วาฬเพชฌฆาต (Killer Whale) หรือ ออก้า (Orca) เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนสุดห่วงโซ่อาหารในท้องทะเลอันกว้างใหญ่ วาฬชนิดนี้เป็นวาฬกินเนื้อที่จู่โจมและกินสัตว์ทะเลอื่นๆ เป็นอาหาร
ถึงแม้วาฬเพชฌฆาตอาจจะดูดุร้าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นมิตรกับมนุษย์มาก ในธรรมชาติแล้ว แทบไม่เคยปรากฏเลยว่าวาฬเพชฌฆาตมีประวัติทำร้ายมนุษย์
แต่นั่นไม่รวมถึง วาฬที่ถูกจับมากักขังอยู่ในสวนน้ำเล็กๆ ที่ผิดธรรมชาติของมัน
อย่างวาฬเพชฌฆาตที่ชื่อ Tilikum (ทิลิกัม) ตัวนี้
การจับตัวทิลิกัมของมนุษย์
ทิลิกัมเป็นวาฬเพชฌฆาตตัวผู้ มันถูกจับโดยมนุษย์ที่ในทะเลแถบประเทศไอซ์แลนด์ ตอนที่มันยังเป็นลูกวาฬด้วยซ้ำไป ตอนนั้นมันอายุได้สองปีเท่านั้นเอง
หลังจากมันถูกจับ ทิลิกัมใช้ชีวิตอยู่ในสวนน้ำของประเทศไอซ์แลนด์ได้ปีหนึ่ง หลังจากนั้นมันจึงถูกส่งตัวไปอยู่ที่สวนน้ำชื่อ ซีแลนด์ หรือ ซีแลนด์ออฟเดอะแปซิฟิก (Sealand of the Pacific) ที่เมืองโอ้คเบย์ ประเทศแคนาดา โดยทิลิกัมได้ชื่อเล่นว่า ทิลลี่ (Tilly)
ผู้ดูแลมันได้ปล่อยทิลิกัม ให้อยู่กับวาฬเพศเมียอีกสองตัวชื่อว่า ไฮด้าที่ 2 (Haida II) และนู้ดก้าที่ 4 (Nootka IV) วาฬสองตัวนี้เป็นวาฬเพชฌฆาตเพศเมียแต่ตัวเต็มวัยแล้ว ผู้ดูแลพบว่าทั้งสองตัวมักจะก้าวร้าวต่อทิลิกัมอยู่เสมอ ด้วยการไล่ให้มันไปอยู่ในสระเล็ก ซึ่งเป็นสระที่ผู้ดูแลสัตว์น้ำใช้รักษาสัตว์ที่มีอาการป่วย
สาเหตุที่เป็นไปได้ที่ทั้งสองตัวต้องไล่ทิลิกัมเช่นนั้นเพราะความคับแคบของสถานที่นั่นเอง โดยทั่วไปแล้ว วาฬแต่ละตัวจะว่ายน้ำหลายสิบกิโลเมตร หรืออาจจะถึงนับร้อยกิโลเมตรในแต่ละวัน การมาอยู่ในที่อยู่อาศัยเล็กๆ เช่นนี้จึงไม่ถูกต้องตามธรรมชาติของมันเลยแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญยังให้ความเห็นว่า ทิลิกัมยังมีความเครียดที่เกิดจากการพรากจากครอบครัวของมันอีกด้วย
สภาพเช่นนี้มีส่วนสำคัญยิ่งทำให้ทิลิกัมมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากวาฬเพชฌฆาตตัวอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในธรรมชาติ มันจึงเริ่มมีความก้าวร้าวต่อมนุษย์อย่างที่วาฬเพชฌฆาตตัวอื่นไม่มี โดยเฉพาะหลังจากที่เทรนเนอร์ได้บังคับให้มันฝึกซ้อมและแสดงโชว์ต่างๆ นาๆ เพื่อความบันเทิงของผู้เข้าชมสวนน้ำ
เหยื่อรายแรกของทิลิกัม
Sealand ได้ว่าจ้าง เคลที เบิร์น (Keltie Byrne) วัย 21 ปี เป็นเทรนเนอร์แบบพาร์ทไทม์ เธอเป็นนักศึกษาสาขาชีววิทยาทางทะเล และเป็นนักว่ายน้ำตัวฉกาจด้วย
แต่แล้วในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1991 ก็เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเธอ
เบิร์นเพิ่งจะเสร็จสิ้นการแสดงโชว์กับวาฬทั้งสามอยู่หมาดๆ แต่เธอกลับลื่นจนตกไปในสระซึ่งมีวาฬสามตัวอย่าง ไฮด้า นู้ดก้า และทิลิกัมอาศัยอยู่ สัตว์ทะเลทั้งสามไม่เคยได้รับการฝึกพร้อมกับมีมนุษย์อยู่ในน้ำด้วยมาก่อนเลย การที่มีมนุษย์ลงมาอยู่ในสระที่มันอาศัยอยู่อาจจะทำให้มันตกใจ
วาฬเพชฌฆาตทั้งสามตัวกดเบิร์นไม่ให้ขึ้นมาหายใจได้ และลากตัวเธอวนไปรอบสระ เบิร์นเองก็พยายามต่อสู้เพื่อจะเอาชีวิตรอด เธอดื้นรนมาถึงขอบสระ และพยายามจะปีนออกมา แต่วาฬทั้งสามกลับดึงเธอกลับลงไปสระอีก
จริงอยู่ว่าเบิร์นเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ แต่เธอเคยแข่งขันระดับนานาชาติมาแล้ว แต่อีกฝ่ายเป็นถึงวาฬเพชฌฆาต หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วที่สุดในท้องทะเล ตัวเบิร์นเองก็ไม่ได้ใส่ Wet Suit ด้วย เบิร์นจึงไม่สามารถหลบหนีพวกมันได้เลย
ระหว่างนั้นเองเธอกรีดร้องขอความช่วยเหลือด้วยเสียงอันดัง พวกเพื่อนร่วมงานของเธอจึงพยายามโยนห่วงชูชีพลงไปให้เธอ แต่ดูเหมือนว่าวาฬเพชฌฆาตทั้งสามต่างกันเธอไม่ให้เข้าถึงห่วงได้
พวกเขาพยายามแก้ปัญหาต่อไปด้วยการโยนอาหารลงไปให้พวกมัน และพยายามสั่งมันด้วยเสียงและมือ แต่ทุกอย่างที่ทำลงไปก็ไม่สำเร็จ เบิร์นขึ้นมาหายใจได้อีกสามครั้ง ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตลงเพราะการจมน้ำจากการที่วาฬเพชฌฆาตทั้งสามคาบเธอไว้ในปาก และว่ายวนไปมา
ร่างไร้ลมหายใจของเบิร์นค่อนข้างสมบูรณ์ วาฬทั้งสามไม่ได้กัดเธอรุนแรงมากนัก ส่วนมากโดนที่เสื้อผ้ามากกว่า
เคสนี้เป็นเคสแรกที่ทิลิกัมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของมนุษย์ แต่ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า วาฬเพชฌฆาตเพศเมียสองตัวน่าจะมีบทบาทมากกว่าที่ทำให้เบิร์นเสียชีวิต
อดีตพนักงานคนหนึ่งได้ให้ข้อมูลให้สำนักข่าว PBS ว่า เขาได้ทะเลาะกับผู้บริหารของ Sealand อย่างรุนแรงในเรื่องนโยบายที่ปฏิบัติต่อสัตว์ในสวนน้ำอยู่เสมอ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิเสธที่จะให้อาหารแก่วาฬและสัตว์อื่นๆ ถ้าพวกมันไม่ยินยอมให้ความร่วมมือ ทำให้บางครั้งสัตว์เหล่านี้ได้อาหารเพียง 25%-30% ของปริมาณที่มันได้รับต่อวันเท่านั้น นอกจากนี้พวกผู้บริหารยังสั่งให้กักขังวาฬไว้ในสระเล็กๆ อยู่บ่อยครั้ง ซึ่งผิดธรรมชาติของมันอย่างมาก
พนักงานคนนี้ได้พยากรณ์ไว้ว่าอีกไม่นาน จะต้องเกิดเหตุร้ายแน่ๆ เขาจึงตัดสินใจลาออกจาก Sealand เพื่อความปลอดภัย
สิบเดือนต่อมา สิ่งที่เขาพยากรณ์ไว้ก็เป็นจริง นั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเบิร์นนั่นเอง
Sealand ถูกโจมตีอย่างรุนแรงหลังจากนั้น ผู้บริหาร Sealand จึงได้ขายทิลิกัมให้กับสวนน้ำยักษ์ใหญ่ชื่อ SeaWorld ของประเทศสหรัฐอเมริกา Sealand ไม่เคยฟื้นจากอุบัติเหตุครั้งนั้นได้ อีกไม่นาน Sealand ก็ปิดทำการอย่างถาวร
