ท่องเที่ยวเมือง Luxor (ลักซอร์) แห่งอียิปต์โบราณมีสถานที่เที่ยวที่ไหนบ้างนะ?

เมือง Luxor (ลักซอร์) แห่งอียิปต์โบราณมีสถานที่เที่ยวที่ไหนบ้างนะ?

Luxor หรือลักซอร์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอียิปต์ ในปัจจุบันเมืองแห่งนี้เป็นโบราณสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอารยธรรมอียิปต์โบราณ ถ้าไม่นับพีระมิดแห่งกิซาแล้ว เราอาจจะกล่าวได้ว่าลักซอร์ยืนหนึ่งในหมวดนี้เลยก็ได้ครับ

ปัจจุบันเมืองนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะถ้าคุณชอบประวัติศาสตร์และอยากค้นหาความลึกลับของอารยธรรมอียิปต์โบราณ

ผมขออธิบายคร่าวๆ เกี่ยวกับเมืองแห่งนี้เสียก่อน (ข้ามได้) และจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ

Luxor Temple By Mahmoud algazzar, CC BY-SA 4.0,

รู้จักลักซอร์ (Luxor)

ลักซอร์ (Luxor) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไนล์ทางทิศใต้ของประเทศ หรืออียิปต์บน (Upper Egypt) ผมไม่ได้เขียนผิดนะครับ ชาวอียิปต์นับบนล่างตามการไหลของแม่น้ำไนล์ ดังนั้นเมื่อแม่น้ำไนล์ไหลจากทิศใต้สู่ทิศเหนือ ดินแดนที่อยู่ทิศใต้จึงกลายเป็นอียิปต์บน

เมื่อประมาณสามพันกว่าปีก่อน ลักซอร์มีชื่อว่า “Waset” ในภาษาอียิปต์โบราณ แต่ส่วนมากเราจะคุ้นเคยกับชื่อที่ชาวกรีกใช้เรียกมากกว่า เพราะปรากฏในหนังสือและเกมมากมาย (อย่างเช่น Assassin’s Creed: Origins) ชื่อนี้คือเมือง “Thebes” หรือธีปส์นั่นเองครับ (โปรดอย่าสับสนกับเมืองชื่อกันในกรีซ มันเป็นคนละเมืองกันครับ)

Hatshepsut’s Temple Image by Simon Steinberger from Pixabay

ในสมัยอาณาจักรใหม่ (New Kingdom) ลักซอร์รุ่งเรืองเพราะเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอียิปต์ที่แผ่อำนาจไปทุกสารทิศ ตั้งแต่ซูดาน ไปจนถึงซีเรีย ในช่วงเวลานั้นลักซอร์เป็นเมืองที่ร่ำรวยมากที่สุดในโลกก็ว่าได้ บันทึกโบราณต่างให้ข้อมูลว่าลักซอร์เป็นเมืองที่มีประตูเมืองมากถึง 100 บานด้วยกัน

ลักซอร์เป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางศาสนาแห่งอียิปต์โบราณมานานถึงเกือบ 1,000 ปี จนกระทั่งเสียแก่กองทัพ Assyria จากเมโสโปเตเมีย ตัวเมืองได้รับความเสียหายอย่างมาก และสูญเสียสถานะเมืองเอกของโลกไปตลอดกาลหลังจากเหตุการณ์นั้น

หลังจากนั้นลักซอร์ก็เป็นเมืองที่ถูกลืม และกลายเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่มีความสำคัญใดๆ ในประวัติศาสตร์โลกอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามนั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้สิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่หลายแห่งในลักซอร์ผ่านพ้นการทำลายและช่วงเวลาอันยาวนานมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้รับการดูแลรักษาเท่าที่ควร ลักซอร์จึงเป็นอีกหลักฐานที่แสดงถึงความก้าวหน้าทางวิศวกรรมของชาวอียิปต์โบราณครับ

ในปัจจุบันลักซอร์ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้เดินทางมาที่นี่ครับ

ถัดไปเราไปดูกันดีกว่าครับว่าลักซอร์มีอะไรให้เที่ยวบ้าง

1. Karnak

Karnak เป็นมหาวิหารอันยิ่งใหญ่ที่หลงเหลือมาจากยุคอียิปต์โบราณ และใช้เพื่อสักการะเทพเจ้าหลายองค์ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวไอยคุปต์ ความอลังการของที่นี่เกิดขึ้นจากการสร้างและต่อเติมเป็นเวลานานเกือบหนึ่งพันปี โดยเฉพาะในช่วงอาณาจักรใหม่ (New Kingdom)

