ในตอนที่แล้ว อตาฮวลปาได้นัดหมายว่าจะพบกับพวกสเปนในวันรุ่งขึ้นในเมือง Cajamarca ในใจของเขาหมายว่าจะสังหารพวกสเปนให้ราบคาบในวันพรุ่งนี้
หากแต่ว่าพวกสเปนก็คิดอย่างเดียวกับอตาฮวลปาไม่ผิดเพี้ยน
แผนการของพวกสเปน
เออร์นานโดและโซโทได้กลับไปรายงานทุกอย่างให้ฟรานซิสโก ปิซาร์โรทราบ ทั้งสองรายงานว่าได้พบเห็นสิ่งของมีค่ามากมายในค่ายของอินคา เออร์นานโดได้บอกพี่ชายว่า กองทัพอินคาที่อยู่ที่นั่นมีประมาณสี่หมื่นคนถึงแปดหมื่นคน จำนวนที่มากมายเช่นนั้นทำให้ทหารสเปนจำนวนมากเริ่มรู้สึกกลัว
หากแต่ว่าพวกสเปนรู้อยู่แก่ใจว่าจะถอยไปไหนไม่ได้ ถ้าพวกเขาถอยหนี พวกอินคาย่อมได้ใจและติดตามมาไล่สังหารแน่นอน เพราะฉะนั้นพวกสเปนต้องยืนหยัดต่อสู้เท่านั้น
นายทหารสเปนบางคนเสนอให้ปิซาร์โรเลือกที่จะยอมจำนนต่ออตาฮวลปา และเป็นทหารรับจ้างให้กับเขา แต่ข้อเสนอนี้ไม่ดีนัก เพราะอตาฮวลปาอาจจะตระบัดสัตย์และสังหารพวกเขาเมื่อใดก็ได้
เมื่อพูดคุยไปมา แผนการที่พวกสเปนจะใช้ก็เหลือแผนการเดียว นั่นคือในวันรุ่งขึ้น พวกสเปนจะบุกเข้าจับอตาฮวลปาเป็นตัวประกันโดยไม่ให้เขาตั้งตัว หลังจากนั้นพวกเขาจะบังคับให้อตาฮวลปาทำทุกอย่างที่ต้องการ
พวกสเปนไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ สุดท้ายแล้วพวกเขาจึงตกลงกันว่าจะใช้แผนนี้
ผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่า จริงๆแล้วในคืนวันนั้นทหารสเปนแต่ละนายล้วนแต่กลัวเกรงมาก ทหารแต่ละนายได้สารภาพบาปกับบาทหลวงเพื่อเตรียมตัวที่จะตายในวันรุ่งขึ้น มีแต่เพียงปิซาร์โรเท่านั้นที่พยายามปลุกใจทหารของเขาให้หลุดออกจากความกลัว
ทั้งฝ่ายสเปนและอินคาต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้าที่ Cajamarca
วันแห่งโชคชะตา
เช้าวันนั้น ปิซาร์โรแจ้งให้ทหารทุกนายทราบว่า แผนการในวันนั้นจะปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบใดก็ได้ ขอให้ทหารทั้งหมดฟังคำสั่งของเขาอย่างเคร่งครัด เขาสั่งให้ทหารม้าที่มีอยู่แบ่งกำลังเป็นสามกอง ทุกกองไปรอในอาคารร้างใกล้กับศูนย์กลางของเมือง Cajamarca ส่วนทหารราบและทหารปืนใหญ่ก็ไปซุ่มซ่อนอยู่ใกล้กับบริเวณนั้น
ปิซาร์โรกำชับทหารทุกนายว่า ห้ามทำอันตรายต่ออตาฮวลปา จักรพรรดิที่ตายแล้วไม่มีประโยชน์ มีแต่จักรพรรดิที่ยังเป็นๆ เท่านั้นที่สามารถใช้งานได้
พวกสเปนรออยู่นานหลายชั่วโมง ตั้งแต่เช้าจนเที่ยง แต่อตาฮวลปาก็ยังไม่มาถึงเสียที จนกระทั่งช่วงบ่ายพวกสเปนจึงเห็นกองทัพอินคาหลายพันคนเดินเข้ามาใกล้ พวกสเปนคิดว่าอตาฮวลปามาแล้ว แต่อตาฮวลปากลับตั้งค่ายอยู่หน้าเมืองเสียอย่างนั้น
ปิซาร์โรรู้สึกรำคาญใจมาก เขาจึงส่งคนไปยังค่ายของอตาฮวลปาเพื่อให้เขาเข้ามาเจรจากันเสียที นายทหารสเปนผู้นั้นเดินทางไปที่ค่ายของอตาฮวลปา และใช้ภาษาอินคาที่เขาพอรู้อย่างงูๆ ปลาๆ กับภาษามือบอกให้อตาฮวลปาเข้าไปในจัตุรัสกลางเมืองได้แล้ว
