อยากลองชิม “อาหารอินเดีย” อร่อยๆ จะสั่งเมนูอะไรดีนะ?

หลายท่านน่าจะอยากลิ้มลองรสชาติอาหารดินแดนภารตะอยู่บ้าง แต่ประสบปัญหาคือ

ไม่รู้จะสั่งอะไรดี เพราะไม่รู้ว่าเมนูแต่ละอย่างคืออะไร

ในฐานะที่ชอบกินอาหารอินเดียมากคนหนึ่ง ผมจึงขอช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวในโพสนี้ครับ

แนะนำอาหารอินเดียคร่าวๆ

แก่นสำคัญของอาหารอินเดียจริงๆ แล้วไม่ต่างกับอาหารไทยมากนัก คนอินเดียมักจะกิน “แป้ง” กับ “แกง” เช่นเดียวกับคนไทยที่ชอบกินข้าวแกงทั่วไป

แต่ว่าคนอินเดียไม่ได้นิยมกิน “แป้ง” เฉพาะแค่ข้าว แต่ยังมีแป้งรูปแบบอื่นๆ ด้วย เช่น “นาน” (Naan) หรือ โรตี (Roti) ส่วนแกงก็แน่นอนว่ามีหลายแบบเช่นกัน ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค

ในเรื่องภูมิภาคนี้ ร้านอาหารอินเดียส่วนใหญ่ในกรุงเทพจะเป็นอาหารอินเดียเหนือสายปัญจาบ ในขณะที่มีไม่กี่ร้านเท่านั้นที่ขายอาหารอินเดียใต้ เมนูในโพสนี้จึงเป็นอาหารอินเดียเหนือเกือบทั้งหมดครับ

นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่เราจะต้องเลือกในร้านอาหารอินเดียคือ เราจะเลือกแบบมังสวิรัติ (Vegetarian) หรือแบบมีเนื้อสัตว์ (Non-Vegetarian) ซึ่งในส่วนนี้ก็แล้วแต่เราจะชอบครับ

เรามาดูดีกว่า ควรจะสั่งอาหารอินเดียเมนูไหนดี?

เมนูเรียกน้ำย่อย

Samosa

Samosa เป็นอาหารที่มีรูปทรงคล้ายกับกะหรี่ปั๊ปที่นำไปทอด ใส้ด้านในจะมีหลายแบบด้วยกันเช่น มันฝรั่งคลุกเครื่องเทศอินเดีย ถั่ว เนื้อสัตว์ ในการกินเมนูนี้มักจะกินคู่กับซอสและเครื่องจิ้ม (chutney) สูตรของอินเดีย

โดยทั่วไปแล้ว Samosa จะกินเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย แต่จะกินเป็นของว่างก็ได้เช่นเดียวกัน

จานหลักแบบถาดเดียวจบ

Thali

Thali แปลว่า “ถาด” ดังนั้นถ้าสั่ง Thali นั่นแปลว่าคุณได้สั่งอาหารชุดของร้านอาหารอินเดียครับ ซึ่งจะเสิร์ฟเป็นถาดจริงๆ

แต่ละถาดจะมี “แป้ง” อยู่ตรงกลางเช่น ข้าวบาสมาตี นาน หรือ โรตี และจะล้อมรอบด้วยแกงถ้วยเล็กๆหลากหลายรูปแบบด้วยกัน อาทิเช่น Chicken Tikka Masala หรือ Butter Chicken เป็นต้น หลายๆ ร้านจะเสิร์ฟของหวานมาด้วยในคราวเดียว ทำให้ถาดเดียวเอาอยู่เลยครับ

การเสิร์ฟอาหารลักษณะนี้จัดว่าเป็นแบบ perfect ในอาหารอินเดีย เพราะว่าผู้รับประทานจะได้รสชาติอาหารทั้ง 6 แบบได้แก่ เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ขม และแสบร้อน

สำหรับใครที่ไปร้านอาหารอินเดียคนเดียว แต่อยากจะลองชิมอาหารอินเดียหลายๆ อย่าง ผมแนะนำให้สั่งเมนูนี้ไปเลยครับ ได้ลองชิมแบบครบถ้วนบริบูรณ์แน่นอน

