ทุกวันนี้การทำ Video และ Vlog เป็นที่นิยมขึ้นอย่างรวดเร็ว และทำให้การแข่งขันสูงขึ้นตามไปด้วย การทำคลิป Video หรือ Vlog ให้ออกมามีคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะดึงดูดผู้คนทั่วไปให้เข้ามาชมคลิปหรือโฆษณาของคุณ
ทั้งนี้สิ่งที่สามารถช่วยเพิ่มคุณภาพของ Video และ Vlog ของคุณได้ก็คือเพลงและ SFX (Sound Effects) นั่นเอง แต่ถ้าคุณซื้อแบบถูกลิขสิทธิ์มาใช้เพื่อการค้า ค่าลิขสิทธิ์ต่อไฟล์เพลงจะสูงมาก ทำให้ช่อง Youtube ใหม่ๆ ไม่สามารถรับกับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้อย่างแน่นอน
โชคยังดีที่ในปัจจุบันมีบริการแบบใหม่ที่ให้คุณสมัครสมาชิกรายเดือนหรือรายปี แล้วคุณสามารถโหลดเพลงและ SFX เท่าไรก็ได้ เพื่อนำมาใช้ในคลิป video หรือ vlog ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก แถมเพลงและ SFX จากแพลตฟอร์มเหล่านี้ยังมีคุณภาพสูงอีกด้วย
ดังนั้นในโพสนี้ ผมจะมาแนะนำว่าคุณสามารถดาวน์โหลดสิ่งเหล่านี้ได้จากที่ไหนครับ
รู้จัก Music Licensing Service
เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่ผมจะแนะนำต่อไปนี้เรียกว่า “Music licensing service” นั่นคือหลังจากที่คุณเสียค่าบริการเป็นรายเดือน คุณจะสามารถดาวน์โหลดไฟล์เสียงทุกประเภทที่มีอยู่ในเว็บไซต์ไปใช้ทำคลิป vlog/video ของคุณอย่างถูกลิขสิทธิ์ และดาวน์โหลดได้อย่างไม่จำกัด เพราะไฟล์เสียงเหล่านี้เป็นแบบ royalty-free (ไม่จำเป็นต้องเสียค่าลิขสิทธิ์ใหม่ในการใช้งานแต่ละครั้ง)
อย่างไรก็ดีคุณควรจะพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้ด้วย
- คุณภาพของไฟล์เสียง: ถ้าคุณจะเลือกสมัครสมาชิกแพลตฟอร์มใดก็ตาม คุณควรจะสมัครเข้าไปทดลองฟังคุณภาพไฟล์เสียงเสียก่อน เพื่อตรวจสอบดูว่าคุณภาพของไฟล์เสียงที่คุณต้องการดีพอหรือไม่ นอกจากนี้คุณยังควรทดสอบหลายๆไฟล์ เพราะแต่ละไฟล์อาจจะมีคุณภาพที่ต่างกัน
- สัญญาในการใช้ต่างๆ: ส่วนมากแล้วทุกๆ แพลตฟอร์มจะให้คุณใช้ไฟล์เสียงในเชิงการค้าได้ทุกแบบ และใช้ได้ทั่วโลก แต่เพื่อความชัดเจน คุณควรจะตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งครับ
- สิทธิ์ประโยชน์ของสมาชิกเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป
- ความยากง่ายในการใช้แพลตฟอร์ม: จะได้ไม่เสียเวลาในการหาไฟล์ที่ต้องการนานเกินไปนัก
1. Soundstripe
Soundstripe เป็นแพลตฟอร์มที่มีไฟล์เพลงและ SFX ให้คุณดาวน์โหลดไปใช้ทำ vlog และคลิปใน Youtube อย่างไม่จำกัด ปัจจุบัน Soundstripe มีเพลงให้ดาวน์โหลดกว่า 3,000 เพลง และ SFX อีก 35,000 ไฟล์ครับ และจะมีเพลงใหม่กว่า 200 เพลงให้คุณได้เลือกไปใช้ได้ทุกเดือน แต่ละไฟล์แน่นอนว่ามีคุณภาพสูงครับ
