โจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin) เป็นหนึ่งในจอมเผด็จการที่โหดเหี้ยมที่สุดในศตวรรษที่ 20 ผู้ที่ต้องตายเพราะสตาลินมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์
แต่สุดท้ายแล้วสตาลินต้องพบกับกฎแห่งธรรมชาติ หรือ ความตายเช่นเดียวกัน ตามหลักฐานของทางการโซเวียต สตาลินตายเพราะโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ในปี ค.ศ.1953
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ก่อนที่สตาลินจะตายเต็มไปด้วยปริศนา ในโพสนี้เราจะมาดูกันครับว่าปริศนาคืออะไร?

สตาลินในปี ค.ศ.1953
สงครามโลกครั้งที่สองได้จบลงในปี ค.ศ.1945 ด้วยชัยชนะของสหภาพโซเวียต นายพลชูห์คอฟ (Zhukov) และนายทหารอื่นๆ มากมายถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษโดยมวลชนชาวโซเวียต สหภาพโซเวียตอยู่ในความชื่นมื่นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
บรรยากาศเช่นนี้กลับทำให้สตาลินไม่พอใจอย่างเงียบๆ สตาลินคิดว่าการปกครองสหภาพโซเวียตแห่งนี้ให้อยู่รอดตลอดฝั่งต้องอาศัย “ความกลัว” ไม่ว่าจะเป็นความกลัวในหมู่ประชาชน กองทัพ หรือแม้กระทั่งสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เอง
ในปี ค.ศ.1937-1939 สตาลินได้ใช้การตายของเซอร์เกย์ คิรอฟ เป็นข้ออ้างในการกวาดล้างครั้งใหญ่เพื่อรวบอำนาจทั้งหมดไว้ในมือตน และสร้าง “ความกลัว” ขึ้นมาด้วย ผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ถูกจับกุมและยิงทิ้ง ส่วนใครที่โชคดีหน่อยจะถูกส่งไปค่าย gulag
ความกลัวได้ทำให้ไม่ใครกล้าต่อต้านสตาลิน และการปกครองของเขา แต่สงครามหลายปีกับฮิตเลอร์ได้ทำลายบรรยากาศดังกล่าวไปหมดแล้ว สตาลินตระหนักว่าเขาต้องการการกวาดล้างครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งเพื่อทำให้ความกลัวกลับมาเหมือนเดิม ประเทศจะได้มั่นคงอยู่ภายใต้กำปั้นเหล็ก
จริงๆ แล้วในช่วงปี ค.ศ.1946-1953 สตาลินได้สั่งให้จับกุมและสังหารผู้ที่เขาคิดว่าเป็นปรปักษ์กับเขาไปไม่น้อย แต่สตาลินคิดว่ายังไม่เพียงพอ แม้ว่าในตอนนั้นสุขภาพของสตาลินจะเริ่มย่ำแย่แล้วก็ตามจากโรคหัวใจที่เขาเป็นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1945
“เครื่องมือ” ที่สตาลินใช้กำจัดศัตรูการเมืองคือหน่วยงานตำรวจลับโซเวียตที่เรียกกันว่า Cheka, GPU, NKVD (ชื่อเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามยุคสมัย) สำหรับสตาลินแล้ว เมื่อเขาใช้งานเครื่องมือพวกนี้เสร็จแล้ว เขาจะ “ทำลาย” เสียทุกครั้ง และ “สร้าง” เครื่องใหม่ขึ้นมา
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ผู้บังคับบัญชาตำรวจลับและตำรวจลับคนเก่าๆ ต่างถูกจับกุมและสังหารทิ้งตามคำสั่งของสตาลิน ยาโกดา (Yagoda) และเยซอฟ (Yezhov) ผู้บังคับบัญชาตำรวจลับที่ทำหน้าที่กวาดล้างในปี ค.ศ.1937-1939 ต่างกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปหมดแล้ว
ในปี ค.ศ.1953 ตำแหน่งผู้บังคับบัญชาตำรวจลับอยู่ที่ ลาเวนที เบเรีย (Lavrentiy Beria) เมื่อเขาทราบว่าสตาลินกำลังจะเริ่มต้นการกวาดล้างครั้งใหญ่อีกครั้ง เบเรียรู้สึกกลัวเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับโมโลตอฟ และผู้นำระดับสูงคนอื่นๆ ในพรรค

คืนวันเกิดเหตุ
คืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1953 สตาลินและสมาชิกของคณะมนตรีโพลิตบูโรได้ชมภาพยนตร์ในพระราชวังเครมลิน หลังจากนั้นสตาลิน เบเรีย ครุชเชฟ มาเลนคอฟ และบูกันนิน ได้เดินทางไปยังบ้านพักนอกกรุงมอสโก ซึ่งสตาลินมาพำนักอยู่เป็นประจำ
