หลังจากที่ได้รีวิวพิพิธภัณฑ์ Hermitage ให้ทุกท่านดูมามากกว่า 4 ตอน ก็ถึงเวลาของมหาวิหารเซนต์ไอแซคครับ แต่ก่อนจะรีวิวผมขอแนะนำ บัตร St.Petersburg Card เสียก่อน
St. Petersburg Card
บัตรที่ใช้สำหรับเข้าสถานที่หลายๆแห่งแบบเหมาจ่ายที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กมีอยู่ 2 แบบครับ ได้แก่
สามารถเข้าไปดูรูป และราคาตามลิงค์ด้านบนนะครับ
ทั้งสองใบทำขึ้นโดยคนละบริษัท และไม่เกี่ยวกันโดยสิ้นเชิง แต่เนื่องจาก St. Petersburg Card มีแบบ 7 วัน และมีพิพิธภัณฑ์ให้เข้ามากกว่า 80 แห่ง แถมยังเป็นบัตรรถไฟฟ้าได้ด้วย ผมเลยเลือกใบนี้ครับ ซึ่งดูเหมือนว่าผมจะคิดถูก เพราะทั้งทริปแทบไม่มีปัญหาอะไรเลย
วิธีซื้อบัตรง่ายมากครับ เราสามารถซื้อได้ผ่านทางออนไลน์เลย แล้วก็ไปรับในสถานที่ที่เค้าจัดเอาไว้ให้ หรือจะให้ส่งมาที่โรงแรมล่วงหน้าก็ได้ครับ
เมื่อเราได้บัตรมาแล้ว เราจะได้บัตรสีบานเย็น และไกด์บุ๊คมาเล่มหนึ่ง เวลาที่เราไปเที่ยว เราจะต้องแสดงทั้งบัตร และเปิดหน้าในไกด์บุ๊คให้กับเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว เค้าก็จะนำบัตรเราไปสแกน และตัดส่วนที่เป็นคูปองในไกด์บุ๊คออกไปครับ
คำแนะนำ: ควรจะซื้อบัตรก็ต่อเมื่อ อยากจะเข้าพิพิธภัณฑ์เยอะๆ หลายแห่งๆ ในเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กนะครับ ผมเข้าใจว่าบางท่านอาจจะอยากใช้เวลาถ่ายรูปบางแห่งนานๆ มากกว่า ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นไม่จำเป็นต้องซื้อบัตรเหมาครับ ไม่คุ้ม
มหาวิหารเซนต์ไอแซค
ผมได้รับบัตรมาแล้ว ตั้งแต่วันที่ไป Hermitage แหละครับ แต่ยังไม่ใช้ เพราะถ้าใช้ไปแล้ว มันจะเริ่มนับวันไปเลยครับ ผมเลยมาเริ่มใช้วันรุ่งขึ้นที่มหาวิหารเซนต์ไอแซคนี่แหละ
ผมมาถึงก่อนมหาวิหารเปิดเล็กน้อย นักท่องเที่ยวก็เริ่มมาเข้าคิวกันแล้วครับ
ใช้เวลาไปประมาณ 25 นาทีกว่าจะได้ตั๋ว (ถึงซื้อบัตรมาแล้วก็ต้องเข้าคิวครับ) ตั๋วเข้ามหาวิหารนี้มีสองชนิดนะครับ นั่นคือตั๋วเข้าชมข้างใน และตั๋วขึ้นไปด้านบนของมหาวิหารเพื่อชมวิวมุมสูงทั่วทั้งเมืองเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กครับ
หลังจากซื้อตั๋วแล้ว เราก็จะต้องเดินอ้อมมาอีกด้านหนึ่ง (ด้านที่มีอนุสาวรีย์) แล้วจะมีทางเข้าอยู่ครับ
หมายเหตุ: ทางเข้ามหาวิหารชั้นล่างกับชั้นดาดฟ้านี่อยู่คนละจุดนะครับ ถ้าเข้าไปชั้นล่างแล้วต้องเดินออกมาก่อน แล้วถึงจะมาเข้าชั้นดาดฟ้าอีกจุดหนึ่ง
ประวัติย่อ
มหาวิหารเซนต์ไอแซคแห่งนี้จริงๆแล้วเป็นมหาวิหารของนักบุญไอแซคหลังที่ 4 แล้วที่สร้างขึ้นที่เซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก มหาวิหารแห่งแรกได้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยซาร์ปีเตอร์มหาราช และพระองค์ได้แต่งงานกับซารินาแคทเทอรีนที่วิหารนี้ แต่ในเวลาต่อมามหาวิหารแห่งแรกถูกรื้อถอนเพราะว่ามันเล็กเกินไป
