โปรแกรมวิเคราะห์กราฟหุ้นเป็นเครื่องมือที่เทรดเดอร์และนักลงทุนที่ใช้ Technical Analysis ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าคุณเป็น Day Trader หรือเทรดเดอร์ที่ซื้อขายหุ้นระยะสั้นด้วยแล้ว โปรแกรมเหล่านี้เปรียบได้กับเพื่อนคู่คิดของคุณเลยทีเดียว
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าการลงทุนในโปรแกรมวิเคราะห์กราฟหุ้นที่ใช้งานง่ายและเข้าใจไม่ยากจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ ซึ่งในโพสนี้นั้นผมจะมาแนะนำโปรแกรมที่ใช้ดูกราฟหุ้นทั้งไทยและต่างประเทศที่มีคุณภาพสูงรวมทั้งหมด 3 ตัวให้ทุกคนได้ทราบกันครับ
จะมีตัวไหนบ้างไปดูกันเลยดีกว่า
1. Tradingview (ดูกราฟหุ้นได้ทั่วโลก + ดีสุดสำหรับหุ้นไทย)
โปรแกรมตัวแรกที่ผมจะกล่าวถึงคือ Tradingview ซึ่งโปรแกรมนี้มีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะสามารถดูกราฟหุ้นและใช้วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคได้แบบ real-time ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในตลาดหุ้นไทยหรือต่างประเทศก็สามารถใช้งานได้หมดเลยครับ นอกจากนี้ยังเป็น Stock Screener ที่ช่วยหาหุ้นที่เหมาะสมได้อีกด้วย
จากที่ผมตรวจสอบมาในปัจจุบัน ถ้าให้เปรียบเทียบยังไม่มีโปรแกรมวิเคราะห์หุ้นไทยไหนที่มีคุณภาพดีกว่า Tradingview ที่ราคานี้เลยครับ
ฟีเจอร์การใช้งานหลัก
กราฟหุ้น – ฟีเจอร์หลักตัวแรกของ Tradingview ก็คือกราฟหุ้นนั่นเอง คุณสามารถตรวจสอบราคาของสินทรัพย์ที่คุณจับตามองอยู่แบบ real-time ไม่ว่าจะเป็นตลาดไหนๆ ก็ตามในโลก ช่วยให้การซื้อขายรายวันมีเที่ยงตรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น (อย่างไรก็ดีแบบฟรีจะไม่ real-time ครับ)
สิ่งที่ผมชอบคือข้อมูลราคาหุ้นของ Tradingview นั้นครอบคลุมช่วงเวลาในอดีตไกลมาก ดังนั้นคุณสามารถดูย้อนหลังได้ไกลมากนับ 10 ปี (ในกรณีที่หุ้นได้ IPO แล้วในเวลานั้น) สำหรับใครที่เป็น Trend Follower ก็จะวิเคราะห์แนวโน้มระยะยาวเพื่อการลงทุนได้อย่างแม่นยำครับ
เครื่องมือทางด้าน Technical Analysis – Tradingview มี Indicator มากกว่า 100,000 ตัวให้คุณได้เลือกใช้วิเคราะห์หุ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวที่รู้จักกันดีและได้รับความนิยมอย่าง RSI, MACD หรือ EMA หรือว่าตัวที่ซับซ้อนและเฉพาะทางขึ้นอย่าง True Strength Indicator หรือ Williams %R
ทั้งนี้ผู้ใช้งาน Tradingview จะไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของ customization เพราะคุณสามารถแก้ไขและตั้งค่าได้อย่างอิสระ ดังนั้นคุณอยากจะใส่อะไรเพิ่มเติมลงไปในกราฟก็สามารถทำได้ครับ
แจ้งเตือน (Alerts)- สำหรับใครที่เทรดหุ้นหลายตัว คุณอาจจะประสบปัญหาหุ้นที่เทรดอยู่เกิด breakout ขึ้นมาโดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว หรือแม้กระทั่งราคาหุ้นหลุดแนวรับที่ตั้งไว้ โดยที่คุณไม่ได้ตั้งขายไว้ล่วงหน้า ทาง Tradingview มีตัวช่วยตรงนี้นั่นก็คือการแจ้งเตือน ซึ่งจะช่วยให้คุณรับทราบทันที ถ้าราคาหุ้นมีพฤติกรรมตรงกับเงื่อนไขที่คุณได้ตั้งไว้
