Galapagos Islands หรือหมู่เกาะกาลาปากอส เป็นหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกในเรื่องของ “สัตว์” ที่นี่มีสัตว์มากมายที่ไม่สามารถพบได้ในส่วนอื่นของโลก ชาร์ลส์ ดาร์วินเองก็ได้ศึกษาชีวิตสัตว์เหล่านี้และให้กำเนิดทฤษฎีวิวัฒนาการ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของวิชาชีววิทยาที่เราเรียนอยู่ในทุกวันนี้ด้วย
ผมบอกได้เลยว่าหมู่เกาะกาลาปากอสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับต้นๆ ที่ทำให้คุณตื่นตาตื่นใจได้ไม่ยาก เพราะนอกจากสัตว์แล้ว เกาะแห่งนี้ยังมีธรรมชาติที่สวยงามมากๆ อีกด้วย
ในโพสนี้ผมจะอธิบายถึงข้อควรทราบเกี่ยวกับหมู่เกาะกาลาปากอส ให้ทุกคนได้ทราบเสียก่อน หลังจากนั้นจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จัก Galapagos Islands
หมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos Islands) เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแปซิฟิก โดยห่างจากแผ่นดินใหญ่ที่ใกล้ที่สุดมากถึง 1,000 กิโลเมตร ตัวหมู่เกาะประกอบด้วยเกาะ 18 แห่ง เกาะเล็ก 3 แห่ง และแท่งหินอีก 107 แห่ง ส่วนลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นหมู่เกาะภูเขาไฟครับ
ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีชนกลุ่มใดอาศัยที่หมู่เกาะแห่งนี้เป็นการถาวรมาก่อน เพราะยังไม่มีใครค้นพบน้ำจืดในหมู่เกาะแห่งนี้เลย (ในเวลาต่อมาถึงจะค้นพบ) พวกพ่อค้าสัตว์ชาวตะวันตกจึงใช้ที่นี่เป็นสถานที่ล่าสัตว์ครั้งคราวเพื่อนำไปขายเท่านั้น

จนกระทั่งในปี ค.ศ.1832 ประเทศเอกวาดอร์ได้ผนวกหมู่เกาะกาลาปากอสเป็นส่วนหนึ่งของประเทศของตน โดยในช่วงแรกรัฐบาลเอกวาดอร์ก็นำพวกนักโทษมาอยู่ที่นี่ก่อน หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยชาวบ้านและช่างฝีมือทั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง
ในปี ค.ศ.1835 นักชีววิทยาหนุ่ม ชาร์ลส์ ดาร์วิน (Charles Darwin) ได้เดินทางมายังหมู่เกาะแห่งนี้พร้อมกับเรือ HMS Beagle ของอังกฤษ เขาได้ตั้งข้อสังเกตถึงสัตว์ต่างๆ ในหมู่เกาะแห่งนี้ เช่นนกบางชนิดมีความแตกต่างกันในแต่ละเกาะรวมไปถึงบรรดาเต่าทั้งหลายด้วย
ดาร์วินได้รวบรวมข้อมูลเหล่านี้และได้พัฒนาขึ้นเป็นทฤษฎีวิวัฒนาการในเวลาต่อมา หนังสือและงานของดาร์วินอย่าง On the Origin of Species ได้ทำให้หมู่เกาะกาลาปากอส เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

ประเทศเอกวาดอร์ได้ประกาศให้ตัวหมู่เกาะเป็นอุทยานแห่งชาติในปี ค.ศ.1959 หลังจากนั้นการท่องเที่ยวในหมู่เกาะก็เริ่มเป็นที่นิยม ทำให้ชาวเอกวาดอร์อพยพไปอยู่ที่หมู่เกาะดังกล่าวมากขึ้น ในปัจจุบันหมู่เกาะจึงมีผู้อยู่อาศัยอย่างถาวรประมาณ 25,000 คนครับ
ในปัจจุบันเกาะ Galapagos ได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งดูสัตว์อันดับต้นๆของโลก ไม่ว่าจะเป็นสัตว์บกหรือสัตว์ทะเล ดังนั้นใครที่ชอบดูสัตว์ไม่ควรพลาดที่จะมาเยือนที่นี่สักครั้งหนึ่งเลยครับ
ถัดไปเราไปดูกันดีกว่าหมู่เกาะแห่งนี้มีที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง
1. San Cristobal Island
San Cristobal เป็นเกาะที่เป็นที่ตั้งของ Puerto Baquerizo Moreno เมืองหลวงของหมู่เกาะกาลาปากอส ภายในเกาะแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งได้แก่

