มุมไบ (Mumbai) เป็นเมืองหลวงของรัฐมหารัชตะ (Maharashtra) ในประเทศอินเดีย ด้วยประชากร 20 ล้านคน ทำให้มุมไบเป็นมหานครที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของอินเดีย รองจากเดลี เมืองหลวงของอินเดียเพียงเมืองเดียวเท่านั้น
ตัวเมืองมีความเก่าแก่ประมาณห้าร้อยปี ซึ่งถือว่าไม่เก่าเท่าไรถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆ ในอินเดีย แต่บริเวณโดยรอบเมืองมุมไบกลับเก่าแก่กว่า ทำให้มุมไบมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง
ในโพสนี้ ผมจะเล่าถึงประวัติความเป็นมาของเมืองมุมไบคร่าวๆ ก่อน และจะกล่าวถึงสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองและรายรอบเมืองมุมไบเป็นลำดับถัดไปครับ (ถ้าไม่สนใจประวัติ สามารถข้ามลงไปที่ part ที่เที่ยวได้เลยครับ)
ประวัติย่อของมุมไบ
มุมไบเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของอินเดีย ลักษณะของภูมิศาสตร์ของมุมไบเป็นเกาะเจ็ดเกาะที่อยู่ใกล้เคียงกัน พื้นที่ของเกาะเหล่านี้ได้รวมเป็นส่วนหนึ่งของเมืองมุมไบในปัจจุบันครับ
ดินแดนรายรอบมุมไบนั้นมีความเก่าแก่กว่าตัวเมืองมุมไบ นักประวัติศาสตร์ได้ค้นพบโบราณสถานและปูชนียสถานหลายแห่งใกล้กับเมือง ซึ่งสามารถย้อนไปถึงช่วงสมัยพระเจ้าอโศก ทำให้เชื่อได้ว่าอาณาบริเวณนี้น่าจะเคยเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธในแถบนี้มาก่อน แต่ยังไม่ได้ความสำคัญในระดับประเทศของอินเดียแต่อย่างใด
ในช่วงยุคกลาง เกาะทั้งเจ็ดของมุมไบเป็นส่วนหนึ่งของรัฐสุลต่านแห่งคุชราด (Gujarat) เมื่อพวกโมกุลแผ่อำนาจลงมาทางใต้ สุลต่านเกรงว่าจะรักษาเกาะเหล่านี้ไว้ไม่ได้ และน่าต้องการผูกมิตรกับพวกโปรตุเกส แถมเกาะเหล่านี้ในเวลานั้นยังไม่มีค่างวดอะไรนัก สุลต่านจึงยกเกาะทั้งเจ็ดให้กับโปรตุเกสในปี ค.ศ.1535
พวกโปรตุเกสสร้างความเจริญให้กับเกาะทั้งเจ็ดอย่างมาก และขยายเมืองเล็กๆ ที่มีอยู่เดิมให้ใหญ่ขึ้น ด้วยการสร้างโบสถ์ มหาวิหารในศาสนาคริสต์มากมาย รวมไปถึงป้อมปราการที่ใช้ป้องกันเมืองด้วย ในช่วงเวลานี้นั้นหลักฐานโปรตุเกสเรียกเมืองว่า “Bombaim” ซึ่งเมืองนี้ก็คือ “บอมเบย์” หรือ มุมไบในเวลาต่อมานั่นเอง
อย่างไรก็ดีชาติตะวันตกที่สนใจบอมเบย์อย่างมากก็คือ อังกฤษ เพราะอังกฤษเห็นว่าชัยภูมิของบอมเบย์ดีมาก และปลอดภัยต่อการรุกราน ดังนั้นในศตวรรษที่ 17 เมื่อชาร์ลส์ที่ 2 แห่งอังกฤษแต่งงานกับเจ้าหญิงโปรตุเกส อังกฤษจึงขอให้โปรตุเกสยกบอมเบย์ให้กับตนเป็นสินสอด ซึ่งชาร์ลส์ปล่อยเช่าบอมเบย์ให้กับบริษัทบริติชอิสต์อินเดีย (British East India Company) ต่อไป
