใกล้กับตนเอง เงินเดือนที่ถังไท่จงให้หลี่ไท่ก็เพิ่มขึ้นจนมากกว่าหลี่เฉิงเฉียนที่เป็นรัชทายาทเสียอีก

ผ่านไปได้ไม่นาน หลี่เฉิงเฉียนก็เห็นว่าหลี่ไท่ได้รับการโปรดปรานมากขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงเริ่มระแวงว่าหลี่ไท่เป็นศัตรูจะแย่งชิงตำแหน่งของตนเอง ซึ่งก็เป็นความจริง หลี่ไท่เองก็อยากเป็นรัชทายาทเช่นเดียวกัน

หลังจากนั้นสองพี่น้องจึงทะเลาะกันบ่อยๆ เพื่อแก่งแย่งการเป็นคนโปรดของถังไท่จง

พวกขุนนางอย่างฉู่ซุ่ยเหลียงรู้สึกไม่สบายใจ เขาจึงตักเตือนถังไท่จงว่าการที่ถังไท่จงแสดงออกว่าโปรดปรานบุตรชายองค์รองมากกว่ารัชทายาทอย่างออกหน้าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร

ถังไท่จงจึงลดเงินเดือนหลี่ไท่ลง และให้ย้ายไปอยู่ตำหนักเดิม

หลังจากหลี่เฉิงเฉียนเห็นว่าถังไท่จงให้หลี่ไท่กลับไปอยู่ตำหนักเดิมแล้วจึงยิ่งทำพฤติกรรมเลวร้ายขึ้นอีก หลี่เฉิงเฉียนลักลอบนำเงินในท้องพระคลังไปใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย เมื่อถังไท่จงทราบก็เสียใจมากและหันไปโปรดปรานหลี่ไท่อีก

หลี่ไท่จึงเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้น ขุนนางหลายคนต่างพูดสนับสนุนให้ถังไท่จงถอดหลี่เฉิงเฉียนและตั้งหลี่ไท่อยู่เนืองๆ แต่ขุนนางฝั่งหลี่เฉิงเฉียนก็ยังมีอยู่ ภายในราชสำนักถังจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนหลี่เฉิงเฉียน ส่วนอีกฝ่ายสนับสนุนหลี่ไท่

ข้าราชบริพารของหลี่ไท่ช่วยกันเผยแพร่เรื่องความสามารถด้านต่างๆ และนิสัยที่ดีงามของหลี่ไท่ และฉวยโอกาสโจมตีหลี่เฉิงเฉียนไปด้วย ทำให้เกิดข่าวลือขึ้นไปทั่วเมืองหลวงฉางอานว่าถังไท่จงจะปลดหลี่เฉิงเฉียนแล้วตั้งหลี่ไท่เป็นรัชทายาทในเร็ววัน

บรรดาขุนนางและราษฎรที่ไม่เกลียดหลี่เฉิงเฉียนก็ออกมารับลูกด้วยการสนับสนุนหลี่ไท่ เขาจึงมีอิทธิพลมากขึ้นตามลำดับ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลี่เฉิงเฉียนกังวลว่าถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ตนเองจะถูกปลดจากตำแหน่งในเร็ววัน

เป็นกบฏ

หลี่เฉิงเฉียนกลับเลือกที่จะเป็นกบฎ เขาร่วมมือกับอาและน้องชายต่างมารดาก่อกบฏต่อถังไท่จง แต่ว่าการกบฎทำไปไม่ได้ถึงไหนก็ความแตกเสียก่อน

เรื่องมีอยู่ว่าหลี่โย่ว น้องชายต่างมารดาของหลี่เฉิงเฉียนกลับไปสังหารขุนนางคนหนึ่งแล้วตั้งตัวเป็นกบฏ หลี่โย่วถูกปราบปรามได้อย่างรวดเร็วและถูกจับได้พร้อมกับพรรคพวกทั้งหมด

ลูกน้องของหลี่โย่วคนหนึ่งทนการทรมานไม่ไหวจึงคายความลับออกมาทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่หลี่โย่วสมคบคิดกับหลี่เฉิงเฉียนและเชื้อพระวงศ์อีกสองสามคนจะแย่งราชสมบัติจากถังไท่จงด้วย

ถังไท่จงตกตะลึงและเศร้าใจอย่างยิ่งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ถังไท่จงให้ขุนนางผู้ใหญ่สอบสวนและปรึกษาโทษของหลี่เฉิงเฉียน

บรรดาขุนนางในราชวงศ์ถังเสนอว่า ขอให้ถังไท่จงถอดหลี่เฉิงเฉียนจากการเป็นรัชทายาทและให้ปลดเป็นสามัญชน แล้วให้เนรเทศหลี่เฉิงเฉียนไปอยู่ต่างแดน ส่วนขุนนางของหลี่เฉิงเฉียนให้ประหารชีวิตทั้งหมด ถังไท่จงเห็นด้วยกับคำแนะนำดังกล่าวเพราะไม่อยากสังหารหลี่เฉิงเฉียน ลูกชายที่ถังไท่จงเคยรักที่สุด

ด้วยเหตุนี้หลี่เฉิงเฉียนจึงถูกถอดจากตำแหน่งรัชทายาท แล้วไล่ไปอยู่ชายแดนในฐานะสามัญชนทั่วไป หลังจากถูกเนรเทศไม่นานหลี่เฉิงเฉียนก็เสียชีวิต ถังไท่จงโปรดให้งานศพบุตรองค์นี้เป็นงานศพของขุนนางทั่วไปเท่านั้น

หลี่จื้อคาบไปกิน

หลังจากหลี่เฉิงเฉียนถูกอัปเปหิไปแล้ว ตำแหน่งรัชทายาทควรเป็นของหลี่ไท่ บุตรชายคนรอง

แต่ถังไท่จงกลับยังไม่แต่งตั้งหลี่ไท่เสียมีเพราะคิดถึงคำกล่าวของหลี่เฉิงเฉียนที่ทูลให้ตนเองทราบในคุก หลี่เฉิงเฉียนทูลว่า

เว่ยหวางหลี่ไท่มีแผนชั่วจะแย่งตำแหน่งไท่จื่อจากลูก ลูกจึงต้องป้องกันตัวจากเขา แต่ด้วยความโง่เขลาทำให้ลูกออกนอกลู่นอกทางเป็นกบฏ ถ้าเสด็จพ่อทรงแต่งตั้งหลี่ไท่เท่ากับว่าตกหลุมพรางของเขานั่นเอง

พงศาวดารบางฉบับว่า หลี่เฉิงเฉียนไม่ได้ทูลอะไร แต่ถังไท่จงคิดไปเองว่าหลี่ไท่กดดันทำให้หลี่เฉิงเฉียนคิดกบฏ ดังนั้นถังไท่จงจึงยังไม่แต่งตั้งหลี่ไท่เป็นรัชทายาท

อีกสาเหตุหนึ่งคือถังไท่จงยังมีอีกตัวเลือกหนึ่งด้วย เขาชื่อหลี่จื้อ ผู้ดำรงตำแหน่งเป็นจิ้นหวาง

หลี่จื้อผู้นี้เป็นลูกคนเล็ก เขามีความกตัญญูและไม่แสดงความทะเยอทะยาน ถังไท่จงจึงโปรดปรานเขาอยู่ไม่น้อย ใจของถังไท่จงเริ่มเอนเอียงไปที่การมอบตำแหน่งให้หลี่จื้อ

ขุนนางที่สนับสนุนหลี่ไท่เห็นถังไท่จงไม่ตั้งหลี่ไท่เสียทีจึงทูลให้ถังไท่จงแต่งตั้งหลี่ไท่เป็นรัชทายาท หลี่ไท่เองก็ทำตัวเป็นเป็นบุตรชายที่ดี เขามาเข้าเฝ้าถังไท่จงทุกวันและกล่าวว่า ถ้าตนเองได้เป็นฮ่องเต้ จะให้หลี่จื้อ น้องชายคนสุดท้องเป็นรัชทายาท

ถังไท่จงจึงรับปากหลี่ไท่ว่าจะแต่งตั้งหลี่ไท่เป็นไท่จื่อ แต่ในใจยังไม่ต้องการทำเช่นนั้น

ด้วยความที่ยังตัดสินใตไม่ได้ ถังไท่จงจึงเรียกขุนนางผู้ใหญ่ระดับสูงที่เป็นที่ปรึกษามาพบ ขุนนางเหล่านี้ได้แค่ จ่างซุนหวู่จี้ พี่ชายของจ่างซุนฮองเฮา ฟางเสวียนหลิง หลี่ซื่อจี้ และฉู่ซุ่ยเหลียง

จ่างซุนหวู่จี้ไม่สนับสนุนให้ถังไท่จงแต่งตั้งหลี่ไท่เป็นรัชทายาท เพราะเขามองว่าหลี่ไท่เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ หลี่ไท่แอบลักลอบซ่องสุมผู้คนไว้เป็นอันมาก ทำนองเดียวกับสุยหยางตี้ในสมัยราชวงศ์สุย จ่างซุนหวู่จึ้จึงเสนอให้แต่งตั้งให้หลี่จื้อเป็นรัชทายาท