มหาวิหารเซนต์ไอแซคแห่งที่สองได้ถูกสร้างขึ้นมาตรงพื้นที่ใกล้กับแม่น้ำเนวา แต่ตัวมหาวิหารอยู่ได้ไม่นาน เพราะน้ำจากแม่น้ำกัดเซาะพื้นที่ตั้งของวิหารอย่างหนัก ทำให้ต้องมีการย้ายมหาวิหารกันอีกครั้งหนึ่ง
ในช่วงปี ค.ศ.1761 รัฐบาลรัสเซียก็ได้อนุมัติให้มีการสร้างมหาวิหารหลังใหม่เป็นหลังที่ 3 แต่พอสร้างเสร็จแล้ว ผู้คนจำนวนมากกลับไม่ถูกใจ หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันไม่สมประกอบ ไม่สวย อุปกรณ์ที่ใช้ก็ไม่เข้ากัน ผลสุดท้ายในปี ค.ศ.1809 ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 โปรดให้สร้างมหาวิหารแห่งใหม่ขึ้น มหาวิหารแห่งนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1858
มหาวิหารแห่งนี้คือมหาวิหารเซนต์ไอแซคในปัจจุบันนี้นั่นเองครับ
จุดเด่นของมหาวิหารคือตัวยอดโดมด้านบนของวิหารเป็นทองคำบริสุทธิ์ทั้งหมด ซึ่งเราสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลครับ
เราเข้าไปดูข้างในกันเลยดีกว่า
ด้านในมหาวิหาร
ข้างในมหาวิหารโอ่โถงครับ เสาเขียวๆ ที่เห็นนั่นแน่นอนว่าทำมาจาก Malachite ครับ นอกจากนี้ยังมีอัญมณีและหินมีค่ามีมากมายที่ใช้ตบแต่งตัวมหาวิหาร ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าส่วนนี้ทำมาจากอะไร
ส่วนเพดานของมหาวิหารจะมีภาพวาดซึ่งเป็นผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงของรัสเซียครับ
หลังจากยุคโซเวียตล่มสลาย มหาวิหารแห่งนี้ได้กลับมาใช้ประกอบพิธีทางศาสนาโดยคริสตจักรรัสเซียนออโธดอกซ์ครับ
ขอปิดท้ายด้วยรูปสาธารณะที่ชาวบ้านถ่ายมาครับ
คำแนะนำ: ในมหาวิหารไม่ควรพูดคุยเสียงดัง และแสดงกิริยาไม่เหมาะสมนะครับ มหาวิหารแห่งนี้มีคุณค่าทางจิตใจกับคนรัสเซียมากเลยทีเดียว และบางคนเดินทางมาเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาครับ
ดาดฟ้า
ชั้นดาดฟ้าหรือชั้นบนของมหาวิหารเซนต์ไอแซคเราสามารถขึ้นไปได้ผ่านทางเข้าอีกแห่งหนึ่ง (ใกล้ๆ กับทางเข้าด้านในมหาวิหาร) หลังจากนั้นเราจะต้องเดินขึ้นตามบันไดเวียนไปครับ ประมาณร้อยกว่าขั้น เราก็ถึงชั้นดาดฟ้าแล้วครับ
จะขึ้นมาบนนี้ได้ ต้องซื้อบัตรแยกนะครับ
พอขึ้นมาข้างบนเราจะเห็นวิวแบบนี้ครับ
วันนี้คงพอแค่นี้ก่อนละกัน ผมขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้นะครับ ไว้ติดตามตอนหน้า จะพาทุกท่านไปโบสถ์หยดเลือดครับ
ข้อมูล:
มหาวิหารเซนต์ไอแซคเปิดตั้งแต่ 10.30-18.00 น นะครับ ส่วนในฤดูร้อนจะเปิดตอนเย็นด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดคือ วันพุธปิดนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
แนะนำว่าหาข้อมูลจากเว็บของมหาวิหารก่อนไปครับ