ภายใต้การปกครองของอังกฤษ บอมเบย์ได้กลายเป็นเมืองท่าและสถานที่จอดเรือขนาดใหญ่ ทำให้ตัวเมืองมั่งคั่งขึ้นตามลำดับ ในช่วงศตวรรษที่ 18 อังกฤษได้เชื่อมเกาะทั้งเจ็ดเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นมหานครของบอมเบย์ โดยเฉพาะหลังจากการเปิดคลองสุเอซ ที่นำเรือสินค้าจำนวนมากมายมาที่นี่
หลังจากอินเดียได้รับเอกราช บอมเบย์ยังคงเจริญเติบโตต่อไปในฐานะเมืองเศรษฐกิจขนาดยักษ์ ในปี ค.ศ.1995 รัฐบาลอินเดียตัดสินใจเปลี่ยนชื่อจากบอมเบย์เป็น “มุมไบ” เพราะตระหนักว่าชื่อบอมเบย์ข้องเกี่ยวกับยุคสมัยอาณานิคม
ทุกวันนี้มุมไบยังคงเป็นเมืองท่า ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการเงินของอินเดีย เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมหนังบอลลีวูดด้วยครับ
ถัดไปเราไปดูกันดีกว่ามุมไบมีที่เที่ยวที่ไหนบ้าง
1. Gateway of India
Gateway of India หรือ “Taj Mahal of Mumbai” เป็นประตูสูง 26 เมตรอันสัญลักษณ์ของเมืองมุมไบ ตั้งประตูตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลอาระเบียนของเมือง และอยู่ใกล้กับบริเวณท่าเรือเลยครับ
ประตูแห่งนี้เป็นประตูที่ใช้ระลึกถึงจอร์จที่ 5 เมื่อครั้งที่เสด็จอินเดียในปี ค.ศ.1911 และเป็นประตูที่ทหารอังกฤษคนสุดท้ายเดินทางออกจากอินเดียในปี ค.ศ.1948 ด้วย
ถ้าคุณมาถึงประตูแห่งนี้แล้ว คุณจะเห็นว่าประตูเป็นส่วนผสมของสถาปัตยกรรมโรมันและอินเดีย ทำให้รูปร่างของมันดูสวยงามและแปลกตาครับ
อย่างไรก็ดีอีกสิ่งที่ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวคือ ร้านอาหารแบบสตรีทฟู้ดบริเวณนี้ที่ขายของว่างสไตล์อินเดียหอมๆ และรสชาติดี ซึ่งน่าลองชิมมากๆ แต่ระวังท้องเสียด้วยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน 555
2. Taj Mahal Palace
อาคารสวยที่อยู่ด้านข้าง Gateway of India คือ Taj Mahal Palace โรงแรมสุดหรูที่มีอายุมากถึง 100 ปี ตัวตึกมีความงดงามตามแบบศิลปะสไตล์ Saracenic Revival หรือศิลปะสมัยอาณานิคมนั่นเองครับ
คุณสามารถเข้าไปสัมผัสบรรยากาศสมัยอาณานิคม (British Raj) ได้ในโรงแรมโดยที่ไม่ต้องพัก หนึ่งในวิธีที่น่าสนใจคือ เข้าไปรับประทานอาหารหรือจิบชายามบ่ายที่ห้องอาหาร Sea Lounge ที่ตบแต่งด้วยสไตล์อาณานิคมภายในโรงแรมครับ
3. Marine Drive
Marine Drive เป็นถนนคนเดินรูปตัว C ยาว 3.6 กิโลเมตรที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งมุมไบ ที่นี่เป็นถนนคนเดินที่เป็นนิยมมากที่สุดเลยก็ว่าได้ คุณสามารถเดินไปตามอาคารทรง Art Deco ที่เรียงรายติดต่อกันไป ในขณะที่รับลมทะเลเย็นๆ ไปในคราวเดียวกันได้ครับ
อย่างไรก็ดี ถ้าจะให้ perfect จริงๆ คุณต้องมาเดินแถวนี้ตอนช่วงเย็นครับ เพราะที่นี่เป็นจุดชมดวงอาทิตย์ตกดินที่สวยมาก บรรยากาศที่นี่จะทำให้คุณลืมไม่ลงเลยทีเดียว
แถวนี้มีร้านสตรีทฟู้ดอร่อยๆ อยู่หลายร้าน ถ้าคุณรับได้กับความสะอาดก็ควรค่าแก่การลองชิมครับ
