The Faroe Islands หรือหมู่เกาะแฟโร เป็นเขตปกครองตนเองของประเทศเดนมาร์กที่ตั้งอยู่ระหว่างไอซ์แลนด์และนอร์เวย์ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ
คนไทยที่ติดตามกีฬาฟุตบอลน่าจะเคยได้ยินชื่อของหมู่เกาะแห่งนี้มาบ้าง เพราะว่าทีมฟุตบอลของหมู่เกาะแห่งนี้เคยมาแข่งฟุตบอลรอบคัดเลือกกับทีมชั้นนำของยุโรปอย่าง อังกฤษ ฝรั่งเศส หรือ สเปนแล้วโดยถลุงไม่ต่ำกว่า 6-7 ลูกอยู่บ่อยๆ
อย่างไรก็ดี ผมขอบอกเลยว่าหมู่เกาะแฟโรเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยมาก ถ้าคุณมาเที่ยวที่นี่ คุณจะได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติได้อย่างเต็มอิ่มเลยครับ นี่จึงเป็นสาเหตุให้ใน 1-2 ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวหมู่เกาะแฟโรมากขึ้นอย่างมาก
รู้จักหมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands)
หมู่เกาะแฟโร (Faroe Islands) ประกอบด้วยเกาะต่างๆ ทั้งหมด 18 เกาะ และตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ โดยห่างจากปลายสุดของสกอตแลนด์ขึ้นไปทางเหนือประมาณ 320 กิโลเมตร
นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1948 แม้ว่าหมู่เกาะแฟโรจะอยู่ในการปกครองของเดนมาร์กทางนิตินัย แต่ในพฤตินัยแล้วหมู่เกาะแฟโรเป็นดินแดนที่ปกครองตนเองเช่นเดียวกับเกาะที่ใหญ่กว่ามากอย่างกรีนแลนด์ เพราะชาวหมู่เกาะแห่งนี้มีวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และภาษาของตัวเอง ซึ่งต่างจากประเทศแม่อย่างเดนมาร์กอย่างชัดเจนครับ
ปัจจุบันเมืองหลวงของหมู่เกาะแฟโรอยู่ที่เมือง Tórshavn ซึ่งแปลว่า “ท่าเรือของเทพเจ้าธอร์” โดยมีประชากรประมาณ 20,000 คน เทียบกับประชากรทั้งหมดของหมู่เกาะที่ 50,000 คน
ภูมิประเทศของหมู่เกาะแห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นหน้าผาที่สูงชัน หุบเขา น้ำตก ทะเลสาบ แม่น้ำ ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงามหลายแห่งกำเนิดขึ้นมาจากสิ่งเหล่านี้ นอกจากนี้คุณยังสามารถมองเห็นแสงเหนือได้จากที่นี่ด้วยครับ
การเดินทางไปยังหมู่เกาะแฟโร
เริ่มแรกคุณจะต้องออกเดินทางไปยังเมืองใหญ่ๆ ของประเทศยุโรปก่อน ตัวเลือกที่น่าสนใจก็คือโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของประเทศแม่อย่างเดนมาร์ก หลังจากนั้นก็บินต่อไปยังหมู่เกาะแฟโรครับ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าจะใช้เวลานานพอสมควรจากประเทศไทย (20 ชั่วโมงหรือมากกว่า)
ถัดไปเราจะไปดูกันครับหมู่เกาะแฟโรมีสถานที่ไหนน่าไปเที่ยวชมบ้าง
1. Gásadalur
Gásadalur เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ทิศตะวันตกของ Vágar หนึ่งในเกาะในหมู่เกาะแฟโร รายรอบหมู่บ้านถูกโอบล้อมไปด้วยหุบเขาและมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ส่วนตัวหุบเขามีหญ้าสีเขียวปกคลุมโดยรอบ ทำให้ที่นี่เหมือนกับดินแดนในเทพนิยายนอร์ซเลยก็ว่าได้
