“เฉิงตู” (Chengdu) เป็นเมืองเอกหรือเมืองหลวงของมณฑลเสฉวน (ซื่อชวน) มณฑลที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของจีน คนไทยบางคนน่าจะรู้จักเมืองนี้จากวรรณกรรมสามก๊ก เพราะที่นี่เป็นเมืองหลวงของแคว้นสู่ (จ๊กก๊ก) ของเล่าปี่
ในโพสนี้ ผมจะอธิบายข้อมูลของเมืองเฉิงตูก่อนคร่าวๆ (สามารถข้ามได้) หลังจากนั้นผมจะแนะนำว่าเฉิงตูมีสถานที่ไหนน่าเที่ยวบ้างครับ
แนะนำเฉิงตู (Chengdu)
เฉิงตูเป็นศูนย์กลางของดินแดนแถบนี้มานานแล้ว ตัวเมืองตั้งอยู่บริเวณทุ่งราบกลางหุบเขาที่อุดมสมบูรณ์ ในขณะที่มีภูเขาอันสูงใหญ่เป็นป้อมปราการคอยป้องกันศัตรูที่จะมาจากภายนอก
โบราณวัตถุที่ถูกค้นพบบริเวณนี้แสดงให้เราเห็นว่าบริเวณเมืองแห่งนี้มีผู้คนอยู่อาศัยตั้งแต่เมื่อ 4,000 ปีก่อน อย่างไรก็ตามกว่าเฉิงตูและบริเวณโดยรอบเริ่มมีบทบาทในประวัติศาสตร์จีนก็เข้าสมัยยุคจ้านกว๋อแล้ว แคว้นฉินได้พิชิตเฉิงตูและดินแดนสู่ได้ทั้งหมด และพัฒนาโครงการและระบบชลประทาน ทำให้เฉิงตูกลายเป็นแหล่งเพาะปลูกที่อุดมสมบูรณ์ แคว้นฉินจึงเข้มแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว และรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งได้ในที่สุด
หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ฉิน ฌ้อปาอ๋อง เซี่ยงอวี่ได้ยกเฉิงตูและดินแดนสู่ให้กับหลิวปังเพื่อเนรเทศศัตรูตัวฉกาจคนนี้ไปจากแผ่นดินจงหยวน แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร เพราะหลิวปังได้ใช้ทรัพยากรของดินแดนสู่สร้างฐานกำลังจนเข้มแข็ง และมีชัยเหนือเซี่ยงอวี่ได้ที่สุด หลิวปังจึงสถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้นปกครองแผ่นดินจีนนับตั้งแต่บัดนั้น
เฉิงตูสงบสุขอยู่นานหลายร้อยปี แต่สุดท้ายก็ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการชิงอำนาจอีกครั้งหนึ่ง เล่าปี่ (หลิวเป้ย) ได้ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ที่เฉิงตูในยุคสามก๊ก และสู้รบขับเคี่ยวกับอีกสองแคว้นเพื่อแย่งชิงแผ่นดิน แต่ผลสุดท้ายจ๊กก๊กของตระกูลเล่าก็พ่ายแพ้ต่อวุยก๊ก
นับตั้งแต่บัดนั้นถึงศตวรรษที่ 20 เฉิงตูมักจะเป็นที่มั่นสำคัญของผู้ที่คิดจะตั้งตัวเป็นใหญ่เสมอ และด้วยความที่มีชัยภูมิดี ทำให้ตัวเมืองมักถูกผนวกเป็นเมืองลำดับท้ายๆ อยู่ตลอด แม้แต่ในสงครามกลางเมืองจีนระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ และพรรคก๊กมินตั๋ง เฉิงตูก็เป็นเมืองสุดท้ายในจีนแผ่นดินใหญ่ที่เสียให้กับกองทัพคอมมิวนิสต์
ปัจจุบันเฉิงตูเป็นศูนย์กลางของการค้าขาย การเงิน การค้า วัฒนธรรม การขนส่ง การเดินทางในภาคตะวันตกของจีน โดยเฉพาะในช่วงหลังที่รัฐบาลจีนทุ่มงบในการสร้างทางรถไฟเชื่อมต่อเฉิงตูกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้เฉิงตูรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมากขึ้น และมีผู้อยู่อาศัยมากขึ้นด้วย ปัจจุบันท่าอากาศยานเฉิงตูมีผู้ใช้บริการอยู่ใน 30 อันดับแรกของโลกด้วยครับ