4. Chhatrapati Shivaji Maharaj Vastu Sangrahalaya Museum (CSMVS)
CSMVS เป็นพิพิธภัณฑ์สถานหลักของเมืองมุมไบ เดิมทีมันถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกการเสด็จอินเดียของจอร์จที่ 5 และมีชื่อว่า Prince of Wales Museum of Western India แต่ชื่อดังกล่าวถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของ Shivaji ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักร Maratha แทนในปี ค.ศ.1998
ตัวพิพิธภัณฑ์สร้างขึ้นด้วยศิลปะ Indo-Saracenic ซึ่งมีความสวยงาม ภายในเก็บรักษาโบราณวัตถุจำนวนมากถึง 70,000 ชิ้นที่มีที่มาจากยุคสมัยต่างๆ ของอินเดียครับ
5. Shree Siddhivinayak Temple
Shree Siddhivinayak Temple เป็นหนึ่งในวัดพระพิฆเนศที่สำคัญที่สุดในอินเดีย และเป็นที่เคารพนับถือของชาวฮินดูทั้งมวล
ภายในวัดนี้คุณจะเห็นชาวฮินดูมากมายถอดรองเท้า และเดินเข้าไปในวัดเพื่อถวายเครื่องสักการะแด่องค์พระพิฆเนศ รวมไปถึงทำบุญและบริจาคด้วยความศรัทธา นอกจากนี้บางคนจะสวดขอพรเพื่อให้ได้สิ่งที่ปรารถนาอยู่ในบริเวณวัดด้วยครับ
ถ้าคุณนับถือองค์พระพิฆเนศ ผมแนะนำอย่างยิ่งให้มาที่นี่สักครั้งครับ ประสบการณ์ที่นี่จะต่างออกไปอย่างมากจากวัดฮินดูทั่วไปในไทยครับ
6. Mani Bhavan Gandhi Museum
Mani Bhavan Gandhi Museum เป็นสถานที่ทำงานเก่าของมหาตมะ คานธีเป็นเวลานานถึงเกือบสองทศวรรษ ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้แปลงสภาพมันเป็นพิพิธภัณฑ์ เพื่อชาวอินเดียและนักท่องเที่ยวจะได้ทราบถึงชีวิตของวีรบุรุษแห่งอินเดียผู้นี้ครับ ภายในจะยังคงรักษาตัวอาคารให้เหมือนกับครั้งที่คานธียังมีชีวิตอยู่
นอกจากนี้ภายในพิพิธภัณฑ์ยังมีรูปปั้นขนาดเล็กของเขาตั้งอยู่ด้วยครับ ซึ่งรูปปั้นนี้เองจะเป็นสถานที่ที่ชาวอินเดียมาแสดงความเคารพต่อคานธีเมื่อได้มาเยือนที่นี่
7. Mahalakshmi Temple
Mahalakshmi Temple เป็นอีกวัดที่ศักดิ์สิทธิ์และมีผู้เคารพนับถือมากที่สุดของเมืองมุมไบ ตัววัดอุทิศให้กับพระลักษมี มเหสีของพระวิษณุครับ อย่างไรก็ดีภายในวัดมีเทวรูปของเทพีองค์อื่นด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นพระนางมหากาลี หรือพระนางสุรัสวดี
ตรงกลางของวัดคือ รูปเคารพขององค์พระลักษมีขนาดใหญ่ที่อยู่ในปางถือดอกบัว ชาวฮินดูจำนวนมากจะซื้อดอกไม้จากบริเวณวัด และมาถวายต่อองค์พระลักษมีเพื่อความเป็นสิริมงคลครับ
8. Global Vipassana Pagoda
Global Vipassana Pagoda หรือเจดีย์วิปัสสนาเป็นศาสนสถานในศาสนาพุทธที่เมืองมุมไบครับ เจดีย์หุ้มทองคำแห่งนี้สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากเจดีย์ชเวดากองในพม่า และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมให้กับชาวพุทธในเมืองมุมไบครับ ความสูงทั้งหมดของเจดีย์แห่งนี้อยู่ที่ 96 เมตร ทำให้คุณสามารถเห็นองค์เจดีย์ได้จากระยะไกล