ใกล้กับหมู่บ้านมีน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผา และไหลลงทะเลชื่อว่า Múlafossur จุดนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวมักเดินทางมาถ่ายรูปกัน และเป็นสัญลักษณ์ของหมู่เกาะแห่งนี้เลยก็ว่าได้ครับ
หมู่บ้านแห่งนี้เดินทางไปไม่ยาก เพราะตั้งอยู่ที่เกาะเดียวกับสนามบินเลยครับ
2. Sørvágsvatn
Sørvágsvatn เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะแฟโร และเป็นส่วนหนึ่งของเกาะ Vágar เมื่อคุณไปถึงทะเลสาบ คุณจะเห็นเหมือนกับว่าทะเลมีสองชั้น! แต่จริงๆแล้วเป็นภาพลวงตาครับ เพราะด้านบนเป็นทะเลสาบ ส่วนด้านล่างเป็นมหาสมุทรนั่นเอง
ชั้นหินที่ยื่นออกมาในรูปด้านบนมีชื่อว่า Trælanípa มันสูง 142 เมตรและเป็นจุดที่พวกไวกิ้งเคยผลักพวกทาสให้ตกลงจากภูเขาในสมัยโบราณครับ
ห่างออกไปจากทะเลสาบไม่ไกลคือ Bøsdalafossur waterfall หรือน้ำตกอันสวยงามที่ส่งกระแสน้ำลงไปสู่ท้องทะเลเบี้องล่าง จุดนี้สวยงามและเป็นที่นิยมมากในการเซลฟี่ทั้งหลาย
เนื่องจากบริเวณนี้ดูยิ่งใหญ่อลังการ ทำให้สายเซลฟี่ชอบมาถ่ายรูปผาดโผนลง instagram ถ้าคุณอยากจะทำก็ทำได้ครับ แต่ต้องระมัดระวังให้มาก เพราะตกลงไปนี่คือตายแทบจะ 100% ครับ
3. Mykines
Mykines เป็นเกาะขนาดเล็กในหมู่เกาะแฟโร และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับต้นๆ ด้วย สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาที่นี่คือ นกทะเลนานาชนิดครับ ที่นี่เป็นสถานที่หาคู่ของนกเหล่านี้จำนวนมาก โดยเฉพาะเจ้านก Puffin สุดน่ารักที่มีสีดำขาวและมีจะงอยปากสีแดงครับ
นักท่องเที่ยวมักจะเที่ยวเกาะแห่งนี้โดยการเดินไปยังประภาคารริมเกาะ เพราะจะได้เห็นวิวสวยๆ ของตัวเกาะโดยรอบ และได้เห็นนกจำนวนมากมายด้วยครับ
4. Saksun
Saksun เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Streymoy เกาะที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะแฟโร ไฮไลท์ของหมู่บ้านแห่งนี้คือ Saksun Church โบสถ์เก่าแก่ที่ถูกล้อมรอบด้วยขุนเขา ผืนใหญ่ และท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ที่นี่จึงเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมในการผ่อนคลายความเครียด พักผ่อนร่างกาย และสัมผัสกับธรรมชาติเบี้องหน้าครับ
สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป จุดนี้เป็นอีกจุดที่คุณไม่ควรพลาดครับ เพราะว่าสวยจริงๆ หลายคนยกให้ที่นี่เป็นจุดถ่ายรูปอันดับ 1 ของหมู่เกาะแฟโรเลยครับ
บริเวณหมู่บ้านยังมีฟยอร์ดสวยงามให้คุณได้ถ่ายรูปอีกด้วย สิ่งที่คุณต้องระวังระหว่างการเที่ยว Saksun มีอยู่อย่างเดียว นั่นคือระวังเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคลครับ
5. Tórshavn
Tórshavn เป็นเมืองหลวงของหมู่เกาะแฟโร และตั้งอยู่บนเกาะ Streymoy ประชากรประมาณร้อยละ 40 ของหมู่เกาะอาศัยอยู่ที่นี่ แต่เมืองแห่งนี้ก็สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ ในเกาะเลยครับ