La Loberia ชายหาดที่เต็มไปด้วยแมวน้ำและสิงโตทะเลกำลังนอนอาบแดดอยู่อย่างสบายใจ หรือบางตัวก็กำลังเล่นน้ำกับลูกของมัน นอกจากนี้ยังมีอิกัวน่า เต่ายักษ์ และสัตว์อื่นๆ ให้คุณได้ชมอีกด้วย

ถ้าคุณอยากจะเล่นกระดานโต้คลื่น ดำน้ำ หรือว่ายน้ำก็สามารถทำได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังอย่างเดียวคืออย่าเข้าไปใกล้พวกสัตว์ โดยเฉพาะสิงโตทะเล เพราะอาจจะเป็นอันตรายได้ครับ
จุดไฮไลท์ที่สวยงามของหมู่เกาะกาลาปากอสอีกแห่งหนึ่งอย่าง Kicker Rock ก็ตั้งอยู่ใกล้กับเกาะนี้ด้วย แท่งหินสูง 460 ฟุตกลางทะเลแห่งนี้เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ คุณสามารถลงว่ายน้ำหรือดำน้ำตื้นบริเวณนี้ได้อีกด้วยครับ แต่ต้องไปกับทัวร์นะครับ เพราะมันอยู่กลางทะเลนั่นแหละ
ถ้าคุณโชคดีจริงๆ คุณมีโอกาสเห็นฉลามกาลาปากอส (Galapagos Sharks) นับร้อยตัวว่ายเข้ามาใกล้คุณมากๆ อีกด้วย ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่จุดดำน้ำไม่กี่แห่งในโลกสามารถให้คุณได้ แต่เวลาดำน้ำต้องระวังนะครับ เพราะทะเลบริเวณนี้มีคลื่นลมรุนแรงครับ ถ้าดำน้ำหรือว่ายน้ำไม่แข็งจริงๆ การชมจากบนเรือน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

สถานที่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ Frigatebird Hill หรือภูเขาที่คุณสามารถปีนขึ้นไปชมวิวสวยๆ และชมนกนานาชนิดได้ครับ แต่ถ้าใครชอบชมนกจริงๆ ต้องไปที่ Punta Pitt ซึ่งเป็นเขตที่นกทะเลจำนวนมากสร้างรังอยู่ที่นี่

นอกเหนือจากสถานที่เหล่านี้แล้ว San Cristobal ยังมีหาดอีกหลายแห่งที่สวยงามและมีแมวน้ำและสิงโตทะเลให้ชมอย่างใกล้ชิด อาทิเช่น
- Playa Cerro Brujo
- Punta de Oliviana
- Punta Carola
- El Manglecito
- Puerto Grande
- Playa Mann
- Playa Ochoa

สำหรับใครที่ชอบดำน้ำลึก รายรอบเกาะแห่งนี้มีจุดดำน้ำที่น่าสนใจหลายแห่งซึ่งเต็มไปด้วยปะการังและสัตว์ทะเลมากมาย แต่ว่าการจะออกไปแน่นอนว่าต้องติดต่อกับทัวร์ครับ
2. Santa Cruz Island
Santa Cruz เป็นเกาะที่ใหญ่เป็นลำดับที่สองในหมู่เกาะ Galapagos ที่นี่เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการท่องเที่ยวของการที่นี่เลยก็ว่าได้ครับ เมืองใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่บนเกาะนี้คือ Puerto Ayora
สถานที่แรกที่น่าสนใจคือ Charles Darwin Research Station หรือศูนย์วิจัยที่เป็นสถานที่เพาะพันธุ์สัตว์ และให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของหมู่เกาะกาลาปากอส ที่นี่เป็นสถานที่ที่คุณสามารถชมเต่ายักษ์กาลาปากอส (Galapagos Tortoise) ได้อย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะมีจำนวนไม่มากเท่าที่อื่นก็ตามครับ

