ประวัติศาสตร์ไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี "จีบ" เจ้าหญิงเอลลาแต่ถูกปฏิเสธ

ไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี “จีบ” เจ้าหญิงเอลลาแต่ถูกปฏิเสธ

ไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนีเป็นจักรพรรดิพระองค์สุดท้ายแห่งปรัสเซียและจักรวรรดิเยอรมนี วิลเฮล์มมีอารมณ์ฉุนเฉียวน่ากลัว และเป็นคนที่เย่อหยิ่งจองหองเป็นที่สุด เขามีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่เด็กและเลวร้ายลงเรื่อยๆ เมื่อเขาโตเป็นหนุ่ม

แต่ทว่าเมื่อเขาเป็นหนุ่ม เขากลับตกหลุมรักเจ้าหญิงเอลิซาเบธ หรือ เอลลาแห่ง Hesse-Darmstadt พี่สาวของเจ้าหญิงอลิซ (ซาริซาอเล็กซานดรา) เข้าอย่างจัง

เอลลามีนิสัยตรงกันข้ามกับวิลเฮล์มโดยสิ้นเชิง เธอไม่ถือตัวเลย เธอรักที่จะช่วยเหลือคนอื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

คนอย่างวิลเฮล์มแล้วอยากได้อะไรก็ต้องได้ เรามาดูกันครับว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นระหว่าง “เขา” และ “เธอ”

วิลเฮล์มในวัยหนุ่ม

วิลเฮล์มมาเยี่ยม

วิลเฮล์มและเอลลาเคยพบกันครั้งแรกที่ Portsdam ในเวลานั้นวิลเฮล์มอายุได้ 11 ขวบ ส่วนเอลลาอายุได้แค่ 6 ขวบเท่านั้นเอง

ด้วยความที่มีนิสัยหลงตัวเอง และเย่อหยิ่งว่าตนเองเป็นรัชทายาทแห่งบัลลังก์เยอรมนี วิลเฮล์มจึงทำตัวเป็นหัวหน้าของเหล่าโอรสธิดาของกษัตริย์ทั้งหลายที่มาพบปะกันที่ Portsdam เอลลาในวัยเด็กจึงมองมี first impression ที่ไม่ดีนักต่อเจ้าชายหนุ่มผู้นี้

เอลลา

หลายปีต่อมา เอลิซาเบธเติบโตขึ้นเป็นสาวสวย กิริยามารยาทของเธอก็เรียบร้อย นิสัยของเธอน่ารักและมีเมตตา เอลลาจึงเป็นเจ้าหญิงผู้เป็นที่หมายปองอย่างมากในหมู่เชื้อพระวงศ์ยุโรป

หนึ่งในนั้นก็คือ วิลเฮล์ม

วิลเฮล์มศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยในเมืองบอนน์ ซึ่งใกล้กับเฮส (Hesse) มาก เขาจึงมาเยี่ยมเยือนราชสำนัก Hesse-Darmstadt บ่อยๆอยู่แล้ว เจตนาของเขาค่อนข้างชัดเจนนั่นก็คือมาหาเอลลา

เมื่ออยู่ที่เฮส วิลเฮล์มมักจะชวนให้เอลลาและพี่น้องทำกิจกรรมสันทนาการกับเขา ซึ่งทุกกิจกรรมจะต้องเป็นสิ่งที่วิลเฮล์มอยากเล่น

แต่พฤติกรรมพวกนี้ของเขายังรับได้ ถ้าเทียบกับพฤติกรรมฉุนเฉียวและเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอย่างคาดเดาไม่ได้ของเขา

วิลเฮล์มมักเปลี่ยนกิจกรรมที่ทำโดยฉับพลัน เช่น ตอนแรกเขาอาจจะต้องการขี่ม้า แต่พอผ่านไปสักพัก วิลเฮล์มจะบอกว่ายกเลิก และเปลี่ยนไปเป็นพายเรือในทะเลสาบแทน

หรือบางวันระหว่างที่ตีเทนนิสกันอยู่ จู่ๆวิลเฮล์มกลับโยนไม้ทิ้งลงกลางคอร์ต และเดินออกไปเสียอย่างนั้น

