ประวัติศาสตร์"ซาริซาเยฟดาคิยา" มเหสีที่ซาร์ปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซียไม่เคยรัก

“ซาริซาเยฟดาคิยา” มเหสีที่ซาร์ปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซียไม่เคยรัก

ซาร์ปีเตอร์มหาราช (Peter the Great) เป็นซาร์และจักรพรรดิแห่งรัสเซีย ปีเตอร์ครองราชย์ตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้เขาต้องทำตามความประสงค์ของผู้อื่นมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการแต่งงานกับ เยฟดาคิยา เลอปูคินา (Евдоки́я Фёдоровна Лопухина) หญิงชนชั้นสูงที่ปีเตอร์ไม่รักเลยสักนิดเดียว

ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าชีวิตการแต่งงานของปีเตอร์และเธอล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง และเป็นส่วนหนึ่งที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมครั้งสำคัญในชีวิตของเธอด้วย

เรามาดูกันครับว่าชีวิตของเยฟดาคิยาเป็นอย่างไร

คลุมถุงชน

ในปลายปี ค.ศ.1688 ปีเตอร์มีอายุได้ 16 ปีและพร้อมแล้วที่จะแต่งงานตามความเหมาะสมของชาวรัสเซียในยุคนั้น

อดีตซาริซานาตาเลีย นาริชคินา มารดาของปีเตอร์จึงปรารถนาที่จะให้ปีเตอร์แต่งงานมีมเหสีเป็นตัวเป็นตนสักที นอกจากนี้เธอยังหวังว่าการแต่งงานจะทำให้ปีเตอร์เลิกหมกมุ่นกับการสนใจการศึกษาชาวตะวันตกเสียบ้าง

ในช่วงเวลานั้นปีเตอร์ใช้เวลาทั้งวันไปกับการสนทนากับพวกชาวดัชต์ที่มาค้าขายและทำธุรกิจในกรุงมอสโก พวกชาวดัชต์แนะนำให้ปีเตอร์รู้จักสูบไปป์แบบตะวันตก เสพสุรา และควงสาวสวยชาวตะวันตก เรื่องสุดท้ายนี้เองที่นาตาเลียไม่ชอบเลย เธอมองว่าผู้หญิงตะวันตกต่างจากผู้หญิงรัสเซียที่เรียบร้อย เจียมเนื้อเจียมตัว และอยู่แต่ในบ้าน

ไม่เพียงเท่านั้นนาตาเลียยังกลัวปีเตอร์จะเป็นอันตรายด้วย เพราะปีเตอร์เอาแต่ฝึกฝนยิงปืนใหญ่บ้าง ขับเรือบ้าง บุตรชายคนนี้เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของเธอ ถ้าเขาเป็นอะไรไป หัวใจของเธอคงจะแตกสลาย

ดังนั้นนาตาเลียเชื่อว่าผู้หญิงรัสเซียที่สวยน่ารักสักคนน่าจะทำให้ปีเตอร์เลิกไปยิงปืนใหญ่ ล่องเรือ หรือลดการทำกิจกรรมที่มันเสี่ยงๆ ลงได้บ้าง

สำหรับปีเตอร์แล้ว เมื่อได้รับแจ้งว่าเขาจะต้องแต่งงาน ปีเตอร์ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด และยังขอให้แม่ของเขาเลือกคนที่เหมาะสมมาให้ด้วย

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นไม่ใช่ว่าปีเตอร์เป็นลูกที่เชื่อฟังแม่ แต่เป็นเพราะปีเตอร์รำคาญ และคิดว่าเรื่องการแต่งงานตามประเพณีเป็นเรื่องไร้สาระ เขาต้องการจะเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นแม่อยากได้อะไรก็จัดมา