โปรแกรมกรองหุ้น (Stock Screener) – เทรดเดอร์หลายคนน่าจะเคยมีปัญหาไม่รู้จะเทรดหุ้นตัวไหนดี โปรแกรมกรองหุ้นเหล่านี้จะช่วยคุณแก้ปัญหาดังกล่าว เพราะตัวโปรแกรมจะช่วยหาหุ้นที่กราฟทรงสวย รวมไปถึงมีพื้นฐานดีที่เป็นที่ต้องการของนักลงทุนจำนวนมาก
Strategy Tester – ฟีเจอร์นี้ถือว่าน่าสนใจมากทีเดียว โดยเราสามารถเลือกทดสอบกลยุทธ์ที่เราสนใจได้ โดยเพียงระบุชื่อหุ้น (Symbol) และช่วงเวลาลงไป ตัว Tradingview จะช่วยคุณวิเคราะห์ว่า ถ้าทำตามนี้จะได้ผลตอบแทนแบบที่คาดไว้หรือไม่
Fundamental Analysis – คุณสามารถใช้ Tradingview ในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นด้วยเช่นกัน กล่าวคือคุณสามารถพลอตข้อมูลทางการเงินต่างๆ อย่างเช่น ยอดขาย กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น (EPS) คู่กับกราฟหุ้นได้ด้วย ทำให้นักลงทุนที่หาหุ้นพื้นฐา่นดีสามารถใช้ประโยชน์จากตัวโปรแกรมนี้ได้เช่นกัน
News – คุณสามารถอ่านข่าวหุ้น (ที่ออกมาเป็นทางการแล้ว) จาก Tradingview โดยตรง ทำให้คุณรับทราบข่าวสารสำคัญเกี่ยวกับหุ้นตัวใดตัวหนึ่งได้อย่างฉับไว ซึ่งข่าวที่ขึ้นในแพลตฟอร์มจะไม่ใช่ข่าวโคมลอย แต่เป็นข่าวจากสำนักข่าวชั้นนำอย่าง Reuters เท่านั้นครับ
อย่างไรก็ดีข่าวที่มีให้อ่านจะเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ทำให้ข่าวหุ้นไทยอาจจะตกหล่นไปพอสมควรครับ
Lux Algo
Lux Algo เป็นเครื่องมือพิเศษที่ใช้งานบน Tradingview โดยเครื่องมือนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพของการหาสัญญาณซื้อขายขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง โดยคุณจะได้ Indicator คุณภาพเยี่ยมที่มีความแม่นยำเพิ่มเติมเข้ามาครับ นอกจากนี้ยังช่วยปรับแต่งกราฟให้ดูง่ายขึ้นด้วย
สำหรับเทรดเดอร์ระดับสูงที่อยากยกระดับศักยภาพในการเทรดของคุณ เบื่อหน่ายกับการจ้องมองกราฟที่ซับซ้อนน่ามึนหัว หรือว่าอยากกำจัดปัจจัยทางด้านอารมณ์ในการเทรดออกไปให้หมด ผมมองว่า Lux Algo ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ
ราคา
คุณสามารถใช้งาน Tradingview ได้ฟรี แต่ข้อมูลในการวิเคราะห์หุ้นจะจำกัดมาก และจะจำกัดจำนวน Indicator ที่ใช้ได้ เช่นเดียวกับฟีเจอร์ระดับสูงต่างๆ (อย่างเช่นแจ้งเตือน) แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือตัวกราฟหุ้นจะไม่เป็นแบบ real-time ดังนั้นคุณจะใช้ในการซื้อขายไม่ได้ครับ
ดังนั้นถ้าคุณอยากจะใช้งานโปรแกรมนี้ในการซื้อขายหุ้นแบบเป็นเรื่องเป็นราว ผมแนะนำให้สมัครสมาชิกแบบเสียเงินครับ ซึ่งจะประกอบด้วย 3 แพลนดังต่อไปนี้
- Essential เริ่มต้นที่ $155 ต่อปี หรือประมาณ $12.9 = 390 บาทต่อเดือน
- Plus เริ่มต้นที่ $299 ต่อปีหรือประมาณ $24.9 = 750 บาทต่อเดือน
- Premium เริ่มต้นที่ $599 ต่อปีหรือประมาณ $49.9 หรือประมาณ 1,500 บาทต่อเดือน
ในปัจจุบัน Tradingview ได้นำเสนอ 3 แพลนใหม่เพิ่มเติมสำหรับมืออาชีพ โดยประกอบด้วย
- Expert – เริ่มต้นที่ $199.95 ต่อเดือน