ถ้าอยากชมเต่ายักษ์จำนวนมากแบบใกล้ชิด เกาะ Santa Cruz มีสองจุดให้ชมครับ นั่นคือที่ Rancho Primicias และ El Chato Tortoise Reserve ซึ่งอยู่ติดกัน ทั้งสองแห่งจะให้คุณสำรวจเต่ายักษ์ที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติของมัน ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หาที่อื่นไม่ได้อีกแล้วครับ
ใกล้กับทั้งสองแห่งมี Lava Tunnels หรืออุโมงค์ที่เกิดขึ้นจากการไหลของลาวา ก่อให้เกิดภูมิประเทศที่หาชมได้ยากมากๆ ขึ้นมา คุณจะได้เดินผ่านอุโมงค์เหล่านี้และสัมผัสถึงความอัศจรรย์ของธรรมชาติครับ
อีกสถานที่ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงคือ Twin Craters ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่หลุมอุกกาบาตแต่อย่างใด แต่เป็นหลุมที่เกิดจากการยุบตัวของพื้นดินเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของชั้นภูเขาไฟ นอกจากความแปลกของธรรมชาติที่คุณสามารถชมได้แล้ว บริเวณนี้ยังมีนกอีกจำนวนมากให้คุณชมด้วยครับ
นอกจากนี้นักท่องเที่ยวหลายคนขนานนาม Tortuga Bay ที่เกาะ Santa Cruz ว่าเป็นสุดยอดไฮไลท์ของทริปเกาะกาลาปากอส เพราะที่นี่มีหาดทรายขาวสะอาดที่มีเต่าดำมาวางไข่ รวมไปถึงมีอิกัวนาน้ำ และ Sally lightfoot crab ปูสีสันฉูดฉาดสุดสวยที่พบเฉพาะที่ชายฝั่งของทวีปอเมริกาทั้งสองให้ชมด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ เกาะ Santa Cruz ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย อาทิเช่น
- Black Turtle Cove – ป่าโกงกางที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำ โดยเฉพาะเต่าทะเล
- Itabaca Channel – ทะเลแคบๆ ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเกาะ Santa Cruz และ Baltra
- Academy Bay – อ่าวยอดนิยมสำหรับการดูสิงโตทะเล และดำน้ำลึก ตัวอ่าวตั้งอยู่ใกล้กับ Charles Darwin Research Station

3. Isabela Island
Isabela Island เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos islands) บนเกาะมีเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่ชื่อ Puerto Villamil เกาะแห่งนี้มีธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้เกาะอื่นๆ ในหมู่เกาะเลยครับ
จุดแรกที่คนนิยมไปกันคือ Sierra Negra Volcano ภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่มีหลุมปล่องภูเขาไฟ (caldera) ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึงเกือบ 10 กิโลเมตรด้วยกัน ในปัจจุบันภูเขาไฟลูกนี้ยังไม่ดับนะครับ แม้ว่าจะไม่ปะทุมาตั้งแต่ปี ค.ศ.2005 แล้วก็ตาม นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเต่ายักษ์กาลาปากอสพันธุ์ที่หายากอาศัยอยู่ด้วยครับ

อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ คือ Flamingos Lake ซึ่งนอกจากจะมีนกฟลามิงโก้แล้วยังมีนกทะเลอีกเป็นจำนวนมากด้วยครับ ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีนกฟลามิงโก้มากที่สุดในหมู่เกาะกาลาปากอส

สิ่งที่น่าสนใจคือ เกาะแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ด้วย นั่นคือ Wall of Tears ซึ่งเป็นกำแพงที่พวกนักโทษถูกบังคับให้สร้างบนเกาะ Isabela เพื่อสร้างสถานที่คุมขังพวกนักโทษเอง ตลอดเวลาการสร้างสิบกว่าปีมีผู้เสียชีวิตนับพัน ทำให้ชาวเกาะกาลาปากอสมีเรื่องเล่าว่าวันดีคืนดีจะมีเสียงร้องไห้ดังออกมาจากกำแพงแห่งน้ำตาแห่งนี้ครับ

