ประวัติศาสตร์รัสเซียครอบครัวซาร์ทำไมถึงไม่มีใครช่วยครอบครัวโรมานอฟออกจากที่คุมขัง (13)

ทำไมถึงไม่มีใครช่วยครอบครัวโรมานอฟออกจากที่คุมขัง (13)

ทำไมถึงไม่มีใครช่วยครอบครัวโรมานอฟออกจากที่คุมขัง??

คำถามนี้เป็นคำถามระดับคลาสสิคสำหรับผู้ที่สนใจในชีวิตช่วงสุดท้ายของครอบครัวโรมานอฟเป็นอย่างมาก ผู้ที่เพิ่งจะสนใจหรืออ่านเรื่องนี้มักจะเกิดคำถามนี้ขึ้นมาในหัว ตอนที่ผมอ่านเรื่องนี้แรกๆ ผมก็เป็นครับ

ท่านที่ต้องการคำตอบแบบสั้นที่สุด ผมสามารถให้คำตอบได้เลยว่าเพราะ

  • ปัญหาของครอบครัวโรมานอฟเอง
  • การขาดผู้นำ และการรวมตัวที่มีไร้ประสิทธิภาพของพวกนิยมกษัตริย์
  • การรักษาการณ์ที่เข้มงวด ทำให้เสี่ยงเกินกว่าที่จะช่วยเหลือได้

แต่ท่านที่ต้องการรายละเอียด ขอเชิญอ่านได้ในโพสนี้ครับ

นิโคลัส

ปัญหาของครอบครัวโรมานอฟ

หลังจากที่ครอบครัวโรมานอฟเดินทางไปยังทาบอสค์ แอนนา ไวรูโบวา นางกำนัลคนสนิทของซาริซาอเล็กซานดราได้ออกมาจากคุกที่ป้อมปีเตอร์แอนด์พอล เธอเป็นคนสำคัญในการรวบรวมเงินทองเพื่อเป็นทุนในการช่วยเหลืออเล็กซานดราออกมา

เรื่องเงินทองเป็นเรื่องเล็กสำหรับชนชั้นสูงจำนวนมากที่จงรักภักดีต่อราชวงศ์โรมานอฟ แต่ปัญหาอยู่ที่ ใครกันจะเสี่ยงชีวิตบุกเข้าไปช่วยเหลือ ใครกันจะเป็นผู้นำในการวางแผน และควบคุมกองกำลังที่จะบุกเข้าช่วยครอบครัวซาร์? โดยที่ไม่ให้รัฐบาลชั่วคราวและกลุ่มฝ่ายซ้ายอย่างพวกบอลเชวิคสงสัย

นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาหาได้ยากมากจริงๆ

นอกจากนี้นิโคลัสยังยืนกรานว่า ตัวเขาไม่ต้องการจะแยกจากครอบครัวของเขาด้วย ถ้ามีการช่วยเหลือเกิดขึ้น นั่นแปลว่าทุกคนจะต้องไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่าเขาหลบหนีไปได้เพียงคนเดียว

สิ่งนี้ทำให้ภารกิจการช่วยเหลือยากขึ้นหลายเท่า อเล็กเซย์ล้มเจ็บต้องนอนซมอยู่บ่อยๆ ร่างกายของเขากระแทกกับสิ่งใดไม่ได้เลย อเล็กซานดราเองก็เดินเหินไม่สะดวก เธอต้องนั่งอยู่บนเก้าอี้หรือรถเข็นตลอดเวลา

ดังนั้นพวกเขาต้องเผื่อทั้งเวลา และพาหนะที่จะมารับครอบครัวโรมานอฟไปด้วย ซึ่งจะทำให้เรื่องทุกอย่างซับซ้อนขึ้นมาก

อเล็กเซย์เล่นชิงช้าในหลังบ้านที่ทาบอสค์ By theromanovfamily

ในช่วงเดือนสิงหาคม ค.ศ.1917 เมื่อครอบครัวโรมานอฟเดินทางมาถึงทาบอสค์ใหม่ๆ องค์กรนิยมกษัตริย์ได้แอบส่งสายลับจำนวนมากเข้ามาที่ทาบอสค์เพื่อสืบราชการลับ และแอบติดต่อกับครอบครัวโรมานอฟอยู่เนืองๆ