- Elite – เริ่มต้นที่ $349.95 ต่อเดือน
- Ultimate – เริ่มต้นที่ $499.95 ต่อเดือน
สิ่งที่แต่ละแพลนหลักๆ คือฟีเจอร์ครับ อย่างแพลนที่สูงขึ้นจะได้ข้อมูลราคาหุ้นที่ละเอียดมากขึ้น สามารถใช้ได้ Indicator ได้พร้อมกันจำนวนมากขึ้น แจ้งเตือนได้มากขึ้น รวมถึงมีเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์หุ้นที่ซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม ส่วนสามแพลนแพงสุดนี่จะได้เครื่องมือทุกตัวบนแพลตฟอร์ม พร้อมด้วยข้อมูลย้อนหลังแบบละเอียดยิบเลยครับ
อย่างไรก็ดีไม่ว่าคุณจะเลือกแพลนไหนก็ตามแล้วอยากได้ข้อมูลราคาหุ้นในกราฟแบบ real-time คุณจะต้องเสียเงินเพิ่มครับ ซึ่งราคาจะต่างกันไปตามตลาดหุ้น ยกตัวอย่างเช่นหุ้นไทย คุณจะเสียเพิ่มไปอีก $1 หรือเดือนละ 30 บาท ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐจะไม่ต้องเสียเลย ขณะที่ตลาดสิงคโปร์จะเสียสูงถึง $19 ครับ
สำหรับเทรดเดอร์ทั่วไป ผมมองว่าแพลน Pro ก็เพียงพอแล้วสำหรับการดูกราฟและวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าคุณต้องการครอบครองสุดยอดโปรแกรมวิเคราะห์หุ้น ผมมองว่าการลงทุนกับแพลน Pro+ และ Premium ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ
ในส่วนของ Lux Algo นั้นเป็นซอฟต์แวร์เสริมที่สร้างบน Tradingview คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มโดยเริ่มที่ $40.75 หรือประมาณ 1,230 บาทต่อเดือนครับ
ข้อดีข้อเสีย
ข้อดี
- การใช้งานง่ายมาก รวดเร็ว และสะดวกสบาย
- User Interface สวยงามไม่รกและอัดแน่นจนเกินไป
- สามารถตั้งค่าและแก้ไขทุกอย่างโดยไม่มีข้อจำกัด
- มี Mobile App ให้ใช้งานทั้ง iOS และ Android สำหรับการซื้อขายหุ้นนอกสถานที่
- ใช้เป็นโปรแกรมวิเคราะห์หุ้นได้ทั้งทางด้านปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค ดังนั้นตัวโปรแกรมจึงครบครันมาก และเหมาะกับการลงทุนในหุ้นทุกรูปแบบ
- ครอบคลุมสินทรัพย์หลากหลายประเภททั้งหุ้น, Forex, Crypto, Commodities, Futures, ETF
- ครอบคลุมตลาดหุ้นทั่วโลก
- มีข้อมูลย้อนหลังให้ดูย้อนอย่างยาวนาน
- มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย มี Indicator ให้ใช้มากกว่า 100,000 ตัว
- สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ฟรี
ข้อเสีย
- ตัวแพลตฟอร์มอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ ดังนั้นผู้ใช้ใหม่อาจจะต้องเรียนรู้บ้างเพื่อที่จะใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ไม่มีข่าวสารภาษาไทยสำหรับหุ้นไทย
- ข้อมูลแบบ real-time จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
โดยรวมแล้วผมมองว่า Tradingview เป็นโปรแกรมวิเคราะห์หุ้นที่เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในปัจจุบัน โดยเฉพาะสำหรับหุ้นไทยครับ
นอกจากการใช้งานฟรีแล้ว คุณยังสามารถลองใช้งานแพลนจ่ายเงินทุกแพลนของ Tradingview ได้ฟรีเป็นเวลา 30 วันครับ ถ้าสนใจก็ไปลองกันเลยดีกว่า
โปรแกรมวิเคราะห์หุ้นอเมริกาทางเทคนิค