ถ้าใครยังไม่รู้สึกอิ่มกับการชมนกและสัตว์บกต่างๆ คุณสามารถไปชมได้ที่ Moreno Point, The Wetlands, Urbina Bay หรือ Tagus Cove แต่ถ้าอยากดูอิกัวนาต้องไปที่ Albemarle Point ครับ
สำหรับใครที่ชอบดำน้ำไม่ว่าจะดำน้ำตื้นหรือลึกก็ตาม เกาะ Isabela แห่งหมู่เกาะกาลาปากอสมีจุดดำน้ำระดับเทพที่เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นวาฬ ฉลาม เต่าทะเล นกเพนกวิน ปลากระเบน และปลาอื่นๆ เป็นจำนวนมาก จุดระดับท็อปได้แก่
- Elizabeth Bay
- Las Tintoreras – นอกจากจะเป็นจุดดำน้ำแล้ว ยังมีชายหาดที่เป็นจุดวางไข่ของอิกัวนาทะเลด้วย
- Los Tuneles
- Concha de Perla
- Vincente Roca Point
- Cowley Islet
- Cuatro Hermanos Islets (ดำใต้ถ้ำ)
- Roca Redonda
- Tortuga Islet
- Cape Marshall (เน้นสัตว์ทะเลตัวใหญ่ทุกประเภท มีฉลามหัวค้อนให้ชมด้วย)
สิ่งที่คุณควรทราบอย่างหนึ่งคือ ในการดำน้ำที่นี่บางจุด คุณต้องมีประสบการณ์การดำน้ำมากกว่าที่กำหนด (เช่น 50 ไดฟ์ขึ้นไป และต้องมีประสบการณ์ดำน้ำแบบพิเศษมาก่อน) ถึงจะดำได้ มิฉะนั้นทัวร์จะไม่ให้คุณดำครับ
ถ้าคุณไม่อยากดำน้ำ วิธีที่ชมสัตว์ที่ดีที่สุดคือการนั่งเรือเล็กหรือ Dinghy Ride ครับ

4. Fernandina Island
Fernandina Island เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ในหมู่เกาะกาลาปากอส และเป็นเกาะที่อายุน้อยที่สุดในโลกแห่งหนึ่งด้วย เกาะภูเขาไฟแห่งนี้นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังมีสัตว์มากมายที่ให้คุณชมด้วย ไม่ว่าจะเป็นอิกัวนา สิงโตทะเล นกนานาชนิด

คุณสามารถปีนภูเขาสีดำที่เกิดจากการไหลบ่าของลาวาได้ที่ Espinosa Point เช่นเดียวกับชมสัตว์นานาชนิดที่อาศัยอยู่ที่นี่ ส่วนใครที่ชอบดำน้ำตื้น สามารถเดินไปได้ที่ Mangle Point ซึ่งคุณจะได้ใกล้ชิดกับนกเพนกวินน่ารักๆ จำนวนมากครับ
ถ้าคุณมีประสบการณ์มากกว่า 40 ไดฟ์ได้ครับ คุณสามารถลงไปสัมผัสกับโลกใต้ทะเลที่ Cape Douglas ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กันได้
5. Santiago Island
Santiago Island เป็นอีกหนึ่งในเกาะยอดนิยมในหมู่เกาะกาลาปากอส ที่นี่เต็มไปด้วยสิงโตทะเลและนกนานาชนิดอย่างเช่นเหยี่ยวกาลาปากอส หรือนกอย่าง Darwin’s Finches ให้คุณได้พบเจอ เช่นเดียวกับจุดดำน้ำที่ยอดเยี่ยมอีกหลายแห่งครับ

