ประวัติศาสตร์หวางหมั่ง กบฏล้มราชวงศ์ นักสังคมนิยมคนแรกของโลก? ตอนจบ

หวางหมั่ง กบฏล้มราชวงศ์ นักสังคมนิยมคนแรกของโลก? ตอนจบ

ในตอนที่แล้ว หวางหมั่งได้ทำการกุมอำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จ เขาได้สั่งการให้บริวารกวาดล้างสกุลหลิว อันเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่นทั้งหมด เชื้อพระวงศ์ฮั่นจึงถูกสังหารไปจำนวนมาก แต่ยังมีมากมายที่หนีรอดไปได้เช่นเดียวกัน

ขึ้นเป็นฮ่องเต้

หลังจากที่หวางหมั่งสังหารเชื้อพระวงศ์ฮั่นแล้ว เขาได้แต่งตั้งให้หลิวยิง ทารกน้อยวัย 1 ขวบ เป็นฮ่องเต้ เพื่อที่จะสำรวจท่าทีของพวกเจ้าในราชวงศ์ฮั่นที่มีกำลังทหารในครอบครองเสียก่อน

เจ้าในราชวงศ์ฮั่นบางคนเห็นหวางหมั่งปลงพระชนม์ฮั่นผิงตี้ พวกเขาจึงก่อกบฏแต่หวางหมั่งก็ปราบได้สิ้น ในปี ค.ศ.9 หวางหมั่งเห็นว่าอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือตนแล้ว เขาจึงแสร้งให้คนของเขาทำคำทำนายปลอมขึ้นมาว่า หลิวปัง หรือ ฮั่นเกาจู่ ปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์ฮั่นได้มีคำทำนายลับว่าให้มอบบัลลังก์ให้กับ หวางหมั่ง และขอให้พสกนิกรทุกคนยอมรับในมติสวรรค์

ด้วยเหตุนี้หวางหมั่งจึงได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ ราชวงศ์ของเขาชื่อว่าราชวงศ์ซิน ราชวงศ์ฮั่นจึงถือว่าสิ้นสุดลงไป

ราชวงศ์ซิน By SS – Own work, CC BY-SA 4.0

หวางไทหวงไทเฮาได้ทราบว่าหวางหมั่งขึ้นเป็นฮ่องเต้ พระนางก็โกรธมากที่หวางหมั่งหลอกใช้พระนางเพื่อความมักใหญ่ใฝ่สูงของตนเอง พระนางปฏิเสธตำแหน่งใหม่ที่หวางหมั่งจะถวายให้กับพระนาง หวางหมั่งไม่มีทางเลือกเขาจึงให้หวางไทหวงไทเฮาดำรงตำแหน่งเดิม แต่เพิ่มตำแหน่งใหม่ชื่อ “เหวินหมู่” ให้กับพระนาง

พระนางทรงไม่เคยยอมรับราชวงศ์ใหม่ของหวางหมั่ง พระนางยังโปรดให้นางกำนัลของนางให้ศักราชและปฏิทินแบบฮั่นตามเดิม และสวมใส่ชุดของราชวงศ์ฮั่นตามเดิม หวางไทหวงไทเฮาไม่เคยอภัยให้หวางหมั่งจนกระทั่งพระนางสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ.13

นโยบายสังคมนิยม?

หวางหมั่งได้ดำเนินนโยบายต่อจากนโยบายแจกบำนาญที่เขาได้เคยทำไว้แล้ว ในครั้งนี้หวางหมั่งได้ประกาศว่าที่ดินทั้งหมดในอาณาจักรฮั่นอยู่ภายใต้การครอบครองของราชสำนักในทางกฎหมาย แต่ในทางปฏิบัติราษฎรยังคงครอบครองที่ดินเดิมของตนต่อไปได้

