ประวัติศาสตร์สือเล่อ (Shi Le) จากทาสสู่บัลลังก์มังกร ตอนที่ 1: ทาสชาวเจี๋ย

สือเล่อ (Shi Le) จากทาสสู่บัลลังก์มังกร ตอนที่ 1: ทาสชาวเจี๋ย

ถ้าเอ่ยถึงชีวิตของใครสักคนในหน้าประวัติศาสตร์จีนที่เป็นแบบพลิกดินสู่ดาว หลายคนอาจจะคิดถึงหลิวปัง ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่นที่มีต้นกำเนิดเดิมเป็นชาวนา หรือจูหยวนจาง ปฐมจักรพรรดิราชวงศ์หมิงที่อดอยากแสนสาหัส

แต่ถ้ามองสตอรี่นี้แบบ Extreme แล้วนั้น ผมมองว่าไม่มีใครเทียบได้กับสือเล่อ (Shi Le, 石勒) แห่งราชวงศ์โฮ้วจ้าวครับ ชีวิตของเขาเป็นอย่างไรเราไปดูกันเลยดีกว่า

ถูกขายเป็นทาส

สือเล่อผู้นี้ไม่ใช่ชาวจีนฮั่น เขาเป็นชาวเจี๋ย (Jie) หนึ่งในพวกอนารยชนห้าเผ่าที่อาศัยอยู่นอกกำแพงเมืองจีน เรื่องความเป็นมาของชาวเจี๋ยนี้ไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด เพราะชาวเจี๋ยถูกกวาดล้างอย่างราพณาสูรในเวลาต่อมา ทำให้ไม่มีใครทราบอย่างแน่ชัดว่าวัฒนธรรมและภาษาของพวกเขาเป็นแบบใด

ช่วงที่สือเล่อเกิดนั้นเป็นช่วงก่อนที่ราชวงศ์จิ้นจะผนวกง่อก๊กเล็กน้อย ทำให้ชีวิตส่วนหนึ่งของเขาคาบเกี่ยวกับยุคสามก๊กอยู่บ้าง โดยบิดาของสือเล่อนั้นเป็นหัวหน้าเผ่าเล็กๆ เผ่าหนึ่งของชาวเจี๋ยที่อาศัยอยู่ในปิงโจว (ปัจจุบันคือมณฑลซานซี)

พอสือเล่อโตเป็นหนุ่ม ราชวงศ์จิ้นก็เผชิญกับกลียุค เพราะการบริหารของเจี่ยหนานเฟิงได้นำไปสู่ความวุ่นวายอ๋องทั้งแปด ปิงโจว จังหวัดที่เขาอาศัยอยู่จึงเผชิญกับปัญหาขาดแคลนอาหารอย่างหนักเพราะการสู้รบ สือเล่อและครอบครัว ตลอดจนสมาชิกในเผ่าจึงหนีไปคนละติดละทางเพื่อเอาชีวิตรอด

ท้ายที่สุดสือเล่อก็ถูกพวกทหารจิ้นจับกุมได้ และได้ขายให้กับชายผู้หนึ่งนามว่าชือหวน แต่ปรากฏว่าชือหวนกลับปล่อยให้สือเล่อเป็นอิสระ เพราะเห็นว่ามีสติปัญญาเกินกว่าคนสามัญ

อย่างไรก็ดีหลังจากเป็นอิสระ สือเล่อก็ใช้ชีวิตเป็นโจรร่วมกับจี๋ซัง คนเลี้ยงม้าที่อาศัยอยู่ข้างบ้านของชือหวน ทั้งสองได้เกณฑ์ผู้คนเป็นซ่องโจรขนาดใหญ่ และมีพรรคพวกหลายร้อยคน

ในช่วงปี ค.ศ.304 จี๋ชังและสือเล่อได้เข้าสวามิภักดิ์ต่อซือหมาหยิ่ง (Sima Ying) แต่หลังจากนั้นไม่นานซือหมาหยิ่งก็พ่ายแพ้ในการแย่งชิงอำนาจ และถูกถอดออกจากตำแหน่ง จี๋ซังจึงได้ลุกฮือขึ้นเพื่อล้างแค้นแทนเจ้านาย โดยมีสือเล่อเป็นกำลังสำคัญ อย่างไรก็ดีในเวลานั้นสือเล่อยังไม่มีชื่อเป็นของตนเอง จี๋ชังผู้นี้เองที่มอบชื่อ “สือเล่อ” ให้กับอดีตทาสชาวเจี๋ยซึ่งในเวลานั้นไม่มีชื่อแซ่เหมือนกับคนจีนฮั่นทั่วไป