รัฐบาลจีนตั้งใจจะสร้างเฉิงตูให้เป็น “เมืองสวนสาธารณะ” ที่มีอากาศอันบริสุทธิ์ ควบคู่ไปกับคุณภาพชีวิตที่ดีเยี่ยม จีนจะทำสำเร็จหรือไม่ เราคงต้องรอดูต่อไปครับ
เราไปดูดีกว่าเฉิงตูมีสถานที่อะไรน่าไปเที่ยวบ้าง
1. Wuhou Temple
Wuhou Temple หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ศาลเจ้าสามก๊ก เป็นวัดที่อุทิศให้กับจูเก๋อเลี่ยง หรือ ขงเบ้ง ผู้สร้างความเจริญอย่างมากกับเมืองเฉิงตู ในปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุเกือบ 2,000 ปีแล้ว เพราะสร้างตั้งแต่ยุคราชวงศ์จิ้นเลยครับ
เมื่อคุณเดินเข้ามาในวัด คุณจะพบกับวัดของเล่าปี่ก่อน ตัววัดจะมีรูปปั้นของเล่าปี่ตั้งอยู่ตรงกลาง โดยรอบจะมีรูปปั้นของแม่ทัพจ๊กก๊กอย่างเช่นกวนอู เตียวหุยตั้งอยู่ครับ
ถ้าสังเกตดีๆ คุณจะไม่เห็นรูปปั้นของเล่าเสี้ยน บุตรของเล่าปี่ที่สืบบัลลังก์จ๊กก๊กต่อมาเลย สาเหตุก็เพราะชาวจีนเชื่อว่าเล่าเสี้ยนโง่เขลา เป็นทรราช ทำให้จ๊กก๊กเสียบ้านเสียเมือง แม้ว่าจริงๆ เล่าเสี้ยนอาจจะไม่ได้โง่ก็ตาม
หลังจากวัดของเล่าปี่ คุณจะเข้ามาถึงวัดของขงเบ้งซึ่งจะมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของขงเบ้งตั้งอยู่ตรงกลาง และโดยรอบจะมีรูปปั้นของลูกหลานของเขาตั้งอยู่ด้วยครับ ถ้าคุณสังเกตดูดีๆ วัดของขงเบ้งจะสร้างขึ้นบนพื้นที่ต่ำกว่าวัดของเล่าปี่เล็กน้อย เพราะเล่าปี่เป็นเจ้านายของขงเบ้งนั่นเองครับ
นอกจากนี้ทางด้านตะวันตกของวัดมีสุสานที่เชื่อกันว่าเป็นของเล่าปี่อยู่ด้วย ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าภายในสุสานมีร่างของเล่าปี่อยู่จริงหรือไม่
วิธีเดินทางไป Wuhou Temple (ศาลเจ้าสามก๊ก) ที่ง่ายที่สุด: นั่ง Metro Line 3 ลงสถานี Gaoshengqiao แล้วเดินตามถนน Wuhouci ไปอีก 3-5 นาทีครับ
ค่าเข้า: 50 หยวน
2. Thatched Cottage of Du Fu
Thatched Cottage of Du Fu หรือ ตู้ฝู่เฉ่าถางเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง ตู้ฝู่ กวีนามกระเดื่องในสมัยราชวงศ์ถัง และเป็นหนึ่งในกวีที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์จีนด้วย
กวีเอกตู้ฝู่เคยหนีมาปลูกกระท่อมเล็กๆ อยู่ที่เมืองเฉิงตูในช่วงที่มีกบฏอันลู่ซาน และได้ประพันธ์ผลงานที่ทรงคุณค่าถึงสองร้อยกว่าบทที่นี่ แต่ในปัจจุบันกระท่อมดังกล่าวได้ถูกทำลายไปแล้ว ชาวจีนในสมัยราชวงศ์หมิงจึงสร้างศาลและกระท่อมจำลองแบบที่ตู้ฝู่เคยอยู่ที่สถานที่เดิมเพื่อระลึกถึงตู้ฝู่และผลงานของเขา ทุกวันนี้มันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้นี่เองครับ
นอกจากนี้ภายในพิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงผลงานของตู้ฝู่ทุกรูปแบบ รวมไปถึงมีรูปปั้นของกวีจีนชื่อดังคนอื่นๆ อย่างเช่น หลี่ไป๋ด้วยครับ และยังมีสวนที่ร่มรื่นด้วย ด้านในสวนอากาศดีเพราะมีต้นไม้มากมายครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง Metro Line 4 ลง North Caotang Road Station และเดินต่อไปอีก 15 นาทีครับ