หากแต่ว่าราษฎรในอาณาจักรไม่ว่าจะเป็นชนชั้นสูงหรือชนชั้นล่างต่างถูกห้ามไม่ให้ขายที่ดินให้กับผู้ใด แต่ถ้าใครมีที่ดินมากกว่าที่กำหนด คนผู้นั้นจะต้องแจกจ่ายให้กับพี่น้อง เพื่อนบ้าน หรือ ราษฎรคนอื่นในหมู่บ้านเดียวกัน

ขณะเดียวกันหวางหมั่งก็ได้ออกภาษีชนิดใหม่ขึ้นมา ภาษีนี้จะเก็บกับเจ้าของที่ดินถ้าเขาไม่ใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์ ชาวเมืองที่ไม่ปลูกต้นไม้ไว้ในบริเวณบ้าน หรือ ราษฎรคนใดก็ตามที่เกียจคร้านให้ทำงาน ใครที่ไม่ยอมจ่ายเงินจะต้องถูกเกณฑ์ไปใช้แรงงานให้กับราชสำนัก

นโยบายของหวางหมั่งจึงเป็นความพยายามในการปฏิรูปที่ดินครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์จีนเลยก็ได้

หวางหมั่งยังสั่งให้ยกเลิกระบบทาสออกไปจากสังคมจีน และตั้งองค์กรพิเศษเพื่อควบคุมดูแลราคาสินค้า กล่าวคือองค์กรนี้จะทำการซื้อสินค้าที่ล้นตลาดมาเก็บไว้ และนำมาขายเวลาที่สินค้าราคาขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาสินค้าไม่ต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป นอกจากนี้องค์กรนี้ยังมีหน้าที่ให้กู้ยืมเงินแก่พ่อค้าทั้งหลายอีกด้วย

นอกจากนี้หวางหมั่งยังได้เริ่มต้นการเก็บภาษีเงินได้ขึ้นในร้อยละ 10 รวมไปถึงประกาศว่ารัฐบาลมีสิทธิ์ผูกขาดในธุรกิจเหล้า เกลือ เหรียญกษาปณ์ ป่าไม้ และประมง

นโยบายของหวางหมั่งจึงมีหลายอย่างคล้ายกับนโยบายสังคมนิยมในอีกเกือบสองพันปีต่อมา โดยเฉพาะในเรื่องการปฏิรูปที่ดินและการผูกขาดของรัฐบาล

แต่ท้ายที่สุดแล้วหวางหมั่งต้องยอมยกเลิกนโยบายดังกล่าวหลังจะนำมาใช้แค่ 3 ปีเท่านั้น เพราะสาเหตุอะไรกันแน่?

เรื่องมีอยู่ว่า หวางหมั่งไม่กล้าที่จะมอบหน้าที่สำคัญๆ ให้กับขุนนางคนใด เพราะเขาเกรงว่าผู้นั้นจะมีอำนาจมากเกินไปเหมือนกับที่เขาเคยเป็นมา หวางหมั่งจึงต้องตัดสินใจด้วยตนเองหมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กเรื่องน้อย นั่นทำให้มีฏีกาจำนวนมากยังไม่ได้รับการตัดสินใจ ปัญหาหลายอย่างถูกดองไว้โดยไม่ได้มีการแก้ไข มันจึงยิ่งลุกลามมากขึ้นทุกวัน

ในเรื่องสำคัญที่หวางหมั่งละเลยคือ เรื่องเงินเดือนของข้าราชการ หวางหมั่งพยายามจะปรับปรุงระบบเงินเดือนของข้าราชการใหม่ เขาจึงสั่งให้ยกเลิกระบบเดิม แต่ก็ยังไม่ได้นำระบบใหม่เข้ามาใช้ ดังนั้นข้าราชการและขุนนางจึงไม่มีเงินเดือน ผลที่ตามมาคือพวกเขาจึงคอรัปชั่นกันอย่างมหาศาล ทำให้เหล่าประชาชนเดือดร้อน พวกเขาจึงต่อต้านนโยบายต่างๆ ทุกอย่างของหวางหมั่งตามไปด้วย