เมื่อคุณได้เดินเข้ามาที่นี่ ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะต้องตกตะลึงในความยิ่งใหญ่ของที่นี่ และอาจจะรู้สึกว่าตนเองได้ย้อนเวลากลับไปยุคนั้นไม่มากก็น้อยครับ

นอกเหนือจากตัวมหาวิหารแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือรูปแกะสลักของเทพเจ้าในตำนานอียิปต์ ซึ่งเต็มไปด้วยตัวอักษร Hieroglyphic สิ่งที่คุณเคยเห็นในหนังสือหรือสารคดีก็มาจากที่นี่นั่นแหละครับ ด้วยความใหญ่โต คุณอาจจะต้องใช้เวลา 3-4 ชั่วโมงถึงจะเดินได้ครบถ้วน

Karnak By Claudia Schillinger, Flickr, CC By ND 2.0

ในช่วงตอนกลางคืน Karnak ยังมีการแสดงแสงสีเสียงที่สวยมากๆ อีกด้วย แต่แน่นอนว่าคุณจะต้องซื้อตั๋วแยกออกไปครับ ซึ่งแพงกว่าเข้าชมตอนกลางวันเสียอีก

2. Luxor Temple

Luxor Temple เป็นมหาวิหารเก่าแก่จากยุคอียิปต์โบราณที่อุทิศให้กับเทพเจ้า Amun แต่ในเวลาต่อมา มหาวิหารถูกดัดแปลงหลายครั้ง ได้แก่เปลี่ยนเป็นวิหารที่บูชาเทพเจ้า Aten ในยุค Amana เปลี่ยนกลับเป็น Amun ในยุคต่อมาตามมาด้วยเปลี่ยนโบสถ์คริสต์ในสมัยโรมัน

สุดท้ายเมื่อชาวมุสลิมปกครองอียิปต์ก็ได้สร้างมัสยิดขึ้นภายในวิหารแห่งนี้ด้วย ปัจจุบันก็ยังมีชาวมุสลิมเดินทางมาทำกิจกรรมทางศาสนาที่นี่อยู่ครับ

Luxor Temple By Ad Meskens, CC BY-SA 3.0,

มหาวิหารแห่งนี้มีกลิ่นอายของวัฒนธรรมหลากหลายรูปแบบ ซึ่งน่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียวครับ

3. Luxor Museum

Luxor Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่คนรักอารยธรรมอียิปต์โบราณห้ามพลาด เพราะที่นี่จัดแสดงโบราณวัตถุและของมีค่าที่ได้มาจากการขุดค้นบริเวณเมืองลักซอร์ รวมไปถึง Valley of the Kings ซึ่งสุสานของฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณด้วย

รูปปั้นฟาโรห์ Thutmosis ที่ 3 ที่ Luxor Museum By Rüdiger Stehn, Flickr, CC By SA 2.0

นอกจากนี้ยังมีมัมมี่ที่เชื่อกันว่าเป็นของฟาโรห์ Ahmose I และ Ramses I ให้คุณได้ชม เพียงเท่านี้ก็ควรค่าต่อการไปชมอย่างยิ่งแล้วครับ

สำหรับใครที่สนใจเรื่องการทำมัมมี่โดยเฉพาะ ผมแนะนำให้ไปที่ Mummification Museum พิพิธภัณฑ์เล็กๆ อีกแห่งหนึ่งที่จะอธิบายการทำมัมมี่ของชาวอียิปต์โบราณให้คุณได้ทราบว่าทำอย่างไร ซึ่งจะมีให้คุณดูทั้งสัตว์และคนครับ

4. Valley of the Kings/Queens

Valley of the Kings เป็นสถานที่พำนักชั่วนิรันดร์ของฟาโรห์ที่เคยปกครองอียิปต์โบราณ บริเวณหุบเขาแห่งนี้มีสุสานฟาโรห์มากถึง 63 แห่ง โดยเฉพาะของฟาโรห์หนุ่มที่มีชื่อเสียงสุดๆ อย่างตุตันคามุน (Tutankhamun) ด้วยครับ ที่นี่จึงเป็นไฮไลท์ที่ใครก็ตามที่มาลักซอร์จะพลาดไม่ได้เลยทีเดียว

Valley of the Kings By Cattan2011, Flickr, CC By 2.0

ในปัจจุบันคุณสามารถเข้าไปชมด้านในของสุสานบางแห่งได้ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าช่วงที่คุณไป สุสานไหนกำลังเปิดอยู่ครับ หลายคนอาจจะกลัวคำสาป แต่ผมบอกเลยว่าไม่ต้องกังวลครับ เพราะนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาลมาที่นี่ทุกปีครับ