กลางดึกของคืนนั้น หลังจากที่สมาชิกพรรคคนอื่นๆ กลับไปแล้ว พวกทหารได้รับคำสั่งจากสตาลินว่า
ฉันกำลังจะนอน ฉันไม่น่าจะต้องการพวกคุณ พวกคุณควรจะไปนอนด้วยเหมือนกัน
สำหรับพวกทหารแล้ว นั่นเป็นเรื่องแปลก เพราะสตาลินเป็นคนหมกมุ่นกับความปลอดภัยของตัวเองมาก ทำให้เขาไม่เคยสั่งให้พวกทหารไปนอนมาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขามีคำสั่งเช่นนี้
ผลที่ตามมาคือ คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ไม่มีการรักษาความปลอดภัยให้กับสตาลิน
ผ่านไปจนถึงตอนเช้า สาย บ่าย เที่ยง เย็นของวันรุ่งขึ้น สตาลินเองก็ยังไม่ออกมาจากห้อง ตั้งแต่โดยทั่วไปแล้ว สตาลินจะตื่นประมาณ 11 โมง พวกทหารเองก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปเพราะความกลัวว่าจะถูกลงโทษ
จนกระทั่งสี่ทุ่มของวันนั้น มีพัสดุส่งมาจากคณะกรรมาธิการกลาง ทหารนายหนึ่งชื่อ ปีเตอร์ ลอซกาเชฟ (Peter Lozgachev) จึงเปิดประตูห้องเข้าไป ปรากฏว่าสิ่งที่เขาเห็นคือ……
สตาลินที่อยู่ในชุดนอนกำลังนอนจมกองปัสสาวะของตนเองอยู่ที่พื้น สตาลินยังมีชีวิตอยู่แต่หายใจอย่างรวยริน ลอซกาเชฟรีบถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่สตาลินได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ออกมาจากลำคอเท่านั้น
ลอซกาเชฟรีบแจ้งพวกทหารคนอื่นให้เข้ามาในห้อง ทุกคนช่วยกันนำสตาลินไปที่โซฟา และแจ้งผู้นำระดับสูงทันที
แพทย์ถูกเรียกตัวมาดูอาการของสตาลินในอีกหลายชั่วโมงต่อมา แพทย์วินิจฉัยว่าหลอดเลือดสมองของสตาลินน่าจะแตกออก และพยายามรักษาทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้ แต่ในเวลานั้นการรักษายังไม่ได้มาตรฐาน อาการของสตาลินจึงแย่ลงอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ.1953 สตาลินก็จากโลกนี้ไป
คำถามที่สำคัญคือ มันเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลาเกือบ 20 ชั่วโมงดังกล่าว?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
มีผู้ต้องสงสัยมากมายเกี่ยวกับการตายของสตาลิน หนึ่งในทฤษฎีที่สำคัญคือ เบเรีย ผู้บัญชาการตำรวจลับเป็นทำให้สตาลินถึงแก่ชีวิต เพราะกลัวว่าจะถูกกำจัดเหมือนกับยาโกดา และเยซอฟ
ในประเด็นนี้ นักประวัติศาสตร์ทั้งในรัสเซียและนอกรัสเซียเห็นตรงกันว่า “เป็นไปได้”
ลอซกาเชฟได้เล่าความทรงจำของเขาว่า ในคืนวันที่เกิดเรื่อง คำสั่งที่สั่งให้พวกทหารไปนอนมาจากชายผู้หนึ่งชื่อ ครุชตาเลฟ (Khrustalev) ไม่ใช่มาจากสตาลินโดยตรง ครุชตาเลฟผู้นี้ไม่ใช่หนึ่งในทหารที่รักษาการณ์ที่บ้านพักของสตาลินด้วย
กลิ่นอายความแปลกจึงเริ่มต้นตั้งแต่บัดนั้น
ช่วงเวลานั้นเอง เราไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นไปได้ที่ครุชตาเลฟจะบุกเข้าไปและจัดการอะไรสักอย่างกับสตาลินให้อยู่ในสภาพเช่นนั้น หรือครุชตาเลฟอาจจะเปิดทางให้คนอื่นเข้ามาจัดการกับสตาลินก็เป็นไปได้ หนึ่งในทฤษฎีอธิบายว่า สตาลินน่าจะถูกวางยาพิษ หรือฉีดสารอะไรสักอย่างหนึ่งที่กระตุ้นให้เส้นเลือดในสมองแตก
หลังจากที่ลอซกาเชฟพบร่างสตาลินแล้ว ผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์อย่าง เบเรีย มาเลนคอฟ ครุชเชฟ และบูกันนินต่างเดินทางมาที่บ้านพัก ผู้ที่มาถึงคนแรกคือเบเรียและมาเลนคอฟ
เมื่อเบเรียมาถึง เบเรียสั่งให้พวกทหารอย่าพึ่งตามหมอ เขาตวาดพวกทหารว่า
อย่ามารบกวนพวกเรา อย่าสร้างความตื่นตระหนก และอย่ารบกวนสหายสตาลิน!