เยฟดาคิยา เลอปูคินา

หญิงสาวที่นาตาเลียเลือกให้ปีเตอร์ชื่อ เยฟดาคิยา เลอปูคินา ชาติตระกูลของเธอเป็นชนชั้นสูงระดับกลางในรัสเซียมาตั้งแต่สมัยแกรนด์ดัชชีแห่งมอสโกแล้ว เยฟดาคิยาเป็นหญิงสาวตามขนบธรรมเนียมเดิมของรัสเซียทุกกระเบียดนิ้ว เธอศรัทธาในคริสตจักรรัสเซียนออโธดอกซ์มาก ไม่มีความรู้อะไรอย่างอื่นนอกจากการบ้านการเรือน โดยเฉพาะเรื่องของพวกตะวันตกที่เธอต่อต้านเสียด้วยซ้ำ เยฟดาคิยาเชื่อว่าการเป็นภรรยาที่ดีเท่ากับการเป็นทาสที่ดีของสามี

ในปี ค.ศ.1689 ปีเตอร์และเยฟดาคิยาจึงเข้าพิธีสมรสกัน ทำให้เยฟดาคิยากลายเป็นซาริซาคนใหม่แห่งรัสเซีย

ชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลว

เมื่อปีเตอร์แต่งงานแล้ว แทนที่ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่แม่ของเขาคิดไว้ ทุกอย่างกลับดำเนินไปเหมือนเดิมก่อนที่จะแต่งงาน ปีเตอร์ไม่สนใจเยฟดาคิยาเลยแม้แต่น้อย เขากลับไปฝึกต่อเรือและยิงปืนใหญ่ตามเดิม

ก่อนจะแต่งงานเชื่อได้ว่า เยฟดาคิยาคงคิดว่าปีเตอร์น่าจะเป็นซาร์แห่งรัสเซียแบบทั่วไป นั่นคือใช้ชีวิตอยู่ในวัง บริหารราชการแผ่นดิน มีโอรสเพื่อสืบทอดบัลลังก์ และทำพิธีสำคัญๆ ของอาณาจักรเท่านั้น ไม่ใช่ว่าออกไปต่อเรือยิงปืนใหญ่ราวกับว่าเป็นนายทหารคนหนึ่ง

เยฟดาคิยาจึงทำอะไรไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ปีเตอร์พอใจดี เพราะเมื่อปีเตอร์กลับมา เขาก็พูดถึงแต่เรื่องการใช้ไม้ต่อเรือและการผูกเชือก ซึ่งเธอไม่รู้เรื่องเลยสักนิดเดียว และถ้าเยฟดาคิยาไม่พูดเรื่องตะวันตก ปีเตอร์ก็จะแสดงความเบื่อหน่ายให้เห็นอย่างชัดเจน

นานวันเข้าปีเตอร์จึงห่างเธอไปเรื่อยๆ ทำให้เธอเริ่มคิดว่าพวกชาวต่างชาติแย่งปีเตอร์ไปจากเธอ เยฟดาคิยารู้สึกชิงชังพวกชาวต่างชาติมากขึ้นตามลำดับ เธอจะเกลียดชังพวกเขาไปตลอดชีวิตของเธอ

เมื่อแต่งงานได้เกือบจะสามเดือน ปีเตอร์ก็ขอตัวไปจัดการเรื่องการต่อเรือที่เมือง Pereslavl ตามลำพัง ทำให้เขาและเยฟดาคิยาไม่ได้อยู่ด้วยกัน นั่นดูเหมือนว่าจะเป็นความสุขของปีเตอร์ เพราะเขารำคาญเธอเต็มทีแล้ว ตลอดเวลาหลายเดือนที่เขาอยู่ที่นั่น ปีเตอร์ไม่ได้เขียนจดหมายมาหาเยฟดาคิยาเลยสักฉบับเดียว ขณะที่ส่งจดหมายให้แม่ถึง 5 ฉบับด้วยกัน

การที่ปีเตอร์ไม่อยู่ทำให้นาตาเลีย แม่ของเขาและเยฟดาคิยาต้องอยู่ร่วมกัน ผ่านไปสักพักหนึ่งนาตาเลียก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับปีเตอร์และคิดว่าเธอไม่น่าเลือกเยฟดาคิยาให้กับปีเตอร์เลย ความสัมพันธ์ของเธอกับเยฟดาคิยาจึงไม่ดีสักเท่าไรนัก