ไม่นานหลังจากที่ทหารนายนั้นกลับมา พวกสเปนก็ได้เห็นกองทัพอินคาเคลื่อนไหวอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ขบวนอันยิ่งใหญ่ของว่าที่จักรพรรดิอินคากำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้เมือง กองทัพอินคาที่เข้ามาในเมืองมีประมาณหกพันคน
ปิซาร์โรเห็นอตาฮวลปากำลังเข้ามายังจัตุรัสกลางเมือง เขาเดินไปตรวจตรากองทหารแต่ละกองทันที และกำชับให้ทหารสเปนทุกนายเตรียมพร้อม พวกสเปนทั้งตื่นเต้นและกลัวกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ท้ายที่สุดอตาฮวลปาก็เข้ามาถึงจัตุรัสกลางเมือง ตัวเขารู้ก่อนหน้าแล้วจากสายลับว่าพวกสเปนหลบอยู่ในอาคารใกล้กับบริเวณนั้น เขาจึงพยายามเรียกให้พวกสเปนออกมา
แต่ทุกอย่างกลับเงียบสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
จู่โจมสายฟ้าแลบ
ระหว่างนั้นเอง อตาฮวลปาเห็นชาวต่างถิ่นสองคนเดินเข้ามาหา คนหนึ่งคือบาทหลวงชาวสเปน ส่วนอีกคนหนึ่งคือ Felipillo ผู้เป็นล่ามนั่นเอง ในมือของบาทหลวงมีไม้กางเขน และหนังสือบทสวดมนต์ในศาสนาคริสต์อยู่ ทั้งสองเดินตรงเข้าไปหาอตาฮวลปาทันที
เมื่อเข้าไปถึงแล้ว บาทหลวงได้เชื้อเชิญให้อตาฮวลปาเข้าไปในอาคารข้างๆ เพื่อที่จะไปพบกับปิซาร์โร
เจตนาของบาทหลวงคือ ลวงอตาฮวลปาเข้าไปด้านในอาคาร พวกสเปนจะได้กลุ้มรุมจับตัวได้อย่างง่ายๆ
อตาฮวลปากลับปฏิเสธ เขากล่าวว่า
ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ก่อนที่พวกเจ้าจะคืนทุกสิ่งที่พวกเจ้านำไปจากดินแดนของข้า ฉันรู้ดีว่าพวกเจ้าเป็นใคร และกำลังทำอะไรอยู่
บาทหลวงเห็นแผนการไม่ได้ผล เขาจึงพยายามบอกให้อตาฮวลปายอมรับนับถือศาสนาคริสต์ แต่อตาฮวลปาก็ยังนิ่งเฉย ทำให้บาทหลวงเริ่มโกรธขึ้นตามลำดับ เขาจึงให้ Felipillo บอกให้อตาฮวลปาว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะพินาศไปเพราะความผิดของตัวอตาฮวลปาเอง
หลังจากนั้นบาทหลวงก็ได้มอบหนังสือสวดมนต์ให้กับอตาฮวลปา เขาหยิบหนังสือดังกล่าวจากบาทหลวงขึ้นไปดู แต่ปรากฏว่าอตาฮวลปาเปิดไม่เป็น (เพราะพวกอินคาไม่มีหนังสือและตัวหนังสือในอารยธรรมของพวกเขา) บาทหลวงจึงเดินเข้ามาใกล้เพื่อหมายใจจะเปิดหนังสือสวดมนต์ให้กับอตาฮวลปา
อตาฮวลปากลับใช้มือฟาดเข้าไปที่แขนของบาทหลวงอย่างแรง หลังจากนั้นเขาก็เปิดหนังสือออกมาจนได้ เมื่อดูอยู่ได้ไม่นาน เขาก็โยนหนังสือทิ้งทันที
เขาพูดขึ้นอย่างโกรธๆ อีกครั้งว่า เขาจะไม่ไปไหนถ้ายังไม่ได้ทิ้งที่พวกสเปนนำไปกลับคืนมา
จังหวะนั้นเอง ระหว่างที่ Felipillo กำลังเดินไปหยิบหนังสือบทสวดมนต์ขึ้นมา บาทหลวงผู้นั้นได้วิ่งหนีหายเข้าไปในอาคาร และตะโกนร้องด้วยเสียงอันดังว่า
ชาวคริสเตียนทั้งหลายจงออกมา! ออกมาจัดการพวกที่ปฏิเสธพระเจ้าเถิด เจ้าหัวหน้าโยนหนังสือศักดิ์สิทธิ์ลงกับพื้น
ปิซาร์โรจึงตะโกนสั่งให้ทหารสเปนทั้งหลายบุกออกไปทันที เขาสั่งให้ทหารยิงปืนใหญ่ที่มีอยู่เป็นการเปิดฉากการต่อสู้ พลปืนทั้งหลายที่ซุ่มอยู่ก็เริ่มยิงทหารอินคา