จุดที่น่าสนใจแห่งแรกคือ James Bay (หรือ Port Egas) อ่าวที่เต็มไปด้วยสิงโตทะเล แมวน้ำ และนกนานาชนิด นอกจากนี้นอกอ่าวยังมีสัตว์ทะเลอย่างเช่นปลากระเบนและฉลามให้คุณได้ดำน้ำตื้นกับพวกมันด้วยครับ

ถ้าคุณสนใจภูมิประเทศแปลกๆ ที่เกิดจากภูเขาไฟต้องไปที่ Sullivan Bay อ่าวที่่ใกล้กับชั้นลาวาที่มีรูปร่างแปลกตา ซึ่งลักษณะภูมิประเทศแบบนี้จะพบได้ที่นี่และหมู่เกาะฮาวายเท่านั้นครับ อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ Chinese Hat ที่รูปร่างหน้าตาของยอดภูเขาเหมือนกับหมวกของชาวเอเชียตะวันออกครับ เหมือนไม่เหมือนดูเอาเองด้านล่าง

ในอดีตเกาะ Santiago เคยเป็นที่หลบภัยของพวกโจรสลัดอังกฤษที่มักปล้นเรือสินค้าของสเปนแล้วมาหลบที่นี่ชั่วคราว ที่อยู่อาศัยของพวกเขาอยู่ที่ Buccaneer Cove ซึ่งเป็นถ้ำบนเกาะแห่งนี้ คุณสามารถเข้าไปชมได้ครับ
สำหรับสายดำน้ำลึก ที่นี่มีจุดให้ดำเด่นๆ ของสองจุดได้แก่ Albany Islet และ Cousins Rocks ซึ่งมีสัตว์น้ำนานาชนิดให้ชม โดยเฉพาะพวกฉลามหัวค้อนครับ
6. Bartholomew Island
Bartholomew Island เป็นเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของ Pinnacle Rock หินขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะกาลาปากอส ดังนั้นคุณควรจะมาถ่ายรูปที่นี่สักครั้งหนึ่งครับ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีชั้นลาวาที่ดูน่าแปลกตาให้ชมด้วย

นอกจากนี้ โลกใต้ทะเลของเกาะนี้ยังสวยงามและอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้ที่อื่น คุณสามารถดำน้ำลึกเพื่อความชมความงามได้ด้วยเช่นกันครับ
7. Espanola Island
Espanola Island เป็นเกาะในหมู่เกาะกาลาปากอสที่มีหาดทรายสีขาว และมีน้ำทะเลที่ใสและสวยมาก ที่นี่จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่มาว่ายน้ำครับ โดยเฉพาะที่ Osborn Islet หรือ Gardner Bay

ที่ Gardner Bay มีความพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือที่นี่เป็นสถานที่หาคู่ของนก Albatross นับหมื่นตัว นอกจากนี้ยังมีสิงโตทะเลจำนวนมากนอนอยู่ด้วย ดังนั้นคุณจะได้ทั้งว่ายน้ำและชมสัตว์ไปในคราวเดียวกันครับ
อีกหนึ่งที่ควรค่าต่อการกล่าวถึงคือ Suarez Point ซึ่งเป็นจุดชมและถ่ายรูปนกของเกาะแห่งนี้ครับ ที่นี่มีทั้งนก Nazca boobies, albatross และ blue-footed boobies ให้คุณได้ชมครับ

8. Floreana Island
Floreana Island หรือ Santa Maria เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ใต้สุดของหมู่เกาะกาลาปากอส ในอดีตที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่พวกนักล่าวาฬใช้เป็นไปรษณีย์เพื่อติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก ปัจจุบันจุดดังกล่าวก็ยังอยู่ นั่นคือ Post Office Bay ซึ่งมีชายหาดที่สวยงามตั้งอยู่ครับ