เยฟดาคิยาที่ปราศจากเพื่อนจึงเขียนจดหมายให้ปีเตอร์ฉบับหนึ่ง ความว่า

ฉันขอแสดงความเคารพต่อ ซาร์ปีเตอร์ อเล็กเซเยวิช ขอให้ท่านผู้เป็นแสงสว่างของฉันมาตลอดหลายปีปลอดภัย พวกเราขอให้ท่านเมตตา โปรดกลับมาหาพวกเราเถิด โอ้ พระเจ้า โปรดอย่าได้ชักช้าอีกเลย ฉัน เพราะความเมตตาจากมารดาของท่าน อยู่อย่างปลอดภัยและสบายดี ภรรยาตัวน้อยของท่าน ดุงกา ก้มศีรษะลงต่อหน้าท่าน

ท้ายที่สุดปีเตอร์ก็กลับมายังมอสโก แต่ไม่ใช่เพราะว่าสงสารเยฟดาคิยา เขากลับมาเพื่อที่จะมาชิงอำนาจคืนจากเจ้าหญิงโซเฟีย พี่สาวต่างมารดาของเขาต่างหาก และก็ทำได้สำเร็จ

หลังจากที่ปีเตอร์กำจัดโซเฟียออกจากอำนาจได้แล้ว ปีเตอร์ก็ยิ่งให้ความสำคัญกับการปฏิรูปประเทศตามแนวทางตะวันตกมากกว่าเดิม ปีเตอร์จึงไม่อาจจะอยู่ร่วมกับภรรยาและครอบครัวของเธอที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิรูปได้ ปีเตอร์จึงลืมเยฟดาคิยาไปอย่างสมบูรณ์

อเล็กเซย์ โอรสของปีเตอร์กับเยฟดาคินา

อย่างไรก็ดี ปีเตอร์มีบุตรชายสามคนกับเยฟดาคิยา ซึ่งดูเหมือนว่าปีเตอร์จะทำตามหน้าที่มากกว่า นั่นคือต้องมีโอรสไว้สืบบัลลังก์ บุตรชายทั้งสามชื่อว่าอเล็กเซย์ (หรืออเล็กซี) อเล็กซานเดอร์ และพอล มีแต่เพียงอเล็กเซย์เท่านั้นที่มีชีวิตรอดพ้นวัยเด็กมาได้ แต่จะไม่มีใครเลยที่จะมีชีวิตอยู่ถึงงานศพของเธอ

เรื่องที่จะเกิดขึ้นกับบุตรชายคนนี้เองจะเป็นโศกนาฏกรรมในชีวิตของเยฟดาคิยา

หย่าร้าง

ในปี ค.ศ.1696 ปีเตอร์สั่งให้มีการปฏิรูปวัฒนธรรมรัสเซียอย่างขนานใหญ่ ขนบธรรมเนียมอันเก่าแก่ล้าสมัยถูกยกเลิกสำหรับปีเตอร์แล้ว หนึ่งในสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมแบบเก่าในครอบครัวของเขาคือ เยฟดาคิยา ดังนั้นปีเตอร์จึงต้องการจะกำจัดเธอออกไปจากชีวิตเขาให้เร็วที่สุด

แทนที่เยฟดาคิยาจะปรับตัว เธอกลับเกลียดวัฒนธรรมและเพื่อนชาวตะวันตกไปมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันปีเตอร์ย่อมไม่ชอบเธอมากขึ้นไปใหญ่

อีกสาเหตุหนึ่งคือ ช่วงเวลานั้นปีเตอร์มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับแอนนา มอนส์ (Anna Mons) สาวสวยชาวดัชต์ด้วย ทำให้การอยู่กับภรรยาที่ไม่เคยรักอย่างเยฟดาคิยากลายเป็นความทรมานของเขา เยฟดาคิยาเองก็ทราบว่าปีเตอร์มีชู้ ทำให้เธอแสดงความหึงหวงออกมา ความหึงหวงของเธอทำให้ปีเตอร์รู้สึกโกรธมากขึ้นตามลำดับ