อย่างไรก็ดีถ้าคุณลงทุนในหุ้นอเมริกา ตัวเลือกที่ช่วยให้คุณวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคอย่างมีประสิทธิภาพนั้นมีตัวอื่นที่น่าสนใจด้วยนอกเหนือจาก Tradingview ซึ่งคุณอาจจะนำมาเปรียบเทียบ ลองใช้ และเลือกตัวที่ชอบที่สุดครับ
เราไปดูกันดีกว่าครับมีตัวไหนบ้าง
2. Scanz
Scanz เป็นเครื่องมือสำหรับเทรดเดอร์ระดับสูง ซึ่งถ้าจะให้เทียบกับ Tradingview แล้ว ผมมองว่า Scanz ใกล้เคียงกับเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้โดยนักลงทุนสถาบันมากกว่า โดยมีฟีเจอร์ที่ทรงพลังมากกว่า แต่ก็แลกมาด้วยราคาสูงกว่ามากเช่นกัน
เรามาดูกันดีกว่าครับฟีเจอร์หลักของ Scanz มีอะไรบ้าง
ฟีเจอร์การใช้งานหลัก
Streaming Charts – คุณสามารถดูกราฟหุ้นสหรัฐอเมริกาอย่างละเอียดผ่านกราฟหุ้นที่มีการอัพเดตแบบ real-time ที่ระดับที่เรียกว่าเสี้ยววินาที ทำให้คุณได้เปรียบเทรดเดอร์คนอื่นๆ ในเรื่องข้อมูลราคา และสามารถตัดสินใจซื้อขายได้อย่างทันท่วงที
ข้อมูลที่ Scanz ให้นั้นมีทั้ง Level I และ Level II ดังนั้นคุณจะเห็นภาพรวมของ Bid/Ask ทั้งหมดอย่างกระจ่างแจ้งเหมาะต่อนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการซื้อขายหุ้นจำนวนมากๆ เพราะคุณจะทราบถึงการเคลื่อนไหวของ Market Maker นั่นเอง
นอกจากนี้ Scanz ยังช่วยให้คุณเข้าถึงข้อมูลการซื้อขายก่อนและหลังตลาดเปิด/ปิดเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในช่วง Earnings Reports ที่มีการผันผวนของราคาสูง ทำให้คุณตัดสินใจในการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น
Chart Indicators/Drawing Tools – คุณสามารถใส่ Indicator มากมายเพื่อใช้ในการวิเคราะห์กราฟหุ้น ไม่ว่าจะเป็น MACD, RSI และตัวอื่นๆ ที่คุณคุ้นเคย
News and SEC Filings – Scanz จะรายงานข่าวที่สำคัญให้กับคุณภายในเสี้ยววินาที ทำให้คุณไม่เสียเปรียบนักลงทุนสถาบันหรือ Hedge Fund ที่ใช้เครื่องมืออย่าง Bloomberg Terminal
Complete Real-Time Picture – Scanz จะนำเสนอทุกสิ่งที่คุณควรรู้ไม่ว่าจะเป็นข่าวสารที่กระทบตลาดในรายงานที่อ่านและเข้าใจได้ง่าย ซึ่งคุณจะได้เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นอย่างสะดวกสบาย
Scanner – Scanner คือฟีเจอร์ที่ทรงพลังที่สุดของ Scanz เลยก็ว่าได้ เพราะ Scanz จะสรรหาหุ้นที่ตรงความต้องการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางพื้นฐานหรือว่าเทคนิคก็ตาม (แต่จะเน้นไปที่สายเทคนิคเป็นส่วนใหญ่ครับ) ทั้งนี้คุณสามารถ customize ตัวกรองของคุณได้อย่างละเอียดถี่ยิบ การหาหุ้นในตลาดมาซื้อขายจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากอีกต่อไป
Breakout Tracking – สำหรับใครที่ชอบการเทรด Breakout ผมเชื่อว่า Scanz เป็นแพลตฟอร์มที่ดีที่สุดที่ช่วยเหลือคุณ เพราะ Scanz จะหาหุ้นที่ Breakout อย่างละเอียด เช่นทำ New High, New Low หรือมีการ breakout ทั้งในส่วนของราคาและ volume ทำให้คุณไม่พลาดที่จะทำการซื้อขา่ย