หากแต่ว่าองค์กรเหล่านี้กลับขาดผู้นำ และไม่ได้ทำงานร่วมกัน ต่างกลุ่มต่างอิจฉาริษยาและทะเลาะกันเอง ทำให้เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์แล้ว แผนการช่วยเหลือครอบครัวโรมานอฟก็ไม่ได้เกิดขึ้นเสียที

สำหรับอเล็กซานดราที่อยู่ในบ้านอิสรภาพแล้ว เธอเฝ้าหวังว่าจะมี “คนดีชาวรัสเซีย” มาปลดปล่อยนิโคลัส ลูกๆ และตัวเธอเองสักวันใดสักวันหนึ่ง แต่วันนั้นก็ไม่มาถึงเสียที

ผู้ทรยศ?

ขณะนั้นเองได้มีชายผู้หนึ่งที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในกลุ่มนิยมกษัตริย์ เขาชื่อว่า โบริส โซลอฟยอฟ (Борис Соловьёв) เขาเป็นลูกชายของเจ้าหน้าที่การคลังของสภาสงฆ์ (Holy Synod) แห่งรัสเซีย โซลอฟยอฟผู้นี้ได้แต่งงานกับมาเรีย รัสปูติน ลูกสาวของเกรกอรี รัสปูติน หลังจากที่ตัวเขาได้ทำความรู้จักกับรัสปูติน พ่อของเธอ และแอนนา ไวรูโบวา

ช่วงแรกที่ครอบครัวโรมานอฟเดินทางมาถึงทาบอสค์ โซลอฟยอฟเดินทางมายังทาบอสค์และแอบลักลอบติดต่อกับข้าราชบริพารและอเล็กซานดราเป็นการลับ เมื่อได้ทราบว่าลูกเขยของรัสปูตินติดต่อเข้ามา อเล็กซานดราดีใจมากที่มีผู้กำลังจะมาช่วยเหลือเธอ และเขาผู้นั้นยังเป็นบุตรเขยของรัสปูติน ผู้ที่เธอเคารพนับถืออย่างมากด้วย

อเล็กซานดราไม่เคยสงสัยโซลอฟยอฟเลยแม้แต่สักนิดเดียว แม้จะไม่ได้แสดงออกด้วยความดีใจมากจนเกินเหตุ แต่เธอถึงกับมอบเพชรพลอยที่เธอติดตัวมาด้วยเป็นทุนให้โซลอฟยอฟเอาไปจัดตั้งกองกำลังมาช่วยเหลือเธอ

ความสำเร็จในการติดต่อกับครอบครัวโรมานอฟภายในทาบอสค์ได้ ทำให้โซลอฟยอฟเริ่มถือตัวว่าตนเองเป็นหัวหน้าของกลุ่มที่จะช่วยเหลือครอบครัวโรมานอฟ

อย่างไรก็ตาม โซลอฟยอฟกลับมีพฤติกรรมแปลกประหลาดชวนให้สงสัย เขาสั่งให้ทุกองค์กรนิยมกษัตริย์ส่งเงินที่เป็นทุนในการช่วยเหลือครอบครัวซาร์มาให้เขาแต่เพียงผู้เดียว ถ้าองค์กรใดไม่ส่งเงินมาให้เขา โซลอฟยอฟจะขู่ว่าพวกเขากำลังจะทำให้กระบวนการที่จะช่วยเหลือครอบครัวซาร์ล่าช้าลงไป

การประกาศของโซลอฟยอฟไม่ต่างอะไรกับการข่มขู่ให้กลุ่มอื่นๆ มอบเงินมาให้กับตน บางกลุ่มไม่มีทางเลือกจึงมอบเงินให้กับโซลอฟยอฟ