เหยื่อลึกลับรายที่สอง
ทิลิกัมหรือทิลลี่อยู่ที่ SeaWorld อีกเป็นเวลานานถึง 7 ปี และแสดงโชว์ต่างๆ ให้ชาวอเมริกันจำนวนมากมายได้ชมดู
ทุกอย่างเรียบร้อยดี จนกระทั่งในปี ค.ศ.1999 เรื่องก็เกิดอีกครั้งหนึ่ง
เช้าวันที่ 6 กรกฎาคม ค.ศ.1999 เทรนเนอร์คนหนึ่งของ SeaWorld มาทำงานตั้งแต่เช้า เขามองดูลองไปในสระที่ทิลิกัมอยู่ เขาก็ตกตะลึง
เขาเห็นร่างเปลือยของชายผู้หนึ่งนอนอยู่บนหลังของทิลิกัม ร่างของเขาไม่ไหวติง ไม่สงสัยว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว
เหล่าเทรนเนอร์จึงนำทิลิกัมเข้าไปใส่สระที่ใช้รักษาตัว และเคลื่อนย้ายศพออกมา ศพดังกล่าวมีรอยแผลหลายแห่ง และมีรอยขีดข่วนที่บริเวณใบหน้า
จากการสืบสวนพบว่า ชายผู้นี้ชื่อ แดเนียล ดุ๊กส์ (Daniel Dukes) ชายหนุ่มวัย 27 ปีผู้เพิ่งออกจากคุกไม่นานจากความผิดฐานลักขโมย ดู๊กส์น่าจะแอบเข้าไปใน SeaWorld หลังจากที่สวนน้ำปิดทำการ เขาถอดเสื้อผ้าและวางไว้อย่างเรียบร้อย หลังจากนั้นเขาก็กระโดดลงสระที่ทิลิกัมอยู่ในนั้น
ไม่แน่ชัดว่าดุ๊กส์ทำไปเพื่ออะไร เขาอาจจะต้องการฆ่าตัวตาย หรือ เขาอาจจะเป็นบ้า
ภายในสระไม่มีกล้องอยู่เลย แต่ที่แน่ๆ คือ เจ้าหน้าที่พบว่าเขามีบาดแผลจากการกัดมากมายทั้งก่อนและหลังที่เขาจะเสียชีวิต เขามีบาดแผลใหญ่ที่ขาข้างซ้าย และอัณฑะของเขาก็ถูกกัดจนขาดออกจากร่าง ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าทิลิกัมมีส่วนร่วมอย่างแน่นอนกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ถึงแม้การชันสูตรจะแสดงให้เห็นว่าดุ๊กส์เสียชีวิตเพราะการจมน้ำก็ตาม
หลังจากนั้น SeaWorld ได้สั่งให้มีผู้ดูแลสระตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ใครแอบเข้ามาในสวนน้ำตอนกลางคืน และได้รับอันตรายอีก
เหยื่อรายสุดท้าย
ทิลิกัมไม่ได้ก่อเรื่องนานถึง 11 ปี จนกระทั่งในปี ค.ศ.2010 เรื่องก็เกิดขึ้นในลักษณะที่ไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไรนัก
ในเวลานั้นทิลิกัมได้กลายเป็นวาฬเพชฌฆาตตัวเต็มวัยแล้ว และเป็นวาฬเพชฌฆาตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดใน SeaWorld ด้วย
ทิลิกัมถูกแสดงในฐานะ “ชามู” (Shamu) อดีตวาฬเพชฌฆาตเพศเมียที่มีชื่อเสียงมากของ SeaWorld ที่ตายไปเมื่อปี ค.ศ.1971 ชื่อ “ชามู” ได้ถูกใช้เป็นชื่อการแสดงวาฬเพชฌฆาตตลอดมาหลังจากนั้น การแสดงดังกล่าวถือเป็นการแสดงระดับท็อปที่ดึงดูดผู้เข้าชมจำนวนมากของ SeaWorld
ในปี ค.ศ.2010 SeaWorld ได้จัดแสดงโชว์พิเศษให้กับแขก โชว์ที่ว่าคือ Dine with Shamu หรือแขกจะรับประทานอาหารไป และดูโชว์วาฬเพชฌฆาตไปด้วย