สถานที่น่าสนใจอีกแห่งคือ บ่อน้ำจืดเก่าแก่ที่ผู้อยู่อาศัยยุคแรกๆ ใช้ดื่มประทังชีวิตหรือ Asilo de la Paz ครับ นอกจากนี้คุณสามารถเดินเทรคกิ้งเข้าไปในถ้ำที่นักสำรวจยุคแรกๆ ใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยเพื่อดูว่าพวกเขาใช้ชีวิตอย่างไร
สำหรับสายดูสัตว์ จุดที่น่าสนใจคือ Champion Islet ครับ จุดนี้จะเป็นเกาะเล็กๆ ห่างจาก Floreana เล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยสิงโตทะเล และปลาเล็กปลาน้อยจำนวนมาก นักท่องเที่ยวมักจะมาดำน้ำตื้นหรือล่องเรือเล็กชมสัตว์กันครับ
ถ้ายังไม่เบื่อกับนกฟลามิงโก้ สามารถไปชมกันต่อได้ที่ Cormorant Point ซึ่งเป็นสระน้ำที่มีนกดังกล่าวจำนวนมาก และยังมีหาดสีเขียวที่แปลกตาให้ชมด้วยครับ
ปิดท้ายด้วยการดำน้ำตื้น Devil’s Crown ใกล้กับเกาะ Floreana เป็นจุดดำน้ำตื้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของเกาะกาลาปากอส ถ้าบินมาถึงที่นี่แล้วไม่ค่อยพลาดลงดำน้ำที่นี่ครับ
9. สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ
นอกจาก 8 เกาะที่ผมได้แนะนำไปแล้ว หมู่เกาะกาลาปากอสยังมีจุดสวยๆ อีกหลายแห่งที่น่าไป อาทิเช่น
- Darwin Island – หนึ่งในจุดดำน้ำลึกที่ดีที่สุดในโลก ครบเครื่องทั้งปะการังและสัตว์น้ำ แถมยังมีภูเขาหินสวยๆ อย่าง Darwin’s Arch ด้วย แต่คุณไม่สามารถขึ้นไปบนเกาะได้ครับ
- Wolf Island – จุดดำน้ำสำหรับสายแข็งเรื่องการดำน้ำจริงๆ แม้ว่าคลื่นลมจะรุนแรง แต่ปลานับล้านทำให้นักดำน้ำตัดสินใจเสี่ยง!
- Pinzon Island
- Pinta Island
- Santa Fe Island
- Genovesa Island
- North Seymour Island
- South Plaza Island
- Rabida Island – เด่นสุดๆ เรื่องหาดทรายสีแดง
ไปเที่ยวหมู่เกาะกาลาปากอสอย่างไรดี?
คุณสามารถเที่ยวหมู่เกาะกาลาปากอส (Galapagos islands) ได้ตลอดทั้งปี เพราะว่าคลื่นลมบริเวณนี้ไม่ได้รุนแรงมากขนาดที่สร้างปัญหาต่อการท่องเที่ยวมากนัก แต่ช่วงที่ดีที่สุดคือ ช่วงเดือนธันวาคม-พฤษภาคมครับ เพราะน้ำจะไม่ขุ่น และคลื่นลมจะเบาที่สุด
อย่างไรก็ดี ด้วยความที่สถานที่ท่องเที่ยวในหมู่เกาะมีเยอะมากอย่างที่ได้เห็นไปแล้วด้านบน และตัวหมู่เกาะอยู่ห่างไกลจากประเทศไทยมาก ถ้าคุณจะไป ผมมองว่าควรให้เวลา 12 วัน หรือมากกว่านั้น เพราะกว่าจะบินไปถึงก็ใช้เวลา 2 วันแล้วครับ

ในการบินไปสู่หมู่เกาะกาลาปากอสที่เร็วที่สุดจะใช้เวลาอย่างน้อย 30 ชั่วโมงขึ้นไป และอาจจะต้องเปลี่ยนเครื่องบิน 2-3 ครั้ง และในการจอง คุณจะต้องจองหลายสายการบินควบคู่กันด้วย เพราะไม่มีสายการบินเดียวที่นำคุณจากกรุงเทพไปยังหมู่เกาะกาลาปากอสได้โดยตรง สายการบินที่น่าสนใจได้แก่
- KLM
- LATAM Airlines
- Air France
- Avianca
เมื่อคุณไปถึงหมู่เกาะกาลาปากอสแล้ว คุณสามารถจองทัวร์ท้องถิ่นได้ ซึ่งคุณสามารถปรับทริปให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้ครับ