หากแต่ว่าบางกลุ่มก็ไม่ใช่หมูในอวย ทุกกลุ่มขอให้โซลอฟยอฟบอกว่า เขามีแผนการอย่างไร โซลอฟยอฟตอบว่า เขาได้เกลี้ยกล่อมให้ทหารฝ่ายปฏิวัติแปดกองร้อยที่อยู่ในบริเวณนั้นให้เปลี่ยนใจมาช่วยเหลือครอบครัวซาร์ได้สำเร็จ และจะใช้ทหารกองนี้ช่วยเหลือครอบครัวซาร์

เมื่อถูกขอให้พิสูจน์ โซลอฟยอฟบอกผู้ที่สงสัยว่าให้ดูสัญญาณมือของนายทหารในกองร้อยเหล่านั้นให้ดี ถ้าเขาทำมือเหมือนกับที่โซลอฟยอฟว่าไว้ นั่นแปลว่าพวกทหารร่วมมือกับโซลอฟยอฟแล้ว

หลายองค์กรที่สงสัยโซลอฟยอฟต่างมองการพิสูจน์ของโซลอฟยอฟเป็นเรื่องตลก โซลอฟยอฟเองก็ให้พวกเขาส่งมาแต่เงิน แต่ไม่ให้ส่งผู้คนไปสนับสนุน เพราะอ้างว่ากำลังคนมีเพียงพอแล้ว แล้วใครจะไปเชื่อโซลอฟยอฟกันเล่า?

ผู้ที่เชื่อโซลอฟยอฟยังมีอยู่ อเล็กซานดรานั่นเอง!

โซลอฟยอฟยังคงขายฝันด้วยการบอกเธอว่า เขาได้เตรียมนายทหารสามร้อยนายไว้ที่เมือง Omsk และจะมาช่วยเหลือเธอและครอบครัวในไม่ช้า อเล็กซานดราถึงกับออกตัวหนุนโซลอฟยอฟอย่างเต็มตัว และชักนำไม่ให้กลุ่มนิยมกษัตริย์อื่นๆ ดำเนินการโดยไม่ผ่านโซลอฟยอฟ

ห้องของอเล็กซานดราที่ทาบอสค์ By http://www.alexanderpalace.org/alexandra/XXX.html

ในภายหลังโซลอฟยอฟจึงเอาไปอ้างได้ว่า อเล็กซานดราส่งข้อความมาว่ากลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ช่วยเหลือโซลอฟยอฟยิ่งทำให้เธอและครอบครัวตกอยู่ในอันตราย

พวกองค์กรนิยมกษัตริย์จึงส่งนายทหารสี่นายไปหาโซลอฟยอฟ แต่ทั้งสามนายกลับถูกพวกบอลเชวิคจับกุมและประหารชีวิตทันทีและอีกนายนึงหลบหนีไปได้

หางของโซลอฟยอฟจึงโผล่ออกมาตั้งแต่บัดนั้น

ไม่ต้องสงสัยว่าโซลอฟยอฟกุเรื่องทั้งหมดมาหลอกทุกคน เขาเตี๊ยมกับนายทหารที่คุมแปดกองร้อยเท่านั้นเอง โดยที่พวกทหารไม่รู้เรื่องด้วย แผนการช่วยเหลือที่โซลอฟยอฟบอกแก่อเล็กซานดราและองค์กรนิยมกษัตริย์อื่นๆก็ไม่มีอยู่จริง

การที่ฝ่ายนิยมกษัตริย์มาเสียเวลากับโซลอฟยอฟอยู่นานหลายเดือนนี้ ทำให้โอกาสที่จะช่วยเหลือครอบครัวโรมานอฟอย่างจริงจังน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป หลังจากที่พวกบอลเชวิคเข้าควบคุมครอบครัวโรมานอฟได้สำเร็จ โอกาสการช่วยเหลือของฝ่ายนิยมกษัตริย์ก็กลายเป็นศูนย์

ทุกวันนี้มีการตั้งข้อสงสัยว่าโซลอฟยอฟเป็นสายลับของพวกบอลเชวิค ความเป็นไปได้นั้นมีสูงมาก โซลอฟยอฟประสบความสำเร็จมากในการทำให้พวกนิยมกษัตริย์เสียเวลาไปมากมาย ทำให้ผู้ที่ได้ประโยชน์ที่สุดในกรณีนี้คือ พวกบอลเชวิค ถึงแม้โซลอฟยอฟจะถูกพวกบอลเชวิคจับกุม เขากลับถูกปล่อยตัวภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน โซลอฟยอฟหนีออกจากรัสเซียไปได้พร้อมกับเงินบริจาคและเพชรพลอยของอเล็กซานดรา