ภายในวันนั้น เทรนเนอร์หญิงชื่อ ดอน แบรนโชว์ (Dawn Brancheau) เป็นผู้แสดงร่วมกับทิลิกัม เธอเป็นเทรนเนอร์ที่มีความสามารถและประสบการณ์มากที่สุดคนหนึ่งของ SeaWorld เธอทำงานอยู่ที่นี่มา 15 ปีแล้ว แบรนโชว์รักสัตว์มาก และต้องการเป็นเทรนเนอร์ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กแล้ว
ระหว่างที่การแสดงกำลังจบลง เธอยืนอยู่บริเวณขอบสระกับทิลิกัม และกำลังลูบหัวของทิลิกัมอยู่ แต่ปรากฏว่ามันกลับใช้ปากงับเธอที่บริเวณหัวไหล่และลากเธอลงไปในน้ำ ผู้คนโดยรอบตกใจมาก เจ้าหน้าที่ SeaWorld พยายามโยนอาหารลงไปให้ทิลิกัมแต่ก็ไม่เป็นผลอีกเช่นเดิม
45 นาทีต่อมา ทิลิกัมก็ยอมปล่อยร่างของแบรนโชว์ออกจากปากของมัน แต่เธอเสียชีวิตไปแล้วจากการจมน้ำ และบาดแผลที่ได้รับจากการกัดของมัน สภาพศพของเธอเรียกได้ว่ายับเยินจนไม่น่าดู ทิลิกัมได้กินส่วนแขนซ้ายของเธอเข้าไปด้วย
การตายของเธอเป็นข่าวใหญ่โตในประเทศสหรัฐอเมริกา กระแสโจมตี SeaWorld เกิดขึ้นมากมายจึงเกิดขึ้น โดยเฉพาะนโยบายต่างๆ ของสวนน้ำที่ทำให้เกิดความเสี่ยงแก่พนักงาน นำไปสู่การฟ้องร้องเป็นคดีความใหญ่โต
SeaWorld ถูกปรับเงินก้อนโต และห้ามจัดแสดงโชว์วาฬเพชฌฆาตอยู่นาน
หลังจากเหตุการณ์นี้ SeaWorld ออกกฎใหม่ว่าห้ามไม่ให้เทรนเนอร์คนใดลงไปในน้ำที่มีวาฬเพชฌฆาตอยู่อีกต่อไป
การตายของทิลิกัม
ทิลิกัมยังคงแสดงโชว์ต่อไป หลังจากวีรกรรมที่มันทำกับแบรนโชว์ แต่นโยบายใหม่ของ SeaWorld ทำให้ไม่มีเทรนเนอร์คนใดต้องเสี่ยงชีวิตกับมันอีกแล้ว เหตุการณ์ร้ายๆ จึงไม่ได้เกิดขึ้นอีกเลย
สุขภาพของทิลิกัมกลับแย่ลงตามลำดับหลังปี ค.ศ.2012 มันป่วยด้วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย โรคยอดฮิตในหมู่โลมาและวาฬที่ถูกเลี้ยงในสวนน้ำ
เช้าวันที่ 6 มกราคม ค.ศ.2017 ทิลิกัมจากโลกนี้ไปอย่างสงบจากติดเชื้อแบคทีเรีย มันมีอายุได้ 35 ปี หลังถูกกักขังมานานถึง 33 ปี
ทิลิกัมและวีรกรรมที่มันก่อกลายเป็นบทเรียนที่สำคัญของการจับสัตว์ทะเลมาขังในสถานที่แคบๆ เพื่อความบันเทิงของมนุษย์ เรื่องของมันทำให้ชาวโลกได้ตระหนักถึงประเด็นดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ในระยะหลัง SeaWorld และสวนน้ำอื่นๆ ต่างใช้นโยบายที่เปลี่ยนแปลงออกไป ในลักษณะที่เป็นมิตรกับสัตว์มากยิ่งขึ้น
SeaWorld ได้ล้มเลิกการเพาะพันธุ์วาฬเพชฌฆาตของตัวเอง ทำให้วาฬเพชฌฆาตที่เหลืออยู่เป็นรุ่นสุดท้ายที่ SeaWorld มีอยู่ นอกจากนี้ SeaWorld จะค่อยๆยกเลิกการแสดงวาฬเพชฌฆาตแบบเดิมๆ ไปจนหมด และจะนำเสนอการแสดงวาฬเพชฌฆาตแบบ “ธรรมชาติ” ขึ้นมาแทน
ท้ายที่สุด SeaWorld จะทำได้จริงหรือไม่ก็ต้องรอดูต่อไป
โดยส่วนตัวแล้ว ผมมองว่าถ้าอยากจะดูวาฬจริงๆ เราควรจะไปดูมันใช้ชีวิตในธรรมชาติดีกว่าที่จะมาดูมันใช้ชีวิตอย่างผิดธรรมชาติในสวนน้ำมากนัก
Sources: