ซาริซาอนาสตาเซีย โรมานอฟนา ซาคายีนา ยูรีเยฟวา เป็นมเหสีคนแรกของซาร์อีวานผู้เลวร้าย (Ivan The Terrible) และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อีวานรักอย่างจริงใจ
ชีวิตของอนาสตาเซียสั้นนัก เพราะเธอจากไปเมื่อยังอายุไม่ครบ 30 ปีดี ถึงกระนั้นชีวิตของเธอมีความสำคัญอย่างมากต่อประวัติศาสตร์รัสเซีย เนื่องจากเธอเป็นสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างราชวงศ์ทั้งสองของรัสเซีย นั่นคือราชวงศ์รูริคและราชวงศ์โรมานอฟ การที่เธอเป็นมเหสีของอีวานผู้เลวร้ายยังทำให้มิคาอิล โรมานอฟได้รับเลือกให้เป็นซาร์ในเวลาต่อมาด้วย
เพื่อป้องกันความสับสน ซาริซาอนาสตาเซียผู้นี้เป็นบรรพบุรุษหลายสิบรุ่นของแกรนด์ดัชเชสอนาสตาเซีย ธิดาองค์สุดท้องของซาร์นิโคลัสที่ 2 ซาร์องค์สุดท้ายของรัสเซีย ดังนั้นทั้งสองจึงไม่ใช่คนเดียวกันครับ เพียงแต่ชื่อเหมือนกันเท่านั้นเอง
มเหสีของอีวานผู้เลวร้าย
อนาสตาเซียเป็นบุตรสาวของพวกโบยาร์ หรือชนชั้นสูงรัสเซียตระกูล Zakharyin-Yuriev (สังเกตว่ายังไม่ใช่โรมานอฟ) แม้มีการเลือกหญิงสาวให้เป็นซาริซาของซาร์อีวาน อนาสตาเซียได้รับเลือกจากอีวานให้เป็นซาริซาจากหญิงสาวพรหมจรรย์ที่เข้ารับการคัดเลือกนับพันคน
หลักฐานประวัติศาสตร์เล่าว่า อนาสตาเซียเป็นคนสวย น่ารักอ่อนหวาน และเคร่งศาสนามาก นับว่าอีวานเลือกได้ดีเลยทีเดียว ทั้งสองแต่งงานกันในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1547
เราไม่ทราบเรื่องชีวิตคู่ของอีวานและอนาสตาเซียมากนัก แต่อนาสตาเซียให้กำเนิดแอนนา บุตรสาวคนแรกในปี ค.ศ.1549 อีวานดีใจมากที่ได้ลูกคนแรก เขาสั่งให้มีงานเลี้ยงหลายต่อหลายวันเพื่อเฉลิมฉลองการเกิดของบุตรสาวคนนี้
ในช่วงที่อีวานนำกองทัพหลวงไปตีเมืองคาซาน (Kazan) ทั้งสองเขียนจดหมายหากันและกันอยู่สม่ำเสมอ อนาสตาเซียเขียนจดหมายมาหาอีวานที่แนวหน้าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เชื่อได้ว่าความรักของทั้งสองหวานชื่น
หลังจากให้กำเนิดบุตรสาวอีกคนหนึ่ง อนาสตาเซียได้มีบุตรชายคนแรกให้กับอีวาน บุตรชายคนนี้ชื่อดมิทรี
อีวานดีใจยิ่งกว่าสิ่งใดที่ได้บุตรชายไว้สืบบัลลังก์ เมื่ออีวานรู้ข่าว เขารีบลงจากม้า โอบกอดข้าราชบริพาร สวดมนต์ต่อพระเจ้า ขอบคุณสวรรค์ ร้องไห้ และวิ่งเหมือนกับคนบ้า อีวานที่กำลังกลับมาจากคาซานรีบควบม้ากลับมอสโกทันทีและวิ่งไปสวมกอดภรรยาของเขาด้วยความรัก
อย่างไรก็ดี ดมิทรีอายุสั้นนัก เพราะแม่นมทำทารกน้อยตกลงไปในแม่น้ำอย่างไม่ได้ตั้งใจ แม้ว่าเธอจะรีบนำทารกน้อยขึ้นมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขากลับไม่หายใจเสียแล้ว บุตรชายคนแรกของอีวานกับอนาสตาเซียจึงสิ้นใจก่อนที่จะได้ครองบัลลังก์
แม้ว่าดมิทรีจะจากไป แต่อีวานและอนาสตาเซียก็มีโอรสอีก 2 คนและธิดาอีก 1 องค์ โอรสสองคนนี้คือ อีวาน (ชื่อเหมือนพ่อ) และฟยอดอร์ ทั้งสองมีสุขภาพแข็งแรงและเติบโตเป็นผู้ใหญ่
มรณกรรมปริศนา
ในฤดูร้อนของปี ค.ศ.1560 อนาสตาเซียป่วยหนักด้วยโรคประหลาด และมีอาการแย่ลงทุกที อีวานหาแพทย์ที่ดีที่สุดมารักษาแต่ก็ไม่เป็นผล อีวานจึงพาอนาสตาเซียออกไปอยู่ที่วัง Kolomenskoye นอกเมืองมอสโก