ทุกอย่างจึงบ่งชี้ว่าโซลอฟยอฟผู้นี้เป็นสายลับบอลเชวิค

รัตซินสกี้ นักประวัติศาสตร์รัสเซียวิจารณ์ได้อย่างน่าสนใจว่า เป็นอีกครั้งที่ “รัสปูติน” ทำลายครอบครัวโรมานอฟ เพราะโซลอฟยอฟเป็นลูกเขยของรัสปูตินนั่นเอง

นักบวชผู้พยายามช่วยเหลือ

ช่วงปลายปี ค.ศ.1917 อดีตซาริซามาเรีย มารดาของนิโคลัสอยู่ที่ไครเมีย เธอพยายามสรรหาวิธีช่วยเหลือนิโคลัสและครอบครัว มาเรียทราบว่าเกอร์มาเกน (Гермоген) บาทหลวงที่จงรักภักดีได้รับตำแหน่งเป็นอาร์คบิชอปแห่งทาบอสค์ เธอจึงเขียนจดหมายเพื่อขอให้เขาช่วยเหลือ

บิชอปเกอร์มาเกน

เกอร์มาเกนตอบรับด้วยความยินดียิ่ง เขาจงรักภักดีอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเขาจะเคยโดนลงโทษจากการที่ขัดแย้งกับรัสปูตินก็ตาม

ช่วงเวลาเดียวกับที่โซลอฟยอฟกำลังติดต่อกับครอบครัวโรมานอฟนั้น เกอร์มาเกนก็พยายามติดต่อกับครอบครัวโรมานอฟเช่นเดียวกัน และเสนอหนทางช่วยเหลือ

หากแต่ว่าอเล็กซานดรารู้ดีว่าเกอร์มาเกนเป็นศัตรูตัวฉกาจของรัสปูตินมาก่อน เธอจึงไม่ใส่ใจกับแผนการของเกอร์มาเกน และเลือกที่จะเชื่อโซลอฟยอฟแทน อย่างที่รัตซินสกี้ “แซะ” อเล็กซานดราว่า เพราะว่าโซลอฟยอฟมีพาสปอร์ตสำหรับเดินทางเข้าสู่หัวใจของเธอ ส่วนคนอื่นไม่มี อเล็กซานดราจึงไม่ยอมเชื่อถือคนอื่นเลย

ดังนั้นเกอร์มาเกนจึงไม่มีบทบาทใดๆ ในการช่วยเหลือครอบครัวโรมานอฟอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งๆที่ภายในดินแดนแถบนั้น เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดก็ตาม

แผนการของคีเรนสกี้?

มีเรื่องเล่าว่า คีเรนสกี้จงใจที่จะปล่อยตัวนิโคลัสออกไปอยู่แล้ว แต่เพราะทหารที่เปโตรกราดแข็งกร้าว ทำให้เขาทำเช่นนั้นไม่ได้

หนังสือหลายเล่มได้ให้ข้อมูลว่าคีเรนสกี้จงใจให้นิโคลัสไปยังทาบอสค์ เพื่อที่ทุกคนจะได้ออกนอกประเทศทางตะวันออก เพื่อเดินทางไปญี่ปุ่น และประเทศที่สามต่อไป

คีเรนสกี้จงใจเลือกทาบอสค์เพราะพลเมืองส่วนใหญ่เป็นมิตรกับครอบครัวซาร์ โคบีลินสกี้และแพนคราตอฟที่เขาส่งมาก็เป็นคนอ่อนโยน และไม่ใช่คนเลวร้าย

ในช่วงก่อนการปฏิวัติตุลาคม พวกทหารเองก็ไม่ต่อต้านครอบครัวโรมานอฟมากนัก และเป็นมิตรมากๆ ด้วย แถมยังมีบิชอปเกอร์มาเกนแห่งทาบอสค์ยังสามารถนำตัวพวกเขาไปหลบซ่อนในดินแดนอันกว้างใหญ่ของไซบีเรียได้อีก