ส่วนฉู่ซุ่ยเหลียงให้ความเห็นว่าที่หลี่ไท่ชอบพูดจาให้ตนเองดูดีและไม่จริงใจ นอกจากนี้เขายังมองว่าถ้าถังไท่จงมอบตำแหน่งรัชทายาทให้หลี่ไท่ขณะที่โปรดหลี่จื้อมากกว่า สถานการณ์จะคล้ายกับก่อนหน้านี้ที่ถังไท่จงโปรดปรานเจ้าชายองค์อื่นมากกว่ารัชทายาททำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น

ฉู่ซุ่ยเหลียงจึงมองว่าถังไท่จงควรจะมอบตำแหน่งให้หลี่จื้อเลยจะเป็นการดีกว่า

จากการแนะนำของที่ปรึกษาและขุนนางที่ไว้ใจ ถังไท่จงจึงโอนเอียงไปทางหลี่จื้อมากขึ้น

ข้อสังเกตของฉู่ซุ่ยเหลียงเรื่องการตีสองหน้าของหลี่ไท่ไม่ผิดพลาด เพราะระหว่างที่ถังไท่จงกำลังตัดสินใจ หลี่ไท่ได้ไปพบกับหลี่จื้อ และขู่ว่า

เจ้าเป็นเพื่อนรักของฮั่นหวางหลี่หยวนชาง ที่คิดกบฏจนตายไปแล้ว เจ้าไม่กลัวว่าจะต้องโทษเช่นเดียวกันงั้นหรือ

หลี่จื้อเป็นคนหัวอ่อนไม่มีความหนักแน่น เขาตกใจกลัวว่าพี่ชายจะทำอันตรายตนเอง เมื่อไปเข้าเฝ้าถังไท่จง ถังไท่จงจึงสังเกตเห็นว่าหลี่จื้่อมีท่าทีกังวลใจจึงถามบุตรชายคนเล็กว่ากังวลอะไร

จิ้นหวางหลี่จื้อจึงทูลเรื่องทั้งหมดให้ถังไท่จงทราบ ถังไท่จงได้รับฟังก็คิดไปถึงคำกล่าวของหลี่เฉิงเฉียนในคุก ในคืนนั้นถังไท่จงจึงตัดสินใจได้ว่าจะจัดการกับหลี่ไท่ วันต่อมาหลี่ไท่ถูกขังไว้ในวังของตนเอง ส่วนที่ปรึกษาทั้งหมดถูกปลดเป็นสามัญชน

ในวันเดียวกัน ถังไท่จงแต่งตั้งให้หลี่จื้อเป็นไท่จื่อ (รัชทายาท) ส่วนหลี่ไท่ถูกเนรเทศออกไปเมืองอื่นในเวลาถัดมา การเนรเทศหลี่ไท่สร้างความเจ็บปวดให้ถังไท่จงมาก จนถึงกับต้องกล่าวว่า

ความรักระหว่างพ่อกับลูกเป็นความรักที่แท้จริง มันยากมากที่ข้าจะแยกจากหลี่ไท่ได้ ข้าไม่สามารถจะอดทนกับความห่างไกลนี้ได้ อย่างไรก็ตามข้าเป็นผู้ปกครองแผ่นดินทุกแห่งใต้ฟ้านี้ ถ้าประชาชนของข้าปลอดภัย ข้ายอมที่จะตัดเรื่องส่วนตัวออกไปเสีย”

หลังจากเนรเทศไปแล้ว ถังไท่จงเคยรำพึงว่า

หลี่ไท่เป็นคนเฉลียวฉลาดมาก ข้าคิดถึงเขา พวกเจ้าทุกคนต่างรู้ดี แต่เพื่ออาณาจักรของเรา ข้าจำต้องตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับเขา และให้เขาไปอยู่ไกลๆเสีย เพื่อทำให้อาณาจักรของเราปลอดภัย

การไล่หลี่ไท่ออกไปน่าจะเป็นเพราะต้องการสยบความวุ่นวายที่อาจจะเกิดในเมืองหลวงและเป็นอันตรายต่อหลี่จื้อ ถังไท่จงจำต้องตัดใจไล่หลี่ไท่ไปเสีย

ด้วยเหตุนี้เอง หลี่จื้อจึงได้ตำแหน่งรัชทายาทมาอย่างงงๆ

ภายในในวังหลวงมีหญิงผู้หนึ่งติดตามเหตุการณ์ทั้งหมดมาตลอด เมื่อหลี่จื้อได้เป็นรัชทายาท ตาของนางก็ลุกวาวทันที นางรู้แล้วว่าเป้าหมายของนางคือใคร

หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น หวู่เหม่ยเหนียงนั่นเอง!

ติดตามตอนหน้าได้ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!