อาการของอนาสตาเซียกลับไม่ดีขึ้น อีวานผู้ไม่อาจทนกับความเศร้าสร้อยได้อีกต่อไป เขาจึงเบี่ยงเบนความสนใจของตนเองด้วยการไปควบคุมหน่วยดับเพลิงในกรุงมอสโก เพื่อที่จะไม่ได้ต้องทนให้ภรรยาสุดที่รักทรมาน
อนาสตาเซียจากโลกนี้ไปในวันที่ 7 สิงหาคม ค.ศ.1560 อีวานเสียใจและเจ็บปวดอย่างแรงกล้า ในงานศพของเธอ อีวานร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ เสียงของเขาดังลั่นงานศพ และต้องให้คนพยุงร่างของเขาขึ้นมา
เจโรม ฮอร์ซี (Jerome Horsey) นักสำรวจชาวอังกฤษเล่าถึงอนาสตาเซียว่าซาริซาแห่งมอสโกเป็นคนฉลาด ศรัทธาในศาสนา เป็นที่รักของทุกคน เธอได้รับการยกย่องอย่างสูงจากประชาชนชาวรัสเซีย เมื่อเธอจากไป ประชาชนเมืองมอสโกร่ำไห้แทบจะทั้งเมือง
อีวานสงสัยว่าการตายของอนาสตาเซียไม่ปกติ เขาสงสัยว่าพวกโบยาร์น่าจะลอบสังหารเธอเพราะสาเหตุอะไรสักอย่างหนึ่ง เขาได้สั่งให้จับกุมและสังหารพวกโบยาร์ที่น่าจะเกี่ยวข้องไปจำนวนหนึ่ง
ในยุคปัจจุบัน นักประวัติศาสตร์ได้ตรวจสอบร่างของอนาสตาเซียที่ถูกเก็บไว้เพื่อพิสูจน์เรื่องดังกล่าว ปรากฎว่าผมของเธอมีสารปรอทสูงเป็นหลายสิบเท่าของคนปกติ และอยู่ในจำนวนที่สามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าในเวลานั้นสารปรอทจะถูกใช้เป็นยาและส่วนผสมของเครื่องสำอางก็ตาม จำนวนสารปรอทที่อยู่ในผมของเธอก็ยังมากเกินไปอยู่ดี ทำให้เป็นไปได้สูงมากที่อนาสตาเซียอาจจะโดนวางยาพิษด้วยการใช้สารปรอทจนสิ้นชีวิต
ดังนั้นอีวานน่าจะคาดคะเนได้ถูกต้อง นั่นคือการตายของอนาสตาเซียเป็นกรณีฆาตกรรมอำพราง แต่เราไม่มีทางทราบว่าใครกันที่เป็นผู้ลงมือ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา อนาสตาเซียที่อ่อนหวานเป็น “เขื่อน” ที่ควบคุมอารมณ์ที่เดือดพล่านของอีวานไว้โดยตลอด การจากไปของเธออย่างปริศนาทำให้เขื่อนพังทลาย ความเกลียดชังของอีวานที่มีต่อพวกโบยาร์จึงเพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยเท่านับตั้งแต่บัดนั้น และทำให้อีวานสังหารพวกโบยาร์และผู้คนทั่วไปอย่างบ้าคลั่งในเวลาต่อมา แม้กระทั่งสังฆราชาฟิลิปก็ยังไม่สามารถทัดทานเอาไว้ได้
ต้นวงศ์โรมานอฟ
แม้ว่ายังไม่ได้มีนามสกุล “โรมานอฟ” แต่อนาสตาเซียเรียกได้ว่าเป็นต้นวงศ์โรมานอฟคนหนึ่ง
ฟยอดอร์ นิคิติช หลานชายของเธอได้ริเริ่มใช้คำว่า “โรมานอฟ” ซึ่งมีที่มาจากชื่อของบิดาของอนาสตาเซียเป็นนามสกุล ทำให้สายตระกูลโรมานอฟถือกำเนิดขึ้นนับตั้งแต่บัดนั้น การที่อนาสตาเซียแต่งงานกับอีวานทำให้ตระกูลโรมานอฟถือเป็นเชื้อพระวงศ์ด้วย
ดังนั้นเมื่อสายตระกูลของอีวานขาดช่วงไปในช่วง Time of Troubles สภาเซมสกี้ โซบอร์จึงตัดสินใจเลือกมิคาอิล โรมานอฟขึ้นเป็นซาร์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์โรมานอฟ เพราะความเกี่ยวพันกับราชวงศ์รูริคเดิม ราชวงศ์ที่เป็นชนรุ่นหลังของอนาสตาเซียจึงเริ่มต้นขึ้น และเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ
Sources:
Payne and Romanoff, Ivan The Terrible