แคทตาล็อกเพลงและ SFX ของ Soundstripe จะถูกจัดระเบียบอย่างดีเป็นหมวดหมู่ คุณสามารถฟังได้ทุกเพลงก่อนที่จะตัดสินใจเสียเงินสมัครสมาชิกครับ ลองไปฟังดูได้เลยที่นี่
ค่าสมาชิกของ Soundstripe ประกอบด้วย 3 แพลน ได้แก่
- Standard ($15 หรือ 450 บาทต่อเดือน แต่ถ้าจ่ายเป็นรายปีจะเหลือ $11.25 หรือประมาณ 340 บาทต่อเดือน)
- Premium ($21 หรือ 630 บาทต่อเดือน แพลนนี้จ่ายเป็นรายปีเท่านั้น)
- Business ($75 หรือ 2,250 บาทต่อเดือน แต่ถ้าจ่ายเป็นรายปีจะเหลือ $66.25 หรือประมาณ 1,990 บาทต่อเดือน)
ความแตกต่างคือแบบ Standard จะไม่สามารถดาวน์โหลด SFX ได้เลย ส่วนแบบ Premium จะดาวน์โหลดได้ทุกอย่างที่มีบนเว็บไซต์ ส่วน Business จะใช้งานได้มากกว่า 1 account ครับ ดังนั้นถ้าคุณจะทำ vlog และสนใจ Soundstripe ผมมองว่าแบบ Premium น่าจะเพียงพอแล้วครับ
แพลตฟอร์มของ Soundstripe ใช้ง่าย โดยมี fliter ให้คุณเลือกมากมาย ไม่ว่าอยากได้ mood หรือ genre ไหนก็มีให้คุณนำดาวน์โหลดนำไปใช้ได้ครับ พร้อมทั้งมีจัด playlist ของเพลงและ SFX ที่กำลังเป็นที่นิยมให้เราทราบด้วย
2. Artlist
Artlist เป็นเว็บไซต์ชั้นนำในวงการ music licensing service และมีทั้งเพลงและ SFX จำนวนมากให้คุณดาวน์โหลดไปใช้งานอย่างถูกลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะทำคลิปใน Youtube หรือ Vlog แต่การใช้งานในลักษณะอื่น ผมแนะนำให้ตรวจสอบกับทางเว็บไซต์ก่อนนำไปใช้งานครับ
ไฟล์เสียงของ Artlist ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพ และมีตัวเลือกให้ดาวน์โหลดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปัจจุบัน Artlist มีเพลงให้ดาวน์โหลดมากถึง 8,000 เพลง ตลอดจน Sound Effect และ SFX อีกจำนวนมาก ตัวแพลตฟอร์มเองก็ถือว่าใช้ง่าย เพราะสามารถ search หาไฟล์เสียงที่ต้องการได้โดยเลือก Genre, Instrument, Theme หรือ Mood ครับ
สำหรับเรื่องราคา Artlist จะแบ่งออกเป็น 3 แพลนได้แก่
- Music ($16.60 ต่อเดือน หรือประมาณ 510 บาทต่อเดือน) – แพลนนี้ดาวน์โหลดได้เฉพาะไฟล์เพลงเท่านั้น
- SFX ($12.41 ต่อเดือน หรือประมาณ 375 บาทต่อเดือน) – แพลนนี้ดาวน์โหลดได้เฉพาะไฟล์ SFX เท่านั้น
- Music + SFX ($25 ต่อเดือน หรือประมาณ 750 บาทต่อเดือน) – แพลนนี้ดาวน์โหลดได้ทุกอย่างบนแพลตฟอร์ม
ทั้งนี้คุณไม่ต้องกังวลว่า Catalogue ของ Artlist จะเก่า เพราะว่าแพลตฟอร์มอัพโหลดเพลงใหม่ให้คุณดาวน์โหลดทุกวัน ส่วน SFX จะอัพโหลดไฟล์ใหม่ทุกสัปดาห์ครับ
3. Epidemic Sound
ถ้าพูดถึงเรื่องจำนวนเพลงและ SFX ต่างๆ แล้ว Epidemic Sound จะเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่มีไฟล์เสียงให้คุณดาวน์โหลดมากที่สุด โดยในปัจจุบันมีเพลงมากกว่า 30,000 เพลง รวมไปถึง SFX อีก 60,000 ไฟล์ให้คุณดาวน์โหลดไปใช้งานได้ทั่วโลก
ทั้งนี้ไฟล์เสียงใหม่จะมีการอัพโหลดในแพลตฟอร์มให้คุณดาวน์โหลดทุกสัปดาห์ และแต่ละไฟล์ล้วนแต่มีคุณภาพสูงครับ (แต่จะถึงระดับที่คุณต้องการรึเปล่า รบกวนตรวจสอบอีกครั้งครับ)
ระบบสมาชิกของ Epidemic Sound ประกอบด้วย 3 แบบด้วยกัน
- Personal ($15 หรือ 450 บาทต่อเดือน ถ้าจ่ายเป็นรายปีจะเหลือ $12 หรือ 360 บาทต่อเดือน)
- Commercial ($49 หรือ 1,470 บาทต่อเดือน ถ้าจ่ายเป็นรายปีจะเหลือ $25 หรือ 750 บาทต่อเดือน)
- Custom (ต้องสอบถามราคากับทางแพลตฟอร์มโดยตรง)
สิ่งที่แตกต่างคือ แบบ Personal จะอนุญาตให้คุณดาวน์โหลดไฟล์เพลงและ SFX ไปใช้สำหรับ video หรือ vlog ในช่องส่วนตัวของคุณ อย่างเช่น Youtube, Facebook, Instagram, Twitch หรือแม้กระทั่งใช้ใน podcast และคุณสามารถใช้มันในการเงินจากช่องทางเหล่านี้ได้ครับ ดังนั้นถ้าคุณเป็น Youtuber สมาชิกแบบ Personal ก็เพียงพอแล้วสำหรับคุณครับ
แต่ถ้าคุณเป็น Freelance หรือต้องการไฟล์เสียงเหล่านี้ในการทำคลิปวีดิโอโฆษณา คุณจะต้องเลือกค่าสมาชิกเป็นแบบ Commercial ครับ ซึ่งแบบ Commercial นี้จะสามารถใช้งานแบบ personal ได้เช่นกัน
ส่วนแบบ Custom นั้นสำหรับบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการไฟล์เสียงไปใช้ในระดับสูงอย่างเช่นในทีวีเป็นต้นครับ นอกจากนี้ Epidemic Sound ยังมีการขายสิทธิ์การใช้แบบ Single Track License เช่นกัน แต่ผมมองว่าแบบสมาชิกคุ้มค่ากว่าครับ
แพลตฟอร์มของ Epidemic Sound ใช้งานง่าย โดยแบบเพลงและ SFX เป็นหมวดหมู่ตาม Genre และ Mood หรือคุณจะเลือกดนตรีของแต่ละประเทศก็ได้ครับ อย่างเช่นด้านล่าง ผมเลือกเป็นดนตรีจีนเป็นต้น
จุดเด่นที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งคือ ฟังก์ชัน “Find Similar” ครับ เพราะจะช่วยให้คุณหาไฟล์เสียงที่คล้ายกันได้ ทำให้คุณหาไฟล์ที่ตรงใจคุณได้ง่ายขึ้นมากครับ นอกจากนี้คุณยังสามารถดาวน์โหลดไฟล์เพลงแบบ Stems ได้ อย่างเช่นถ้าคุณไม่ชอบเสียงกีตาร์ในเพลง คุณก็สามารถนำออกไปได้ครับ
4. Musicbed
Musicbed เป็นแพลตฟอร์มสำหรับใครก็ตามที่ปรารถนาจะใช้ไฟล์เพลงและ SFX ระดับคุณภาพสูง และอาจจะดีเป็นอันดับต้นๆ ของแพลตฟอร์มทั้งหมดด้วยซ้ำไป คุณสามารถใช้ไฟล์เสียงเหล่านี้อย่างถูกลิขสิทธิ์ทั่วโลกครับ
แพลนของ Musicbed ค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อนมาก เพราะค่าสมาชิกจะขึ้นอยู่กับว่าคุณจะนำไปใช้ทำอะไร และ account ใน social network ของคุณมีผู้ติดตามขนาดไหนด้วย คุณสามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ครับ
สำหรับแพลตฟอร์มก็ใช้ได้ง่าย คุณสามารถ search แบบเจาะจง หรือว่าไล่ตาม genre, instrument, mood และปัจจัยอื่นๆ ได้อีกมากมายเลยครับ
5. Music Vine