เมื่อปีเตอร์อยู่ที่ยุโรป จดหมายฉบับแล้วฉบับเล่าของเยฟดาคิยาทำให้ปีเตอร์รำคาญมาก เพราะมันทำให้รู้สึกว่าเธอยังมาเกาะแกะเขาอยู่ไม่ห่าง ทั้งๆที่เขาพยายามจะหนีเธอออกมาแล้วก็ตาม

ท้ายที่สุดปีเตอร์ตัดสินใจว่าจะต้องจัดการทุกอย่างให้เด็ดขาด เขาสั่งให้ เลฟ นาริชคิน ลุงของเขาโน้มน้าวให้เยฟดาคิยาไปบวชเป็นชีเสีย ถ้าเธอเป็นชีแล้ว การแต่งงานทั้งหมดจะเป็นโมฆะตามกฎทางศาสนา และปีเตอร์จะเป็นอิสระอีกครั้งหนึ่ง

เยฟดาคิยากลับปฏิเสธ ปีเตอร์จึงให้ผู้คนอีกมากมายไปโน้มน้าวเธอ แต่ก็ไม่ได้ผลอีก จนกระทั่งในปี ค.ศ.1698 ปีเตอร์เดินทางกลับมาถึงมอสโก เขาถามพวกเสนาบดีต่างๆ ว่าทำไมถึงไม่ทำตามคำสั่งของเขาที่ให้โน้มน้าวเยฟดาคิยา ทุกคนตอบว่าพวกเขาเกรงว่าจะก้าวล่วงอำนาจของซาร์แห่งรัสเซีย

ท้ายที่สุดปีเตอร์จึงต้องลงมือทำทุกอย่างเอง

ปีเตอร์ไปหาเยฟดาคิยาและขอให้เธอไปบวชเป็นชีเสีย แต่เธอปฏิเสธอย่างหนักแน่น เมื่อเยฟดาคิยาปฏิเสธ ปีเตอร์จึงนำอเล็กเซย์ บุตรชายของเธอไปให้นาตาเลีย น้องสาวของปีเตอร์เป็นผู้เลี้ยงดูแทน วันต่อมาปีเตอร์ให้คนนำรถม้าคันหนึ่งไปรับเยฟดาคิยาและใช้ให้คนบังคับเธอขึ้นรถม้า

รถม้าดังกล่าวมุ่งหน้าไปยังเมืองซูสดัล (ปัจจุบันคือหนึ่งในเมืองในโกลเด้นริงและเป็นมรดกโลกของรัสเซีย) เยฟดาคิยาถูกบังคับให้ปลงผมและบวชเป็นชีที่นั่น ชื่อใหม่ของเธอคือ “เฮเลน”

การสอบสวน

ชีวิตของเยฟดาคิยาดำเนินไปอย่างสงบสุขในระดับหนึ่งที่มหาวิหารในเมืองซูสดัล เธอไม่ได้ถูกบังคับอะไรมากนัก อันที่จริงแล้วเธอใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายแบบผู้หญิงชนชั้นสูงด้วยซ้ำไป

เธออาศัยอยู่ที่ซูสดัลนานกว่า 19 ปี นานจนปีเตอร์หมดรักแอนนา มอนส์ และแต่งงานใหม่กับซาริซาแคทเทอรีน ส่วนอเล็กเซย์ บุตรชายของเยฟดาคิยาก็โตเป็นหนุ่มแล้ว

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เยฟดาคิยาและอเล็กเซย์ บุตรชายของเธอได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่มต่อต้านการปฏิรูป กลุ่มเหล่านี้ปรารถนาจะโค่นล้มปีเตอร์ และให้อเล็กเซย์เป็นซาร์คนใหม่แทน หลังจากนั้นก็เปลี่ยนประเทศกลับเป็นเหมือนก่อนที่ปีเตอร์จะปฏิรูป เรียกได้ว่าอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง และตรงข้ามกับปีเตอร์โดยสิ้นเชิง