แต่ที่น่าปวดหัวที่สุดคือ วิลเฮล์มมักขอให้เอลลาและพี่น้องของเธอนั่งฟังเขาอ่านออกเสียงคัมภีร์ไบเบิลอยู่นานนับชั่วโมง ทำให้ทุกคนเบื่อวิลเฮล์มอย่างมาก และไม่อยากให้เขามาที่เฮสเลย

เอลลาเองก็เบื่อวิลเฮล์มมากไม่ต่างจากพี่น้องคนอื่นๆ และไม่อยากอยู่ใกล้เขาเลยแม้แต่น้อย

รัชทายาทเยอรมันรุกหนัก

เมื่อเอลลาอายุ 14-15 ปี เธอก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ้าหญิงที่สวยที่สุดคนหนึ่งของยุโรป ความสวยของเธอทำให้วิลเฮล์มหลงใหล เขาแสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าสนใจเธอ วิลเฮล์มมาที่เฮสแทบทุกสัปดาห์ และในการมาแต่ละครั้ง เขาจะสาดสายตาหาเอลลาอยู่เสมอ

วิลเฮล์มเป็นคนพูดมาก เมื่อเวลาอยู่ใกล้เอลลา เขาจะยิ่งพูดมากขึ้นไปอีก เขาจะหยุดพูดก็ต่อเมื่อเอลลาพูดเท่านั้น เพราะเขาจะได้ยินเสียงเธอ วิลเฮล์มปรารถนาที่จะให้เธอเล่นกับเขา นั่งกับเขา และฟังเขา แต่วิลเฮล์มไม่รู้ตัวเลยว่านิสัยของเขาช่างไม่ดึงดูดสาวๆ เสียเลย

ตัววิลเฮล์มเองก็ไม่เคยเข้าใจผู้หญิงเลยสักนิดเดียว ทำให้เสียโอกาสทองไปหลายครั้ง ดังเช่นเหตุการณ์ดังต่อไปนี้

มีอยู่วันหนึ่ง เอลลาเผลอเหยียบลงไปที่ชามซุป ทำให้ชามแตก และเศษแก้วบาดเท้าของเธอ เอลลารู้สึกเจ็บจึงเดินเขยกไปนั่งที่โซฟา

แทนที่วิลเฮล์มจะฉวยโอกาสนี้ทำคะแนน เขากลับไปนั่งข้างเธอ และอ่านนิยายให้เธอฟัง โดยไม่ใส่ใจดูดำดูดีเธอเลยสักนิดเดียว

พูดง่ายๆ วิลเฮล์มสนใจแต่ตนเองเท่านั้น เขาไม่เคยสนใจผู้อื่นเลย แม้กระทั่งผู้หญิงที่เขาชอบ วิลเฮล์มก็ยังไม่สน

หลังจากนั้นวิลเฮล์มพยายามส่งกลอนรักมาให้เอลลาอยู่ตลอด แต่เอลลาไม่เคยหลงไปกับกลอนบ้าๆ บอๆ ของวิลเฮล์มเลย เธอเคยเปรียบว่ากลอนรักของวิลเฮล์มมีค่าพอกับกระดาษชำระเท่านั้น (แต่เธอไม่เคยบอกวิลเฮล์มแบบนั้นตรงๆ)

เอลลา

จริงอยู่ว่าถ้าเอลลาแต่งงานกับวิลเฮล์ม เธอจะได้เป็นจักรพรรดินีแห่งเยอรมนีอย่างแน่นอน แต่สิ่งนั้นไม่มีความหมายกับเธอเลย เธอเคยไปที่ราชสำนักที่กรุงเบอร์ลินมาแล้ว เธอรู้สึกว่าราชสำนักเยอรมันพยายามแสดงออกแต่การใช้กำลังและแสนยานุภาพทางการทหาร การแต่งงานกับวิลเฮล์มและมาอยู่ที่เบอร์ลินจึงเป็นสิ่งที่เธอไม่ปรารถนาอย่างสิ้นเชิง