นอกจากนี้เบเรียยังไม่ได้สั่งให้ตามแพทย์มาดูอาการของสตาลินแต่อย่างใด ครุชเชฟ มาเลนคอฟ และบูกันนินต่างไม่มีใครแย้งคำสั่งของเบเรียเลย แม้ว่าจะสามารถทำได้ก็ตาม
กว่าแพทย์จะมาถึงก็ผ่านไปถึง 12 ชั่วโมงแล้วหลังจากพบร่างของเขานอนอยู่ที่พื้น ทำให้อาการของสตาลินหนักจนสายเกินแก้
หลายคนจึงตั้งข้อสงสัยว่าเบเรียมีส่วนสำคัญยิ่งกับการตายของสตาลิน และอาจจะเป็นคนสั่งให้ลงมือทำอะไรสักอย่างกับสตาลินในห้องวันนั้นด้วยซ้ำไป
สิ่งที่ขาดไปคือ หลักฐาน เราไม่มีหลักฐานว่าเบเรียทำจริงๆ เราจึงสรุปไม่ได้ว่าเขาเป็นผู้สังหารสตาลิน แต่ถามถึงความเป็นไปได้แล้ว มันชัดเจนว่ามีโอกาสไม่น้อยเลยทีเดียว

ข้อโต้แย้ง
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้มีข้อโต้แย้งเช่นเดียวกัน
นักประวัติศาสตร์บางคนอย่าง Simon Sebag Montefiore เสนอว่าการที่เบเรียปล่อยเวลาให้ผ่านไปก็เพราะ “กลัว”
เบเรียกลัวว่าสตาลินจะหายอย่างรวดเร็ว และโกรธเคืองที่มีคนใช้อำนาจโดยพลการเรียกแพทย์มา เบเรียรู้ดีว่าสตาลินระแวงพวกแพทย์อย่างมาก การเรียกแพทย์มารักษาสตาลินโดยที่ไม่ได้รับคำสั่ง อาจจะทำให้สตาลินเล่นงานเบเรียได้ เบเรียเลยชะลอการเรียกแพทย์ไป 12 ชั่วโมง เพื่อให้แน่ชัดว่าสตาลินไม่ไหวแน่นอนแล้ว เขาถึงจะเรียกแพทย์มา
บางทฤษฎีเสนอว่า เบเรียอาจจะไม่ได้ส่งคนเข้าไปสังหารสตาลินโดยตรง แต่ฉวยโอกาสที่สตาลินเป็นโรคหลอดเลือดสมองฆ่าเขาเสียทางอ้อม ด้วยการไม่เชิญแพทย์มา เบเรียน่าจะทำลงไปเพราะความกลัวว่าสตาลินจะกำจัดเขาเหมือนกับที่ทำมากับคนก่อนๆ
อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างเป็นการคาดเดาเท่านั้น เราไม่ทราบว่าในคืนวันนั้นเกิดอะไรขึ้นกับสตาลิน เขาถูกวางยาพิษจริงหรือไม่? และการกระทำของเบเรียเป็นความจงใจหรือไม่จงใจ? ทุกอย่างล้วนแต่เป็นปริศนา
Sources:
- Radzinsky, Stalin
- Sebag-Montefiore, Stalin: The Court of the Red Tsar
- Service, Stalin: A Biography