ทุกสิ่งจึงดูเหมือนว่า คีเรนสกี้ได้จัดเตรียมทุกสิ่งไว้อย่างดี ตั้งแต่บรรยากาศในเมืองที่เป็นมิตร บิชอปที่สามารถช่วยเหลือได้ และผู้คุมที่ค่อนข้างอ่อนโยน พวกโรมานอฟจะได้หลบหนีออกไปได้

ทาเทียน่าบุตรสาวของนายแพทย์ Botkin (เธอและพ่อได้ติดตามครอบครัวโรมานอฟไปยังทาบอสค์) ได้ให้ความเห็นว่า ช่วงเดือนสิงหาคมถึงช่วงเดือนตุลาคม น่าจะเป็นช่วงที่ครอบครัวโรมานอฟน่าจะหลบหนีออกไปได้

แล้วทำไมครอบครัวโรมานอฟถึงหลบหนีออกไปไม่ได้?

การเชื่อถือโซลอฟยอฟและปฏิเสธกลุ่มนิยมกษัตริย์กลุ่มอื่นของอเล็กซานดราเป็นคำตอบที่ดี แต่ยังมีคำตอบอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ ทั้งหมดถูกเล่าผ่านปากของร้อยเอก Aksyuta รองผู้บังคับบัญชาของโคบีลินสกี้

ร้อยเอกผู้นี้เล่าว่า ตัวเขาและโคบีลินสกี้เคยจะหาทางช่วยเหลือให้นิโคลัสและครอบครัวออกจากบ้านอิสรภาพ แต่นิโคลัสกลับปฏิเสธ นิโคลัสบอกทั้งสองว่า

ในช่วงเวลาที่ยากลำบากของรัสเซียนี้ ไม่มีชาวรัสเซียคนใดที่ควรทอดทิ้งประเทศของตนเอง

Aksyuta เล่าต่อไปว่า นิโคลัสไม่ต้องการที่จะหนี และพร้อมจะรับชะตากรรมอยู่ที่นี่

นิโคลัสและทาเทียน่าที่ทาบอสค์

แพนคราตอฟเองก็ได้บันทึกเรื่องนี้ไว้ในความทรงจำของเขาเช่นกัน แพนคราตอฟเล่าว่าเขาเคยคุยกับหนึ่งในสี่สาว เรื่องการปล่อยตัวครอบครัวโรมานอฟ และลี้ภัยไปยังประเทศอื่น พวกเธอคนหนึ่งบอกแพนคราตอฟว่า

“ปาปาบอกว่า พวกเราควรจะอยู่ในรัสเซีย ให้พวกเขาส่งเราเข้าไปลึกๆ ในไซบีเรียเถอะ”

ดังนั้นหนึ่งในสาเหตุที่ครอบครัวโรมานอฟหลบหนีไปไม่ได้ก็เพราะว่า นิโคลัสไม่เคยคิดจะหนีนั่นเอง!

ช่วงเวลาที่ทาบอสค์เป็นช่วงเวลาที่เป็นมิตรที่สุดสำหรับการหลบหนี หลังจากที่ได้ไปอยู่ที่เยกาเตรินเบิร์ก และอยู่ในการควบคุมของพวกบอลเชวิคแล้ว โอกาสในการหลบหนีแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะมันเสี่ยงต่อครอบครัวโรมานอฟ และผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือด้วย พวกบอลเชวิคอาจจะยิงครอบครัวโรมานอฟทันที เหมือนที่พวกทหารทำกับซาร์อีวานที่ 6 เมื่อสองร้อยปีก่อนก็ได้

ทั้งหมดนี้จึงทำให้นิโคลัสและครอบครัวไม่อาจจะหลบหนีจากการคุมขังไปได้ และต้องจบชีวิตลงในที่สุด

อ่านตั้งแต่ตอนแรกและติดตามตอนต่อไป ใน วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ หรือติดตามตอนที่ 14 ได้ที่นี่

หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!