ด้านในสุสานของ Twosret และ Setnakhte, By Neithsabes, Wikipedia, Public Domain

ห่างออกไปไม่ไกลนักจาก Valley of the Kings คือ Valley of the Queens หรือสถานที่ฝังพระศพของเหล่าราชินีของฟาโรห์นั่นเอง ภายในหุบเขาแห่งนี้มีสุสานประมาณ 80 แห่ง แต่เปิดให้เข้าชมได้เพียง 4 แห่งเท่านั้น หนึ่งในนั้นของ Tomb of Queen Nefertari หรือสุสานของราชินี Nefertari มเหสีของฟาโรห์ Ramses ที่ 2 ครับ

สำหรับใครที่อยากจะชมสุสานเพิ่มเติมอีก คุณสามารถไปดูได้ที่ Tombs of the Nobles ซึ่งเป็นสุสานของชนชั้นสูงอียิปต์โบราณถึง 400 คน และมีภาพเขียนในสุสานที่สมบูรณ์มากๆ ครับ

5. Deir el-Bahari

วิหาร Deir el-Bahari เป็นที่รู้จักกันดีในนาม Queen Hatshepsut’s Temple วิหารเก่าแก่อายุ 3,500 ปีแห่งนี้สร้างขึ้นก่อนยุคของพระนาง Hatshepsut หรือฟาโรห์หญิงแห่งอียิปต์เสียอีก

แต่เนื่องจากส่วนที่แต่งเติมและอุทิศให้พระนางมีความโดดเด่นมากทั้งทางด้านความสวยงามและอลังการ ทำให้นักท่องเที่ยวมักเรียกว่าวิหารของราชินี Hatshepsut ครับ

Queen Hatshepsut’s Temple By ccarlstead, Flickr, CC By 2.0

ตัววิหารเหมือนกับว่าถูกแกะสลักเข้าไปในหน้าผาขนาดยักษ์ และภายในยังมีอนุสาวรีย์ งานแกะสลัก และจารึกขนาดใหญ่อีกเป็นจำนวนมากอีกด้วย ที่นี่จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอนุสรณ์ที่มีความเป็นมาจากอียิปต์โบราณที่ทรงคุณค่าที่สุดครับ

จุดสังเกตที่น่าสนใจคือ ภายในมหาวิหารคุณจะเห็นว่าบนงานแกะสลักต่างๆ ราชินี Hatshephut จะมีหนวด และสวมใส่เครื่องแต่งกายเหมือนกับฟาโรห์ นั่นเป็นหลักฐานแสดงว่าเธอเป็นฟาโรห์พระองค์หนึ่งนั่นเองครับ ซึ่งเราจะหาหลักฐานที่สมบูรณ์แบบนี้ได้ยากแล้ว เพราะฟาโรห์ Thutmose III ที่ครองราชย์สืบต่อได้สั่งให้ทำลายทิ้งเกือบทั้งหมดครับ

6. The Ramesseum

The Ramesseum เป็นมหาวิหารเทพเจ้า Amun ที่อุทิศให้กับฟาโรห์ Ramses II (มหาราช) และรัชสมัยของพระองค์ แม้ว่าส่วนของมหาวิหารกว่าครึ่งหนึ่งจะไม่เหลือรอดมาถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังหลงเหลือความยิ่งใหญ่ให้ชมอยู่มากครับ

Ramesseum ฺBy A rancid amoeba, Flickr, CC By SA 2.0

ด้านในมีจารึกที่ฟาโรห์ทรงทำสงครามกับพวก Hittites โดยในเฉพาะในยุทธการแห่ง Qadesh คุณจะเห็นภาพเขียนที่ฟาโรห์ทรงขับรถศึกเข้าปะทะกับข้าศึกศัตรูอย่างกล้าหาญ นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์ของพระองค์ขนาดใหญ่ที่สูงถึง 17.5 เมตรด้วย

7. Medinet Habu

Medinet Habu เป็นมหาวิหารเทพเจ้า Amun ที่อุทิศให้กับฟาโรห์ Ramses III ผู้พิชิตพวก Sea Peoples ที่มักจะรุกรานอียิปต์ในช่วงอาณาจักรใหม่ ในปัจจุบันเรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าพวก Sea Peoples คือชนเชื้อสายอะไรครับ