บางท่านอาจจะสงสัยว่า แกงถ้วยเล็กๆ แค่นี้จะอิ่มเหรอ คำตอบคืออิ่มนะครับ “นาน” หรือ “ข้าวบาสมาตี” นี่หนักท้องมากๆ กินไม่กี่แผ่นก็อิ่มแล้วครับ

จานหลักแบบไปหลายคน

Naan

Naan หรือ “นาน” นี่เป็นสิ่งที่ต้องสั่งทุกครั้งเวลาไปเยือนร้านอาหารอินเดียครับ มันเหมือนกับข้าวสวยในอาหารไทยเลยก็ว่าได้ ตัวแป้งนานจะหนากว่าโรตีทั่วไป ทำให้มันเหมาะกับการนำมาจุ่มแกงมากกว่า

อย่างไรก็ดีในร้านอาหารอินเดียจะมีนานหลายแบบให้เลือกมาก นานก็จะมีแบบทั่วไปคือแป้งอย่างเดียว กับแบบปรุงรส นานแบบปรุงรสที่ฮิตๆ ก็เช่น นานกระเทียม (Garlic Naan) ซึ่งจะมีความหอมของกระเทียมด้วย นานแบบชีส ชีสกระเทียม หรือใส่เครื่องเทศก็มีเช่นเดียวกัน ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปครับ

โดยทั่วไปแล้ว ผมแนะนำให้เลือกแบบปรุงรสนะครับ แม้ว่าจะแพงกว่าและแคลอรีสูงกว่าก็ตาม สาเหตุคือมันอร่อยกว่านานธรรมดาเยอะมากจริงๆ ครับ

แต่ไม่ว่าจะสั่งนานแบบใดมาก็ตาม ตัวนานต้องร้อนและไม่เหนียว ถ้านานไม่ร้อนหรือเหนียว รสชาติความอร่อยมันจะหายไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง นอกจากนี้มันก็ไม่ควรจะดำจนไหม้ด้วย ถ้านานไม่ได้คุณภาพ ผมแนะนำให้แจ้งร้านเพื่อขอเปลี่ยนครับ

เนื่องจากนานเป็นอาหารพื้นฐานทั่วไป คุณภาพของนานอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นตัวชี้ที่สำคัญเลยว่าร้านอาหารอินเดียร้านนี้อร่อยหรือไม่อร่อย เพราะถ้าร้านนั้นทำนานไม่อร่อย อาหารอย่างอื่นก็ยากที่จะอร่อยครับ

Biryani

Biryani คือข้าวหมกนั่นเอง ข้าวหมกแบบอินเดียมักจะใช้ข้าวบาสมาตีซึ่งจะเม็ดใหญ่กว่าข้าวหอมมะลิทั่วไปของไทย เนื้อสัตว์ทั่วไปที่ใช้ในข้าวหมกมีได้หลากหลายแบบ แต่ที่นิยมกันมากๆ คือ ข้าวหมกไก่ (Chicken Biryani) หรือ ข้าวหมกแพะ (Goat Biryani) บางร้านจะใส่ผักปนลงไปด้วย แต่บางที่จะเป็นข้าวหมกกับเนื้อสัตว์ล้วนๆ เลยครับ

คนอินเดียจะกิน Biryani เป็นอาหารจานหลัก เพราะฉะนั้นขนาดจานจะใหญ่มาก (ลองมากี่ร้านต่อกี่ร้านก็ใหญ่หมด) เรียกได้ว่าถ้าสั่งมากินคนเดียว จานเดียวอิ่มแปล้เลย ดังนั้นแนะนำว่าถ้าจะสั่ง ควรจะสั่งมาแบ่งกันกินหลายๆ คนครับ

โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าฝีมือของเชฟและคุณภาพวัตถุดิบมีผลมากต่อคุณภาพของ Biryani แม้มันจะดูเป็นอาหารง่ายๆ ก็ตาม