Notifications – คุณสามารถเลือกได้ว่าให้ Scanz แจ้งเตือนคุณในเรื่องใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา ข่าวสาร หรือแม้กระทั่งการประกาศงบการเงิน ฯลฯ โดยคุณเลือกดูได้ผ่านทาง email ของคุณ
ราคา
Scanz ใช้ระบบสมาชิกโดยจะประกอบด้วย 3 แพลนด้วยกันได้แก่
- News – $79 หรือประมาณ 2,370 บาทต่อเดือน
- Scanner – $99 หรือประมาณ 2,970 บาทต่อเดือน
- Total – $149 หรือประมาณ 4,470 บาทต่อเดือน
แพลน News และ Scanner จะต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือพูดง่ายๆ มันคือทำหน้าที่คนละอย่างกันเลยครับ ถ้าเป็น News ก็คือจัดการแค่ข่าวสารอย่างเดียว ส่วน Scanner ก็จะจัดการในส่วนของข้อมูลราคา การหาหุ้นมาเทรด รวมไปถึงกราฟหุ้นต่างๆ ด้วย
ผมมองว่าถ้าคุณมีงบจำกัด คุณควรจะเลือกแพลน Scanner ครับ เพราะคุณจะได้ฟีเจอร์สำคัญๆ ทั้งหมด อย่างเช่น Level 2 Data, Breakout Tracking เป็นต้น แต่ถ้ามีงบมาก ผมแนะนำ Total ไปเลยจะดีที่สุด เพราะคุณจะได้สัมผัสถึงประสิทธิภาพของ Scanz อย่างครบครันครับ
ข้อดีข้อเสีย
จุดเด่น
- ทุกแพลนให้ข้อมูลแบบ Real-time ที่เที่ยงตรง ฉับไว
- แพลตฟอร์มสวยงามน่าใช้งาน
- มีฟีเจอร์ระดับสูงในการเทรด
- แจ้งเตือน Breakout ได้ทุกรูปแบบ
- มี Scanner คุณภาพเยี่ยมที่ช่วยหาหุ้นที่ตรงความต้องการมาเทรด
- เชื่อมต่อกับโบรกเกอร์หุ้นอเมริกาได้โดยตรง
- แจ้งเตือนข่าวสารแบบ Real-time ด้วยเสียง อีเมล์ หรือ push notifications ทำให้ไม่พลาดโอกาสทอง หรือเสียเปรียบในการเทรด
- มีสรุปข่าวสาร
จุดด้อย
- ราคาสูง การเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดจะต้องจ่ายมากถึง $149 หรือเกือบ 5,000 บาทต่อเดือน
- ไม่ได้เป็น browser-based ดังนั้นต้องโหลดโปรแกรมมาลงในคอมพิวเตอร์ของคุณ
- Indicator ต่างๆ น้อยกว่า Tradingview
Scanz ให้คุณใช้งานได้ฟรี 7 วัน โดยไม่ต้องใส่ข้อมูลเครดิตการ์ดใดๆ ถ้าสนใจก็ไปลองกันได้เลยครับ
3. TrendSpider
TrendSpider เป็นโปรแกรมวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคระดับสูงสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการใช้งานเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด กล่าวถึงตัวโปรแกรมได้ใช้ AI หรือ Artificial Intelligence ช่วยให้เทรดเดอร์ทราบถึงจังหวะเข้าออก โดยปราศจากปัจจัยทางด้านอารมณ์ที่ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนการลงทุนครับ
ฟีเจอร์การใช้งานหลัก
Automated Technical Analysis – TrendSpider มีจุดแข็งสำคัญอยู่ที่การวิเคราะห์หุ้นโดยอัตโนมัติโดยที่คุณไม่ต้องลากเส้นแนวโน้ม (Trendline) เอง หรือว่ามาคำนวณ Fibonnaci Retracement เอง เพราะ AI จะช่วยคุณทำตรงนี้ให้ทั้งหมดเพียงแค่คุณกดปุ่มเดียวเท่านั้น ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา และลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ครับ
อย่างไรก็ดีถ้าคุณอยากจะทำเองก็สามารถทำได้เช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับ Tradingview ครับ
Indicators – TrendSpider มี Indicator หลายร้อยตัวให้คุณเลือกใช้วิเคราะห์หุ้นทางเทคนิค