จุดแรกที่น่าสนใจคือ Tinganes ย่านเมืองเก่าแก่ของ Tórshavn ซึ่งมีอายุหลายร้อยปี และยังเป็นสถานที่ตั้งรัฐสภาเป็นแห่งแรกๆ ของโลกอีกด้วยครับ อาคารต่างๆ ก็ยังมีสีสันฉูดฉาดและสวยงามเหมือนในอดีต
6. Vestmana Bird Cliffs
ห่างออกมาเมืองหลวงไม่ไกลนักคือ Vestmanna Bird Cliffs ภูผาสูงใหญ่ที่เป็นสถานที่อยู่อาศัยของนกนานาชนิด คุณจะได้นั่งเรือเล็กเข้าไปสำรวจบริเวณภูผาแห่งนี้ด้วยตัวของคุณเอง ความอลังการของภูเขาสูงเสียดฟ้าราบรอบคุณจะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณย้อนไปอยู่ในยุคครีเตเชียสเมื่อ 65 ล้านปีก่อนเลยทีเดียว
การนั่งเรือจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อทริป เพราะฉะนั้นคุณจะได้สัมผัสบรรยากาศอย่างเต็มอิ่มเลยครับ
7. Fossa Waterfall
นอกเหนือจาก Vestmanna Bird Cliffs แล้วอีกหนึ่งจุดที่คุณห้ามพลาดคือ Fossa Waterfall น้ำตกที่สูงถึง 140 เมตรซึ่งสูงที่สุดในบรรดาน้ำตก 18,000 แห่งบนหมู่เกาะแห่งนี้ ภาพจากมุมสูงอาจจะทำให้คุณคิดว่าน้ำตกไม่ใหญ่มากนัก
แต่จริงๆ แล้วตัวน้ำตกใหญ่ทีเดียว เพราะลาดลงมาถึง 4 ชั้นเลยทีเดียวครับ
8. Tindhólmur
Tindhólmur เป็นเกาะเล็กๆ ใกล้กับเกาะ Vagar ที่ปราศจากผู้คนอาศัยอยู่ ตัวเกาะมีภูเขาที่พุ่งสูงเสียดฟ้าราวกับมีดอันแหลมคม สันเขาของภูเขาแห่งนี้ชันมากอย่างที่ปรากฏในรูปด้านล่าง
นอกจากภูเขาอันสวยงามแล้ว อ่าวอันเวิ้งว้างใกล้กับเกาะแห่งนี้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดเยี่ยมที่สุดบนหมู่เกาะแฟโรเลยครับ
9. Kallur Lighthouse
Kallur Lighthouse เป็นประภาคารที่ตั้งอยู่บนเกาะ Kalsoy ภูผาอันสูงชันของบริเวณโดยรอบจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนกับว่าโลกแบน และคุณกำลังยืนอยู่บนขอบโลกเลยครับ
แต่คุณจะเดินมาถึงจุดนี้บอกได้เลยว่าไม่หมู เพราะคุณต้องปีนเขาขึ้นมา 1 ชั่วโมงครับ การเดินทางไปกับไกด์ผู้ชำนาญทางจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณครับ
10. Mikladalur
Mikladalur เป็นหมู่บ้านใหญ่ที่สุดบนเกาะ Kalsoy ที่นี่มีรูปปั้นสตรีเปลือยตั้งอยู่ริมทะเลตั้งอยู่ เธอผู้นี้เป็นพวก selkie หรือครึ่งคนครึ่งแมวน้ำ ตำนานพื้นบ้านเล่าว่าเธอได้แช่งสาปเหล่าชายฉกรรจ์ในเมืองที่เคยสังหารแมวน้ำให้ตายตกตามกันไปในท้องทะเลครับ
ธรรมชาติรายรอบรูปปั้นสวยงามมาก นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปกันที่นี่ครับ
11. Gjógv
Gjógv เป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บนเกาะ Eysturoy ของหมู่เกาะแฟโร และมีความสวยงามเป็นลำดับต้นๆ ของหมู่เกาะแห่งนี้ แต่ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ โตรกธารยาว 200 เมตรที่มีน้ำทะเลไหลเซาะอยู่ ทำให้เกิดเป็นท่าเรือตามธรรมชาติ จุดนี้เป็นอีกหนึ่งจุดยอดนิยมของสายเซลฟี่และช่างกล้องทั้งหลายครับ
บริเวณหมู่บ้าน Gjogv ก็สวยงามไม่แพ้กัน