ปีเตอร์สอบสวนอเล็กเซย์ด้วยตนเอง

เราไม่ทราบแน่ชัดว่าเยฟดาคิยาทราบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ปีเตอร์สงสัยเธออย่างยิ่ง เมื่อปีเตอร์กวาดล้างอเล็กเซย์ บุตรชายของเขาและพวกกลุ่มต่อต้านในมอสโก เยฟดาคิยาก็ถูกนำตัวมายังมอสโกเพื่อสอบสวนด้วย

เกรกอรี พิซาเรฟ คือนายทหารที่ปีเตอร์สั่งให้ไปนำตัวเยฟดาคิยามา พิซาเรฟได้แจ้งให้ปีเตอร์ทราบว่า เยฟดาคิยาไม่ได้เป็นชีอยู่เป็นเวลานานแล้ว เธอสวมใส่เสื้อผ้าของเชื้อพระวงศ์ และยังกระทำตัวเหมือนกับเป็นซาริซาเหมือนแต่ก่อนด้วย

แต่ที่ร้ายแรงที่สุดไม่มีอะไรเกินกว่าการคบชู้กับหัวหน้าทหารองครักษ์ที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลเธอ

สิบเก้าปีผ่านไป เยฟดาคิยาก็ได้พบหน้าอดีตสามีของเธออีกครั้งหนึ่ง เธอกลัวปีเตอร์อย่างมากถึงมากที่สุด อย่างไรก็ดี ปีเตอร์ได้สอบสวนเธอด้วยความเป็นธรรม และเมื่อพบว่าไม่มีหลักฐานใดๆที่จะเอาผิดเธอได้ เพราะการสนทนาระหว่างแม่ลูกก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมือง ทำให้ปีเตอร์จำต้องปล่อยเยฟดาคิยาไป อย่างไรก็ตามชู้รักของเธอและกลุ่มต่อต้านต่างถูกปีเตอร์สั่งให้ประหารชีวิตจนหมดสิ้น

สำหรับอเล็กเซย์แล้ว เขาถูกทรมานในคุกโดยคนของปีเตอร์จนสิ้นชีวิต ปีเตอร์สั่งให้ทรมานบุตรชายของเขาเพื่อรีดความลับออกมา แต่อาจจะไม่ได้สั่งให้ลงทัณฑ์จนถึงตายก็ตาม ชะตากรรมของอเล็กเซย์เหมือนกับเจ้าฟ้ากุ้งแห่งอยุธยาไม่มีผิดเพี้ยน

แม่ชีและบาทหลวงที่ปล่อยปละละเลยให้เยฟดาคิยาทำอะไรตามใจมาสิบกว่าปี ถูกปีเตอร์สั่งให้นำตัวไปเฆี่ยน หลังจากนั้นปีเตอร์สั่งให้เยฟดาคิยาไปอยู่ที่อารามในเมืองลาโดกา เมืองในชนบทที่ห่างไกล พร้อมกับให้คนจับตาดูเธออย่างเข้มงวด

ไม่ต้องสงสัยว่าการจากไปของอเล็กเซย์สร้างความเสียใจให้กับเยฟดาคิยาเพียงใด หลังจากนั้นเธอไม่มีบทบาทอะไรในประวัติศาสตร์รัสเซียอีกเลย

หลังจากสิ้นปีเตอร์

หลังจากสิ้นปีเตอร์และแคทเทอรีนที่ 1 แล้ว บัลลังก์รัสเซียตกอยู่กับปีเตอร์ที่ 2 ผู้เป็นหลานย่าของเยฟดาคิยา ปีเตอร์ที่ 2 เรียกเยฟดาคิยากลับมายังมอสโก และมอบฐานันดรศักดิ์คืนให้กับเธอ เยฟดาคิยาจากโลกนี้ไปในรัชกาลของซาริซาแอนนาในปี ค.ศ.1731

ร่างของเธอไม่ได้ถูกเก็บรักษาไว้เคียงคู่กับปีเตอร์ แต่ถูกเก็บไว้ในเมืองมอสโกที่มหาวิหาร Archangel ในเครมลินแห่งมอสโก

Sources:

Massie, Peter The Great: His Life and World

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!