Music Vine เป็นอีกแพลตฟอร์มชั้นยอดสำหรับใครที่ต้องการเพลงและ SFX ระดับแนวหน้า เพลงที่มีอยู่มากถึง 4,600 เพลง แต่ละเพลงล้วนแต่มีคุณภาพซึ่งจะช่วยทำให้ vlog ของคุณน่าสนใจขึ้นได้ครับ
แม้ว่าจำนวนเพลงอาจจะน้อยกว่าบางแพลตฟอร์ม แต่ความหลากหลายของเพลงที่มีจัดว่าครบถ้วน ไม่ว่าคุณต้องการจะใช้เพลงแนวไหนก็มีให้คุณใช้ทั้งสิ้นครับ
รูปแบบสมาชิกของ Music Vine แบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ ได้แก่ แบบ Creator และ Pro
แบบ Creator ยังแบ่งได้อีกเป็น 2 ประเภท
- Creator Ambassador ($17.49 หรือ 525 บาทต่อเดือน ถ้าจ่ายเป็นรายปีจะเหลือ $13.99 หรือประมาณ 420 บาทต่อเดือน)
- Creator Standard ($24.99 ต่อเดือน หรือ 750 บาทต่อเดือน ถ้าจ่ายเป็นรายปีจะเหลือ $19.99 หรือประมาณ 600 บาทต่อเดือน)
ทั้งนี้แบบ Creator จะเป็นรูปแบบสมาชิกสำหรับเหล่า Youtuber เป็นหลัก และใช้ไฟล์เสียงทุกอย่างไม่จำกัด สิ่งที่แตกต่างระหว่างแบบ Ambassador และ Standard คือ คุณจะต้องให้เครดิตทุกครั้งกับ Music Vine แต่แบบ Standard ไม่ต้องครับ
แบบ Pro ยังแบ่งได้อีก 2 ประเภทเช่นกัน
- Pro Lite ($24.99 ต่อเดือน หรือ 750 บาทต่อเดือน ถ้าจ่ายเป็นรายปีจะเหลือ $19.99 หรือประมาณ 600 บาทต่อเดือน)
- Pro Standard ($44.99 ต่อเดือน หรือ 1,350 บาทต่อเดือน ถ้าจ่ายเป็นรายปีจะเหลือ $35.99 หรือประมาณ 1,080 บาทต่อเดือน)
สมาชิกแบบ Pro เหมาะสำหรับคนที่ต้องการไฟล์เสียงไปใช้แบบอื่น อย่างเช่นสร้างโฆษณาสำหรับบริษัท ทำ campaign marketing หรืองานแต่งงาน ฯลฯ โดยแบบ Lite จะมีข้อจำกัดการเผยแพร่ที่มากกว่า อย่างเช่นไม่สามารถใช้ในการโฆษณาได้เป็นต้น
แบบ Pro สามารถใช้กับ Youtube และ Social network ต่างๆ ได้ ในกรณีที่รายได้ของคุณจากแพลตฟอร์มเหล่านั้นต่ำกว่า $75,000 หรือประมาณ 2.25 ล้านบาทครับ ถ้าสูงกว่านั้นต้องใช้แบบ Creator ซึ่งจะไม่มีลิมิตครับ
ดังนั้นถ้าคุณต้องการทำคลิปใน Youtube การใช้แพลน Creator Ambassador ก็น่าจะเพียงพอแล้วครับ
แพลตฟอร์มของ Music Vine มีชื่อเสียงในเรื่องความเรียบง่ายในการใช้ และไม่ซับซ้อน ซึ่งผมลองใช้ดูแล้วก็เป็นจริงตามนั้นครับ
ข้อควรทราบ
ตราบใดที่คุณยังเป็นสมาชิก คุณจะดาวน์โหลดเพลงเท่าไรก็ได้ และนำไปใช้ได้ตามข้อกำหนดโดยไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์
หลังจากที่คุณยกเลิกสมาชิก คุณก็ไม่จำเป็นต้องลบผลงานของคุณที่มีไฟล์เสียงเหล่านั้นแต่อย่างใดครับ คุณยังสามารถใช้มันต่อไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ผิดลิขสิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ถ้าคุณคิดว่าจะโหลดเก็บไว้ 1,000 เพลงเพื่อนำไปใช้ทีหลัง แล้วยกเลิกสมาชิกทันที ในกรณีนี้ผมว่าไม่น่าจะทำได้ครับ