Pattern Detection – Algorithm ของ TrendSpider สามารถตรวจจับ pattern ที่น่าสนใจของหุ้นโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น Candlestick Pattern อย่าง Doji, Hammer, Shooting Star หรือว่า Breakout Detection อย่างเช่น Cup with handle
Raindrop Charts – กราฟหุ้นแบบใหม่ที่เหมือนกับเป็นเวอร์ชันอัพเกรดของ Candlesticks ทั่วไป ซึ่งจะช่วยให้คุณเจาะลึกการเทรดในวันดังกล่าวมากกว่าที่ Candlestick ทำได้อย่างมีนัยสำคัญ เพราะได้เพิ่มปัจจัยอย่าง Volume เข้าไปในแต่ละช่องกราฟในแต่ละวันด้วยนั่นเอง (ทำให้กราฟย้วยเข้าออก ต่างจาก Candlesticks ที่จะเป็นสี่เหลี่ยม)
Backtesting – TrendSpider สามารถช่วยคุณพิสูจน์ว่ากลยุทธ์การลงทุนหนึ่งนั้นสร้างผลตอบแทนมากน้อยเพียงใด และมีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ โดยอ้างอิงจากข้อมูลตลาดย้อนหลังเป็นเวลา 20 ปี
Scanner – คุณสามารถใช้ Scanner ในการหาหุ้นที่มี pattern ทางเทคนิคตรงกับที่คุณต้องการได้ ทำให้คุณเข้าถึงหุ้นร้อน หุ้นเด็ดได้ตลอดเวลา
Assets Insights – TrendSpider จะให้ข้อมูลทางด้านปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ มาประกอบกับกราฟหุ้นเพื่อที่นักลงทุนสาย Hybrid จะได้วิเคราะห์การลงทุนได้อย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ
Alerts – คุณสามารถตั้งค่าให้ TrendSpider แจ้งเตือนให้คุณทราบได้ถ้ามีเหตุการณ์สำคัญหรือว่ามีหุ้นตัวใดที่เข้าข่ายการซื้อขายที่คุณได้ตั้งไว้ล่วงหน้า
ราคา
TrendSpider ประกอบด้วย 3 แพลนด้วยกันได้แก่ (ราคาทั้งหมดคือราคาเฉลี่ยต่อเดือนในกรณีที่จ่ายเป็นรายปี)
- Premium – $33 หรือประมาณ 990 บาทต่อเดือน
- Elite – $65 หรือประมาณ 1,950 บาทต่อเดือน
- Master – $97 หรือประมาณ 2,910 บาทต่อเดือน
สิ่งที่แตกต่างกันก็คือฟีเจอร์ของโปรแกรมวิเคราะห์หุ้นนั่นเองครับ อย่างแพลน Premium จะขาดข้อมูลระดับสูงอย่างเช่น Pre/Post Market รวมไปถึงไม่มีฟีเจอร์การวิเคราะห์แบบ Backtesting และ Multi-factor อย่างไรก็ดีทุกแพลนจะได้รับข้อมูลแบบ real-time ของหุ้นอเมริกาทั้งหมดครับ
ผมจึงแนะนำว่าถ้าสนใจเลือกเป็นแพลน Elite จะดีกว่าเพราะจะได้ฟีเจอร์ทั้งหมด ในส่วนของแพลน Master นั้นไม่จำเป็น เพราจะเพิ่มจำนวนทรัพยากรอย่างเช่น ผู้ใช้งาน, จำนวนที่ตั้ง Alert ได้ ฯลฯ แต่ไม่ได้มีฟีเจอร์ใหม่แต่อย่างใด
ข้อดีข้อเสีย
จุดเด่น
- โปรแกรมวิเคราะห์กราฟหุ้นที่น่าจะทันสมัยที่สุดสำหรับรายย่อย
- กราฟหุ้นดูสวยงาม และทันสมัย
- มีระบบอัตโนมัติในการลากแนวโน้มและ Fibonnaci Retracement
- ครอบคลุมทั้งหุ้น, FX, Crypto และกราฟสินทรัพย์อื่นๆ ในตลาดอเมริกา
- มีข้อมูลและรายละเอียดสินทรัพย์ประกอบกราฟหุ้น
- มีเครื่องมือมากมายที่ช่วยเสริมการวิเคราะห์หุ้นแบบเจาะลึก
จุดด้อย
- การใช้งานเบื้องต้นซับซ้อนกว่าแพลตฟอร์มอื่น
- Scanner ไม่สามารถกรองหุ้นโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานได้
Trendspider ให้คุณลองใช้ฟรีโดยไม่ต้องใส่เครดิตการ์ดๆ เป็นเวลา 7 วันครับ