Biryani ที่อร่อย ตัวข้าวจะต้องไม่หยาบ ไม่ร่วน (แสดงให้เห็นว่าใช้ข้าวบาสมาตีคุณภาพสูง) ไม่แข็ง และควรจะมีกลิ่นหอมเครื่องเทศด้วย เนื้อสัตว์จะต้องนิ่มไม่เหนียว มีรสชาติกลมกล่อม ชวนให้กินต่อครับ อย่างไรก็ดี Biryani ของอินเดียมีนับสิบสูตร บางสูตรเผ็ดมาก บางสูตรออกหวาน ฯลฯ

จากที่ได้ลองมาหลายร้านในกรุงเทพ ผมพบว่าบางร้านที่รสชาติอร่อยนี่มันอร่อยจริงๆ ส่วนร้านที่ไม่อร่อยนี่ เรียกว่ากินไม่ได้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะเนื้อข้าวจะทั้งแข็งและกระด้างเป็นต้น

Tandoori Chicken

Tandoori Chicken หรือไก่ย่างทันดูรี เป็นอาหารอินเดียระดับไฮไลท์เลยก็ว่าได้ มันคือไก่หมักโยเกิร์ตและเครื่องเทศที่ย่างในเตาอบดินเหนียวที่เรียกว่า “Tandoor” สูตรแบบดั้งเดิมของเมนูนี้มาจากอาหารของรัฐปัญจาบครับ

ไก่ย่างชนิดนี้จะกินเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยก็ได้ หรือจะกินแบบจัดเต็มเป็น main course เลยก็ได้ ตัวไก่ควรจะหอมเครื่องเทศมากๆ และนุ่มครับ บางร้านจะเสิร์ฟเฉพาะเนื้อไก่อย่างเดียว ส่วนบางร้านจะมาพร้อมนานด้วย

Butter Chicken

Butter Chicken เป็นแกงแบบอินเดียที่กินง่ายครับ มันคือแกงไก่ที่มีส่วนผสมหลักเป็นมะเขือเทศ และเครื่องเทศที่ไม่มากนัก ตัวแกงมีความข้นที่มาจากเนย ทำให้รสสัมผัสจะเป็นแบบมันๆ ข้นๆ

เมนูนี้เหมาะสำหรับท่านที่ไม่กินเผ็ด เพราะมันไม่เผ็ดเท่าไรนัก เครื่องเทศจะไม่ฉุนด้วย รสชาติจะออกไปทางเปรี้ยว เค็ม และเผ็ด แตไม่ควรจะหวานนะครับ เวลากินนำนานมาจิ้ม จะได้รสชาติที่กลมกล่อมครับ

Chicken Tikka Masala

Chicken Tikka Masala จริงๆ แล้วจะบอกว่าเป็นอาหารอินเดียก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะแกงชนิดนี้ถือกำเนิดขึ้นในอังกฤษ โดยชาวอินเดียหรือบังกลาเทศที่นั่นเป็นผู้คิดสูตรขึ้นมา

แม้จะไม่ใช่อาหารอินเดียแบบแท้ๆ แต่ความนิยมของแกงชนิดนี้ก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นหนึ่งในเมนูอาหารอินเดียที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกตะวันตก

ตัวแกงจะนำ “Chicken Tikka” หรือ ไก่ย่างทันดูรีแบบไม่มีกระดูกมาทำเป็นแกงที่ใส่เครื่องเทศอย่าง Masala ลงไป ตัวแกงจะออกข้นๆ และมีสีส้มๆ เวลากินเมนูนี้จะรู้สึกว่ามันกลมกล่อมด้วยตัวของมันเอง เครื่องเทศที่ใส่จะไม่แรงเกินไป ความเผ็ดเองก็ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไรนัก ทำให้มันเป็นแกงอินเดียที่กินง่ายอีกเมนูหนึ่งครับ

อย่างไรก็ดีเมนูนี้ไม่มีสูตรที่เรียกว่าตายตัว ทำให้ร้านต่างๆ มีสูตรของตัวเอง ดังนั้นหน้าตาของ Chicken Tikka Masala ของแต่ละร้านอาจจะไม่เหมือนกันเลยก็ได้ เวลากินก็กินพร้อมกับนานหรือข้าวเหมือนแกงชนิดอื่นๆ ครับ