ถ้าคุณเดินเข้าไปในเจดีย์ คุณจะพบว่ามีห้องขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ห้องขนาดนี้สามารถจุคนได้มากถึง 8,000 คนเลยครับ ส่วนมากแล้วจะใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นส่วนใหญ่
9. Kanheri Caves
Kanheri Caves เป็นถ้ำที่ตั้งอยู่ภายนอกเมืองมุมไบ และอยู่ใน Sanjay Gandhi National Park ตัวถ้ำเกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธ เพราะว่าภายในมีสถูปและหอสวดมนต์ตั้งอยู่ รวมไปถึงรูปแกะสลักเป็นองค์พระพุทธเจ้าอยู่อย่างมากมายด้วย
จากการตรวจสอบพบว่าถ้ำแห่งนี้มีถ้ำเล็กถ้ำน้อยจำนวนมาก และอายุของถ้ำแห่งนี้อยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 ปี นักประวัติศาสตร์อินเดียจึงเชื่อว่าที่นี่น่าจะเคยเป็นศาสนสถานสำคัญของชาวพุทธครับ
10. Elephanta Caves
Elephanta Caves เป็นถ้ำทางศาสนาที่อยู่ที่เกาะ Elephanta ใกล้กับเมืองมุมไบ ถ้ำขนาดนี้เป็นศาสนสถานที่อุทิศให้กับพระศิวะ ภายในถ้ำเต็มไปด้วยเทวรูปของพระศิวะที่มีความงดงามมากและเก่าแก่ถึง 1,600 ปี บางรูปเห็นได้ชัดว่าบรรยายถึงตำนานเก่าแก่ เช่นการปราบศัตรูของพระศิวะครับ
ไฮไลท์ของถ้ำแห่งนี้คือ รูปแกะสลักพระศิวะปางตรีมูรติ ซึ่งเป็นปางที่ทรงพลังอำนาจ และเป็นที่เคารพอย่างสูงของชาวอินเดียทั่วไปครับ ตัวรูปแกะสลักเห็นได้ชัดว่ามีความประณีตและงดงามไม่แพ้ที่ถ้ำเอลโลร่าเลยครับ
11. Chor Bazaar
Chor Bazaar ถ้าแปลตรงตัวจะมีความหมายว่า “ตลาดโจร” ตามเรื่องเล่าที่ว่าพวกโจรมักจะนำของที่ขโมยได้มาขายที่ตลาดแห่งนี้ แต่เรื่องนี้ก็เป็นแค่ตำนานที่ไม่ใช่เรื่องจริงครับ
ปัจจุบัน Chor Bazaar เป็นตลาดขายของเก่าและของมือสองทุกรูปแบบที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย ของที่มาขายมีทุกประเภทซึ่งรวมไปถึงงานฝีมือ หม้อดินเผา เฟอร์นิเจอร์เก่าๆ หรือแม้กระทั่งเทวรูปครับ ถ้าคุณเข้าไปเดินแล้ว จะรู้สึกตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว
12. Bandra-Worli Sea Link
Bandra-Worli Sea Link เป็นสะพานข้ามทะเลขนาด 8 เลนที่เพิ่งเปิดสร้างในปี ค.ศ.2009 เพื่อใช้แก้ไขปัญหารถติดในเมือง แต่เพราะความสวยงามในยามค่ำคืน ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากอีกแห่งหนึ่งในเมืองมุมไบครับ
ไปเที่ยวมุมไบอย่างไรดี?
ถ้าอยากไปเที่ยวมุมไบเองก็สามารถไปได้โดยไม่ได้ยากนัก มุมไบเป็นเมืองใหญ่ที่มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย สายการบินที่บินตรงไปมุมไบมีหลายการบินด้วยกัน อาทิเช่น
- สายการบินโลว์คอสต์อย่าง GoAir, SpiceJet, IndiGo, ThaiLionAir
- สายการบิน Full Service อย่าง Air India, การบินไทย รวมไปถึงสายการบินใหม่อย่าง Vistara ครับ