ทหารม้าสเปนจึงใช้โอกาสนั้นบุกออกมาจากอาคารที่หลบซ่อนอยู่ เสียงทรัมเป็ตและเสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่ว
พวกทหารอินคาต่างตื่นตระหนกกับเสียงปืนใหญ่ที่พวกตนเองไม่เคยได้ยินมาก่อน เมื่อฝุ่นควันเริ่มจางหายไป พวกเขาก็พบกับชาวต่างถิ่นสวมใส่เกราะหนา และขี่สัตว์ตัวใหญ่พุ่งเข้ามาหาพวกตนจากรอบด้าน ทำให้พวกอินคาตั้งตัวไม่ติด
ทหารม้าสเปนใช้โอกาสนั้นสังหารทหารอินคาล้มลงคนแล้วคนเล่า พวกอินคาที่ตื่นกลัวต่างถอยหนีกันไปแออัดกันอยู่ตรงกลาง ทำให้ทหารบางส่วนเหยียบกันตาย
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทำให้ทหารอินคาเป็นเหยื่ออันโอชะของอาวุธอันคมกริบของทหารสเปน
ทหารอินคาที่อยู่ใกล้ทางออกต่างหลบหนีออกไปด้วยความแตกตื่นเพื่อเอาชีวิตรอด พวกเขาลืมอตาฮวลปาไปเสียสิ้น
ในระหว่างนั้นเอง ปิซาร์โรและทหารเดินเท้ายี่สิบคนก็เข้าฟาดฟันกองทหารอินคาที่อยู่รายล้อมอตาฮวลปาเพื่อที่จะเข้าไปถึงตัวอตาฮวลปาให้จงได้ ปิซาร์โรสังหารทหารอินคาไปคนแล้วคนเล่า จนสุดท้ายเขาก็เข้าถึงตัวอตาฮวลปา
อตาฮวลปานั่งอยู่บนเกี้ยวและพยายามจะสั่งให้ทหารของเขาสงบลง ปิซาร์โรจึงฉวยเข้าไปและจับที่แขนซ้ายของอตาฮวลปา แต่เขายังดึงอตาฮวลปาลงมาไม่ได้ เพราะเกี้ยวของอตาฮวลปาอยู่สูงมาก
ปิซาร์โรจึงต้องไล่สังหารทหารอินคาที่อุ้มเกี้ยวของอตาฮวลปาอยู่ทุกคน คนที่อุ้มเกี้ยวของอตาฮวลปานี้ล้วนแต่เป็นชนชั้นสูงและเสนาบดี พวกเขาพลีชีพเพื่อปกป้องเจ้าเหนือหัวของเขาจนถึงวาระสุดท้าย
เมื่อสิ้นพวกเขาแล้ว เกี้ยวของอตาฮวลปาจึงล้มลงมา มีทหารสเปนสองนายลืมคำสั่งที่ว่าห้ามสังหารอตาฮวลปา พวกเขาชักมีดและพยายามแทงว่าที่จักรพรรดิอินคาผู้นี้ ปิซาร์โรเห็นเข้าจึงเข้าขัดขวาง ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่มือเล็กน้อย
หลังจากนั้นปิซาร์โรก็ดึงอตาฮวลปาออกมาได้สำเร็จ อตาฮวลปาถูกนำตัวเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้อตาฮวลปาจะถูกจับกุมแล้ว พวกทหารสเปนยังไม่หยุดการสังหาร ทหารม้าแต่ละนายพุุ่งเป้าไปที่พวกอินคาที่แต่งตัวดูมียศศักดิ์ก่อน ทำให้เหล่าชนชั้นสูงและแม่ทัพคนสำคัญของอตาฮวลปาที่เดินทางมากับเขาด้วยต่างถูกสังหารจนหมดสิ้น
การสังหารดำเนินไปถึงเวลาเย็นจึงสิ้นสุดลง โดยสรุปแล้วพวกอินคาถูกทหารสเปนเพียง 168 นายสังหารในวันนั้นมากถึง 4,000-5,000 คน ในจำนวนนี้มีจำนวนมากที่เป็นแม่ทัพ นายทหารระดับสูง เสนาบดี และหัวหน้าเผ่าต่างๆ ส่วนพวกสเปนไม่เสียทหารเลยแม้แต่คนเดียว
ว่ากันว่าที่พวกอินคาไม่ทันตั้งตัวก็เพราะว่าไม่มีใครคิดว่าจะต้องต่อสู้ในวันนั้น ผู้ที่ทราบว่าอตาฮวลปาจะเก็บพวกสเปนมีเพียงนายทหารระดับสูงไม่กี่คน กองทัพส่วนใหญ่จึงไม่ได้ตั้งตัว เมื่อพบเจออาวุธและม้าของพวกสเปนยิ่งทำให้พวกเขาตื่นตระหนกกันไปใหญ่
เพียงไม่กี่ชั่วโมง อตาฮวลปา ผู้ที่หมายใจจะสังหารพวกสเปนและเข้าไปทำพิธีราชาภิเษกในเมืองคุซโก กลับตกเป็นเชลยเสียแล้ว
อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกันแน่?
ติดตามต่อในตอนที่ 5