โดนปฏิเสธ

วิลเฮล์มสู่ขอเอลลาอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1879 เอลลาปฏิเสธในทันที เธอกล่าวว่าเธอไม่ต้องการแต่งงานกับรัชทายาทแห่งเยอรมนีผู้นี้เป็นอันขาด แกรนด์ดยุคหลุยส์แห่งเฮส บิดาของเอลลาเป็นพ่อที่รักลูกมาก เขาจึงไม่ต้องการบังคับให้ลูกสาวแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก การขอแต่งงานของวิลเฮล์มจึงต้องกลายเป็นหมันไป

สำหรับควีนวิกตอเรียแห่งอังกฤษผู้เป็นยายของเอลลาแล้ว เธอปรารถนาให้หลานสาวผู้นี้แต่งงานกับวิลเฮล์มเพื่อเหตุผลทางการเมือง เธอเชื่อว่าถ้าเอลลาแต่งงานกับวิลเฮล์มแล้ว สันติภาพน่าจะอยู่อย่างยั่งยืนในยุโรป เมื่อเอลลายืนกรานปฏิเสธ ควีนวิกตอเรียรู้สึกเสียดายโอกาสไม่น้อย เธอเขียนลงในจดหมายถึงเจ้าหญิงวิกตอเรียบุตรสาวของเธอในเวลาต่อมาว่า

ฉันไม่อาจคิดถึงเรื่องนี้โดยไม่รู้สึกเสียดายว่าอะไรจะเกิดขึ้น (ถ้าเอลลาแต่งงานกับวิลเฮล์ม) แต่ฉันขอไม่กล่าวถึงความหลังอันเจ็บปวดนั้น

เมื่อถูกปฏิเสธ หัวใจของวิลเฮล์มจึงแตกสลายและกลายเป็นความโกรธ วิลเฮล์มเลิกเรียนที่มหาวิทยาลัยบอนน์อย่างกลางคัน และกลับไปเบอร์ลินทันทีโดยไม่เรียนต่อแล้ว เชื่อกันว่าเพราะวิลเฮล์มทราบข่าวที่เอลลาเหมือนจะมีใจให้แกรนด์ดยุคเซอร์เกย์แห่งรัสเซีย อาของซาร์นิโคลัสที่ 2 วิลเฮล์มเสียใจมาก ทำให้เขากลับเบอร์ลินไปเพื่อรักษาแผลใจ

หลังจากที่วิลเฮล์มกลับไปเบอร์ลินได้เพียงสี่เดือน เขาถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับเจ้าหญิงออกัสตาวิกตอเรียแห่ง Holstein ความสัมพันธ์ระหว่างเอลลากับวิลเฮล์มจึงขาดสะบั้นลงไปอย่างถาวร ต่อมาวิลเฮล์มมักจะหาทางหลบเลี่ยงเธออยู่เสมอถ้าได้พบปะกัน

วืลเฮล์ม

อย่างไรก็ตาม วิลเฮล์มน่าจะไม่เคยลืมเอลลาเลย เขายังเก็บรูปของเอลลาไว้ที่โต๊ะทำงานของเขา นอกจากนี้เมื่อราชวงศ์โรมานอฟล่มสลาย วิลเฮล์มเคยคิดจะต่อรองกับพวกบอลเชวิคให้ส่งตัวสมาชิกราชวงศ์โรมานอฟทุกคน (รวมไปถึงเอลลา) ให้กับเยอรมนี

หลังจากที่ทำสนธิสัญญาเบรสต์-ลิตอฟส์แล้ว วิลเฮล์มสั่งให้กองทหารเยอรมันเดินทัพไปที่ไครเมียโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ปลดปล่อยพวกโรมานอฟจากที่คุมขัง (อ้างอิงจากหนังสือ The Last Grand Duchess) การช่วยเหลือของวิลเฮล์มทำให้ซาริซามาเรีย แกรนด์ดยุคอเล็กซานเดอร์ และอีกหลายๆ คนรอดชีวิต

โชคร้ายที่เอลลาไม่ได้อยู่ที่ไครเมีย แต่เธอถูกพวกบอลเชวิคคุมขังอยู่ที่อลาปาเยฟส์ สุดท้ายแล้วเอลลาถูกพวกบอลเชวิคสังหารในเช้าตรู่ในวันที่ 18 กรกฏาคม ค.ศ.1918

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!