เมื่อประสบกับการต่อต้านอย่างหนักหน่วง หวางหมั่งจึงต้องยอมล้มเลิกนโยบายสำคัญอย่างนโยบายปฏิรูปที่ดินและการเลิกทาสเสียเพื่อลดแรงต่อต้าน

หายนะ

หวางหมั่งพยายามปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไปด้วยการยกเลิกเหรียญที่ใช้มากันตั้งแต่สมัยฮั่น และออกเหรียญใหม่ที่มีมากถึง 28 แบบมาให้กับประชาชนใช้ ด้วยความที่เหรียญพวกนี้มีมากถึง 28 แบบ ประชาชนเลยจำไม่ได้ว่าเหรียญไหนเป็นเหรียญไหน และยังไม่สามารถแยกเหรียญจริงออกจากเหรียญปลอมได้ ในเวลาไม่นานเศรษฐกิจในอาณาจักรก็หยุดชะงักเพราะว่าไม่มีใครกล้าใช้เงิน

เหรียญสมัยราชวงศ์ซิน By Inhorw – personal collection, CC BY-SA 3.0,

ด้วยเหตุนี้หวางหมั่งจึงต้องยกเลิกนโยบายของตนเองอีกครั้งหนึ่ง โดยเปลี่ยนลดชนิดเหรียญเหลือแค่ 2 เหรียญ แต่ชาวบ้านทั่วไปก็หมดศรัทธาในตัวราชสำนักไปเรียบร้อยแล้ว พวกเขาหันไปใช้เหรียญฮั่นตามเดิม ถึงแม้ว่าจะได้รับโทษหนักถ้าเจ้าหน้าที่ทราบก็ตาม

ช่วงเวลานั้นเองภัยพิบัติก็เริ่มเกิดขึ้นในอาณาจักรของหวางหมั่ง เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่แม่น้ำเหลือง ในดินแดนทางภาคใต้ก็เริ่มแห้งแล้งอย่างหนัก ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมากมาย หวางหมั่งเองก็จัดการกับสถานการณ์ไม่ดีพอ ทำให้เกิดกลุ่มกบฏขึ้นต่อต้านราชสำนักขึ้นทั่วทั้งแผ่นดิน

ในเริ่มแรกหวางหมั่งคิดว่าเป็นการกบฏเล็กๆ ไม่สำคัญอะไร แต่ในเวลาไม่นานการกบฏก็เริ่มแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว หวางหมั่งคิดจะจัดการก็ไม่ง่ายเสียแล้ว

หลิวซิ่ว

หนึ่งในผู้นำฝ่ายกบฏที่สำคัญคือ หลิวซิ่ว เขาเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่น เขาเป็นหลานรุ่นที่ 6 ของฮั่นจิงตี้ ฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฮั่น หลิวซิ่วรอดชีวิตจากการกวาดล้างของหวางหมั่งมาได้ และใช้ชีวิตเป็นชาวนากับหลิวหย่านผู้เป็นพี่ชาย หลิวซิ่วเป็นคนไม่ค่อยทะเยอทะยาน เขาพึงพอใจกับชีวิตชาวนาของเขาอยู่แล้ว แต่พี่ชายของเขากลับมีความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น

เมื่อเกิดการกบฏทั่วทั้งแผ่นดินในปี ค.ศ.22 หลิวซิ่วก็ได้ตามหลิวหย่านเป็นกบฏด้วย ทั้งสองสามารถเอาชนะกองทัพของหวางหมั่งที่ส่งมาปราบปรามได้หลายครั้ง ทำให้รวบรวมผู้คนและทหารได้เป็นจำนวนมาก พวกกบฏได้สถาปนาหลิวซวน ผู้นำการกบฏที่มีเชื้อสายราชวงศ์ฮั่นเช่นเดียวกันเป็นฮ่องเต้ หลิวหย่านเป็นอัครมหาเสนาบดี ส่วนหลิวซิ่วได้เป็นแม่ทัพ