ค่าเข้า: 60 หยวน
3. Chengdu Panda Base
มณฑลเสฉวนมีศูนย์เพาะเลี้ยงและดูแลหมีแพนด้าหลายแห่ง แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ห่างจากเฉิงตูออกไปไกลทั้งสิ้น มีแต่ Chengdu Panda Base หรืออีกชื่อหนึ่ง Chengdu Research Base of Giant Panda Breeding เท่านั้นที่ตั้งอยู่ห่างจากเฉิงตูเพียง 10 กิโลเมตร ซึ่งคุณสามารถเดินทางไปได้ไม่ยากครับ
ภายในศูนย์คุณสามารถชมหมีแพนด้า หมีหายากที่พบได้เฉพาะในมณฑลเสฉวน ส่านซี และกานซูเท่านั้น และปัจจุบันประชากรของมันยังเหลือเพียง 2,000 ตัวด้วย การมาชมพวกมันจึงเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการมาเที่ยวเฉิงตูเลยครับ
ที่ศูนย์แห่งนี้มีหมีแพนด้าเกือบ 100 ตัว ทั้งตัวเต็มวัยและตัวอ่อนที่เพิ่งคลอดจากท้องแม่หมีแพนด้า ถ้าคุณชอบความน่ารักของหมีแพนด้าแล้วละก็ คุณจะชอบที่นี่อย่างมากเลยครับ เพราะคุณสามารถชมได้อย่างจุใจ
ในอดีตที่นี่เคยอนุญาตให้คุณนั่งถ่ายรูปใกล้กับหมีแพนด้า หรืออุ้มลูกหมีได้ด้วย แต่ในปัจจุบันยกเลิกไปแล้วครับ ไม่มีใครทราบว่ารัฐบาลจีนจะอนุญาตอีกครั้งหรือไม่
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง metro line 3 และลงสถานี Dong Wuyuan หลังจากนั้นออกจากทางออก B และขึ้นรถบัส 198 หรือ 198a และลงป้าย Xiongmao Jidi ซึ่งเป็นป้ายหน้าศูนย์แพนด้าเลยครับ
4. Kuanzhai Alley
Kuanzhai alley หรือ Wide and Narrow Alley เป็นย่านเมืองเก่าของเฉิงตูที่สถาปัตยกรรมต่างๆ เป็นแบบจีนโบราณ และยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ จริงๆ แล้วบริเวณแห่งนี้ประกอบด้วยซอยหลักๆ 3 ซอยได้แก่
- Kuan Alley (Wide Alley, ซอยกว้าง)
- Zhai Alley (Narrow Alley, ซอยแคบ)
- Jing Alley (Well Alley, ซอยดี ซอยรุ่งโรจน์)
ทั้งสามซอยมีที่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิง และเป็นย่านเดียวในเมืองที่ยังคงรูปลักษณ์เหมือนกับเมื่อสองร้อยปีก่อน ในปัจจุบันถนนแห่งนี้เป็นถนนคนเดินที่มีร้านค้าร้านอาหารมากมาย อย่าลืมลองชิมอาหารเสฉวนของแท้ที่ย่านนี้ครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง Metro สาย 2 ลงสถานี People’s Park และออกทางออก D1 หรือนั่ง Metro สาย 4 ลงสถานี Wide and Narrow Alley
5. Wenshu Monastery
Wenshu Monastery เป็นอารามในศาสนาพุทธที่อุทิศให้กับพระโพธิสัตว์มัญชุศรี (Manjushri) หนึ่งในพระโพธิสัตว์หลักที่เป็นที่นับถือของชาวพุทธจีน
ตัวอารามสร้างขึ้นในราชวงศ์ถัง ทำให้ปัจจุบันมันมีอายุมากกว่าหนึ่งพันปีแล้ว ซึ่งไฮไลท์ของอารามก็คือ โบราณวัตถุและผลงานศิลปะเก่าแก่มากกว่า 500 ชิ้นที่ถูกเก็บรักษาอยู่ที่นี่ นอกจากนี้ที่นี่ยังเก็บรักษา ส่วนกระโหลกศีรษะของพระสวนจาง หรือพระถังซำจั๋ง ผู้เดินทางไปอินเดียเพื่ออัญเชิญพระไตรปิฎกด้วยครับ