Vindaloo

Vindaloo เป็นแกงเผ็ด เพราะฉะนั้นแกงชนิดนี้จะต้องเผ็ด! และมีเครื่องเทศเยอะๆ ใครที่ชอบเครื่องเทศและความเผ็ด แกงนี้ควรสั่งแน่นอนครับ แต่ถ้าไม่ชอบ แนะนำให้หลีกเลี่ยง

เมนูนี้คือเมนูระดับ Signature Dish ของอาหารอินเดียสไตล์กัว (Goa) ที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารโปรตุเกสครับ เพราะกัวเคยเป็นอาณานิคมของโปรตุเกสมาหลายร้อยปีนั่นเอง

เนื้อสัตว์ที่ใส่ในแกงตามสูตรดั้งเดิมควรจะเป็นหมู แต่อาจจะเป็นไก่ กุ้ง หรือ แพะได้เหมือนกัน สีของแกงจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือ น้ำตาลอมแดง คล้ายๆ กับแกงเผ็ดของไทย

ในการกิน Vindaloo สามารถกินคู่กับนาน หรือ ข้าวก็ได้ แต่ผมชอบกินคู่กับนานมากกว่า ในส่วนนี้ก็แล้วแต่ชอบเลยครับ

Palak Paneer

เราได้กล่าวถึงอาหารอินเดียแบบมีเนื้อสัตว์กันไปเยอะแล้ว เราลองมาดูเมนูมังสวิรัติกันบ้าง

Palak Paneer เป็นแกงที่มีชีสแบบอินเดียหรือ Paneer สีขาว ลอยอยู่ในแกงผักโขมที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศหลายอย่าง ตัวแกงไม่เผ็ดเท่าไรนัก ทำให้บางที่กินมันเป็นซุป แต่เราสามารถกินเป็นแกงทั่วไปก็ได้ โดยกินคู่กับนานตามปกติครับ

ของหวาน

ของหวานอินเดียอันดับหนึ่งแน่นอนว่าคือ กุหลาบจามุน (Gulab Jamun) ซึ่งเป็นแป้งทอดรูปทรงกลม และชุบในน้ำเชื่อมอีกทีหนึ่ง กุหลาบจามุนที่อร่อยจะต้องมีความหอม และกลมกล่อม ข้อเสียของขนมชนิดนี้คือ มันหวานมาก (ตั้งแต่กินมายังไม่เคยเจอร้านไหนทำแบบหวานน้อย) และมีแคลอรีสูงมาก เพื่อสุขภาพแล้วควรกินแต่น้อยครับ

สำหรับของหวานอื่นๆ ที่น่าสนใจ สามารถอ่านได้ที่บทความแยก “18 ขนมหวานอินเดียน่าลิ้มลอง” ครับ

ร้านอาหารอินเดียที่น่าสนใจ

รายชื่อร้านต่อไปคือร้านอาหารอินเดียที่น่าสนใจและอยู่ในกรุงเทพนะครับ ผมได้แบ่งเป็นแบบหรู (เชิงภัตตาคาร) และแบบทั่วไป แบบภัตตาคารจะมีอาหารบางอย่างที่ทำยาก หากินยาก ซึ่งร้านทั่วไปไม่มีครับ

แบบหรู

• Punjab Grill, สุขุมวิท 13
• Rang Mahal, โรงแรม Rembrandt, สุขุมวิท 18
• Indus, สุขุมวิท 26
• Indian Hut, สุรวงศ์
• Amritsr, สุขุมวิท 11

แบบทั่วไป

• India Today, สุขุมวิท 8
• Royal India, พาหุรัด
• Tony’s Restaurant, พาหุรัด

แต่ถ้าอยากอ่านแบบละเอียด สามารถไปอ่านที่บทความ “สุดยอดร้านอาหารอินเดียในกรุงเทพ” ที่ผมเขียนไว้แล้วได้ครับ