ฝ่ายหวางหมั่งเห็นพวกกบฏรวมตัวกันตั้งรัฐบาลของตนเองก็เห็นว่าจะปล่อยไว้อีกไม่ได้แล้ว เขาจึงสั่งให้หวางซวิน อัครมหาเสนาบดียกกองทัพใหญ่ 430,000 คนยกไปตีกลุ่มกบฏของหลิวซิ่วที่คุนหยางทันที

กองทัพใหญ่ฝ่ายซิน (ราชวงศ์ของหวางหมั่ง) มาถึงคุนหยาง ทหารซินมีจำนวนมากกว่าฝ่ายกบฏหลายเท่า หลิวซิ่วสั่งให้พวกกบฏจำนวนหนึ่งรักษาเมืองไว้ให้ดี ส่วนตนเองรีบไปขอกำลังเสริมจากภายนอกมาช่วยเหลือเมืองคุนหยาง

หลิวซิ่วฝ่าวงล้อมกองทัพศัตรูออกไปได้สำเร็จ เขารวบรวมกำลังกบฏมาเสริมและเริ่มรบกวนกองทัพซินจากภายนอก หวางซวินรู้สึกรำคาญ เขาจึงนำกำลังส่วนหนึ่งออกมาโจมตีหลิวซิ่ว แต่สุดท้ายเขากลับถูกหลิวซิ่วสังหาร หลิวซิ่วจึงสั่งให้กองทัพระดมตีทุกด้าน กองทัพกบฏที่อยู่ในเมืองก็โจมตีออกมาด้วย

กองทัพซินที่มีมากกว่ามากกลับสูญเสียแม่ทัพและถูกตีกระหนาบ เหล่าทหารเองก็ไม่ต้องการจะรบอยู่แล้วเพราะถูกเกณฑ์มา พวกเขาจึงแตกหนีไปคนละทิศละทาง ทหารซินไม่ได้ถูกสังหารล้มตายมากมายอะไร แต่ส่วนมากแตกกระจัดกระจายไปทั้งหมด มีทหารไม่กี่พันคนเท่านั้นที่แตกหนีไปถึงเมืองหลวงได้

หวางหมั่งสิ้นชื่อ

เมื่อสิ้นกองทัพขนาดใหญ่ ประชาชนจำนวนมากจึงเปิดเมืองยอมจำนนต่อพวกกบฏ ฝ่ายกบฏจึงรุกเข้าใกล้ฉางอาน เมืองหลวงของราชวงศ์ซินที่หวางหมั่งอยู่เข้ามาทุกที

หวางหมั่งพยายามต่อสู้แต่ก็ไม่เป็นผล เขาสิ้นชีวิตระหว่างการต่อสู้กับพวกกบฏที่เข้ามาในพระราชวังของเขา ร่างของเขาถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ ศีรษะของเขาถูกตัดออกจากร่างและนำไปแขวนไว้บนกำแพงเมือง ต่อมาศีรษะของเขาถูกเก็บไว้ในพระคลังหลวง จนกระทั่งมันถูกทำลายในสมัยราชวงศ์จิ้น

ตั้งแต่บัดนั้นมา หวางหมั่งจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของขุนนางที่มักใหญ่ใฝ่สูงที่แย่งชิงบัลลังก์ของฮ่องเต้ แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกันว่าเขาเคยมีความพยายามที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจและการปกครอง ถึงแม้ว่าจะลงเอยด้วยความล้มเหลวก็ตาม

แผ่นดินทั้งหมดถูกรวบรวมได้โดยหลิวซิ่ว เขาได้สถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้นมาใหม่ในนามราชวงศ์ฮั่นตะวันออก

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!