หลังจากเที่ยวชมวัดเสร็จแล้ว คุณสามารถเดินชมสวนอันร่มรื่น และจิบชาหอมๆ พร้อมกับฟังเพลงจีนโบราณไปด้วยครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง Metro สาย 1 และลงที่สถานี Wenshuyuan
6. Jinsha Site Museum
Jinsha Site Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นบนแหล่งโบราณคดี Jinsha ที่เพิ่งถูกค้นพบในปี ค.ศ.2001 นี้เอง แหล่งโบราณคดีแห่งนี้มีอายุประมาณ 3,000 ปี และมีโบราณวัตถุมากมายหลายพันชิ้นอยู่ในนั้นครับ
โบราณวัตถุส่วนใหญ่มาจากสมัยแคว้นสู่ในยุคชุนชิวจ้านกว๋อ (ก่อนที่แคว้นฉินจะผนวกแคว้นสู่) เชื่อหรือไม่ครับโบราณวัตถุที่นักโบราณคดีจีนพบเจอล้วนแต่เต็มไปด้วยของมีค่าอย่างเช่นงาช้าง ทองคำ และหยก ทำให้มีความเป็นไปได้สูงมากที่ในอดีต แคว้นสู่จะต้องเป็นแคว้นที่ร่ำรวยมากแคว้นหนึ่ง
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ภายในพิพิธภัณฑ์จะจัดแสดงว่าชีวิตคนที่นี่เมื่อสามพันปีก่อนเป็นอย่างไรด้วย ดังนั้นใครที่สนใจประวัติศาสตร์จีนไม่ควรพลาดเลยครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง Metro สาย 7 และลงสถานี Jinsha Site Museum และออกที่ทางออก C
ค่าเข้า: 80 หยวน
7. Jinli Street
Jinli Street เป็นถนนเก่าแก่มากที่มีอายุย้อนไปได้ถึงสมัยฉิน ในปัจจุบันถนนยังมีอาคารจีนแบบดั้งเดิมที่สวยงามหลายหลัง แม้ว่าแต่ละหลังจะไม่ใช่ของเดิมแล้วก็ตาม
นอกจากจะเป็นถนนคนเดินที่มีของกินอร่อยๆ มากมายแล้ว ถนนแห่งนี้ยังเป็นศูนย์กลางของการขายของเก่าด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดโบราณ แจกันเก่าๆ หรือจิตรกรรมพู่กัน ถ้าคุณชอบของเหล่านี้ สามารถมาซื้อได้ที่นี่ครับ
ในช่วงเทศกาลต่างๆอย่างเช่นเทศกาลตรุษจีนหรือโคมไฟ คุณสามารถเข้าร่วมกิจกรรมมากมายที่จัดขึ้นที่นี่ครับ
วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่งรถบัสสาย 1,57,82,334,335,1126 ลงสถานที่ Wuhou Temple
ข้อควรทราบ
นักท่องเที่ยวมักจะเดินทางออกไปเที่ยวนอกเมืองเฉิงตูด้วยอาทิเช่น ระบบจัดการน้ำตูเจียงเยี่ยน หรือเขตคุ้มครองสัตว์ป่าโว่หลง แต่สถานที่เหล่านี้อยู่ห่างไกลจากเฉิงตูมากกว่า 50 กิโลเมตร ผมจึงไม่ได้รวมอยู่ในโพสนี้ครับ
คุณสามารถรวมเฉิงตูเข้ากับสถานที่อื่นๆ ในมณฑลเสฉวนได้ อาทิเช่น จิ่วจ้ายโกว หวงหลง ซื่อกูเหนียงซาน หรือย่าติง ทั้งหมดนี้เป็นอุทยานที่สวยงามและเลื่องชื่อของเสฉวนและประเทศจีน ซึ่งผมแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณออกนอกเมืองไปเที่ยวอุทยานเหล่านี้ด้วยครับ
ไปเที่ยวเฉิงตูอย่างไรดี?
ในปัจจุบันมีสายการบินหลายสายที่บินตรงสู่เฉิงตู อย่างเช่น Low Cost อย่าง Thai AirAsia, Thai LionAir หรือ Full Service อย่างการบินไทยและ China Eastern ครับ
ตัวเมืองเฉิงตูถือว่าท่องเที่ยวเองได้สบาย และไม่ยากนัก แต่ถ้าคุณจะออกนอกเมือง นั่นจะเป็นความยากอีกระดับหนึ่งทันที เพราะคุณอาจจะต้องต่อรถไฟความเร็วสูง หรือ รถบัสอีกหลายต่อกว่าจะถึงที่หมายครับ
[sc name=”travelthai” ][/sc]