Medinet Habu By Merlin-UK, CC BY-SA 3.0,

ตัววิหารแห่งนี้จะเล็กกว่าที่ Ramesseum แต่สร้างด้วยโครงสร้างแบบเดียวกัน ภายในคุณจะเห็นรูปแกะสลักและจารึกมากมายที่แสดงถึงชัยชนะของฟาโรห์ Ramses III เหนือพวกกลุ่มดังกล่าว นอกจากจะทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้วที่นี่ยังสวยงามมากด้วย ไม่ว่าจะเสา ผนัง หรือเพดานที่แสดงให้เห็นถึงความประณีตของช่างฝีมือในยุคนั้นครับ

ด้านใน Medinet Habu By Steve F-E-Cameron, CC BY-SA 3.0,

8. Colossi of Memnon

Colossi of Memnon เป็นอนุสาวรีย์ยักษ์ที่ทำจากหินทรายสีเหลืองน้ำตาลของฟาโรห์ชื่อ Amenophis III แต่เมื่อพวกโรมันได้ปกครองเหล่านี้ พวกโรมันได้เรียกอนุสาวรีย์ทั้งสองนี้ว่าเป็นของ “Memnon” กษัตริย์แห่งเอธิโอเปียที่มาช่วยกรุงทรอยรบในสงครามชิงนาง และถูกอคิลลีสฆ่าตายกลางสมรภูมิครับ

ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงได้ชื่อเรียกใหม่ว่า “Colossi of Memnon” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Colossi of Memnon By MusikAnimal, CC BY-SA 4.0,

นอกจากนี้ยังมีตำนานโรมันเล่าว่า อนุสาวรีย์ตัวเหนือ (ตัวซ้ายในภาพด้านบน) ยังสามารถพูด และส่งเสียงดนตรีออกมาได้ด้วย และถ้าใครได้ยิน คุณจะโชคดีครับ ซึ่งน่าจะเป็นแค่ตำนาน เพราะว่าทุกวันนี้ก็ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนได้ยิน 55

9. Deir el-Medina

Deir el-Medina เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าช่างฝีมือที่ทำหน้าที่สร้างสุสานให้กับฟาโรห์และราชินีแห่งอียิปต์โบราณมายาวนานหลายร้อยปี จนกระทั่งถูกทิ้งร้างเมื่อการสร้างสุสานให้กับฟาโรห์ใน Valley of the Kings ถูกคุกคามอย่างมากโดยพวกโจรปล้นสุสานในช่วงปลายราชวงศ์ที่ 20 ครับ

Dier el-Medina By Olaf Tausch , CC BY 3.0,

ที่นี่เป็นหลักฐานที่แสดงถึงชีวิตความเป็นอยู่ คุณภาพชีวิต การทำงานของมนุษย์ที่เก่าแก่ที่สุดที่หลงเหลือรอดมาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆ ยังมีสุสานของเหล่าช่างฝีมือด้วย ภายในมีภาพเขียนแบบอียิปต์โบราณที่สวยงามและสมบูรณ์มากๆ รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้อันเก่าแก่มากมายด้วยครับ

ดบราณวัตถุในสุสานช่างฝีมือ By Jean-Pierre Dalbera /, CC BY 2.0,

สิ่งเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้นักประวัติศาสตร์เข้าใจว่า ชาวอียิปต์โบราณใช้ชีวิตอย่างไร อาทิเช่น เพาะปลูกอย่างไร เข้าห้องน้ำอย่างไร และรักษาความปลอดภัยอย่างไรด้วยครับ

10. Temple of Seti I

Temple of Seti I เป็นวิหารของเทพเจ้า Amun ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงรัชสมัยของฟาโรห์ Seti I ตัวมหาวิหารแห่งนี้น่าจะไม่เคยเสร็จสิ้นเหมือนกับมหาวิหารอื่นๆ แต่ก็ยังหลงเหลือโครงสร้าง จารึก และรูปแกะสลักให้คุณชมความยิ่งใหญ่ครับ

Temple of Seti I By Zanaq, Wikipedia, CC By SA 3.0

ไปเที่ยวลักซอร์ (Luxor) อย่างไรดี

คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวลักซอร์เองได้ ช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดของการไปเที่ยวลักซอร์ (Luxor) คือช่วงฤดูหนาวหรือ เดือนพฤศจิกายน-มีนาคม เพราะว่าอากาศจะไม่ร้อนเกินไป ช่วงที่ควรหลีกเลี่ยงคือช่วงกลางปี เพราะในช่วงนั้นลักซอร์จะร้อนมาก อาจจะร้อนได้ถึง 50 องศาได้ครับ

[sc name=”travelthai” ][/sc]

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!