แม่ทัพผู้โหดเหี้ยม

การลุกฮือของจี๋ชังนั้นประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อกองทหารจิ้นอยู่ดี จี๋ชังและสือเล่อได้หนีตายไปคนละทาง สือเล่อนั้นโชคดีที่หนีไปยอมจำนนต่อกองทัพฮั่นจ้าวของหลิวเยวียนได้สำเร็จ ส่วนจี๋ชังนั้นหนีไม่รอด เขาถูกจับสังหารโดยทหารของซือหม่าเถิง ราชนิกูลราชวงศ์จิ้นที่จี๋ชังเคยสังหารไปก่อนหน้านี้

ฮั่นจ้าวนั้นเป็นแคว้นใหม่ที่ตั้งขึ้นโดยหลิวเยวียน ชนชั้นสูงชาวซงหนูที่อ้างว่าตนเองสืบเชื้อสายมาจากจักรพรรดิราชวงศ์ฮั่นจากการที่ฮ่องเต้ฮั่นได้ส่งเจ้าหญิงไปอภิเษกสมรสกับฉานหยู (ประมุขของพวกซงหนู) มาทุกยุคทุกสมัย ในปี ค.ศ.304 หลิวเยวียนได้แยกตัวออกจากราชวงศ์จิ้น และตั้งตนขึ้นเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ฮั่นจ้าว ดังนั้นเรียกได้ว่าเป็นศัตรูของราชสำนักจิ้น

ด้วยความที่ศัตรูของศัตรูคือมิตร ดังนั้นหลิวหยวนจึงแต่งตั้งให้สือเล่อเป็นแม่ทัพ ซึ่งพอได้เป็นแม่ทัพแล้ว สือเล่อที่ติดนิสัยโจรป่ามาด้วยก็ยังใช้กลยุทธ์เดิมๆ นั่นคือคอยปล้นสะดมเมืองต่างๆ และเก็บทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ เข้ามาไปเป็นของตน แต่ก็คอยปั่นป่วนทหารจิ้นได้อยู่ไม่น้อย ทำให้เขาดำเนินการปล้นเมืองต่างๆ ต่อไปโดยปราศจากอุปสรรคขัดขวางจากฝ่ายฮั่นจ้าว

อย่างไรก็ดีเมื่อหลิวชงได้เป็นฮ่องเต้ฮั่นจ้าวคนใหม่ สือเล่อได้ตำแหน่งสูงขึ้น และได้ควบคุมกองกำลังทหารที่ใหญ่ขึ้น แต่นั่นหมายความว่าเขามีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการต่อกรกับราชวงศ์จิ้น ซึ่งในเวลานั้นอ่อนแอลงมาก แต่ก็ยังมีกองกำลังทหารที่เข้มแข็ง และสกัดไม่ให้ฮั่นจ้าวตีชิงเมืองบริเวณลุ่มแม่น้ำเหลือง

จนกระทั่งในปี ค.ศ.311 ซือหม่าเยวีย หนึ่งในแปดหวางที่ก่อการวุ่นวายในราชสำนักจิ้นสิ้นชีวิตลง กองทัพจิ้นขนาดใหญ่จึงถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับร่างของเขาเพื่อนำกลับไปฝังที่่ซานตง ราชสำนักฮั่นจ้าวทราบข่าวจึงเร่งเตรียมการ “ต้อนรับ” โดยทันที ด้วยการให้สือเล่อและกองทัพม้าส่วนหนึ่งไปตีสกัด โดยที่กองทัพจิ้นไม่ระวังตั้งตัว

อย่างไรก็ดีเมื่อสือเล่อนำทัพมาใกล้กับกองทัพจิ้น เขาเห็นว่ากองทัพศัตรูมีจำนวนมากกว่ามาก ทำให้ไม่ง่ายที่จะโจมตี แต่ทหารที่เขานำมาด้วยนั้นส่วนใหญ่เป็นทหารม้าที่มีคล่องตัว เพราะฉะนั้นจะต้องใช้จุดแข็งนี้ให้เป็นประโยชน์

ด้วยเหตุนี้สือเล่อจึงใช้การเข้าโจมตีของทหารม้าที่รวดเร็วและรุนแรง แต่ด้วยความคล่องตัวทำให้ทหารจิ้นไม่แน่ใจว่าศัตรูมีมากน้อยเพียงใดกันแน่ ต่างคนต่างตื่นตระหนกและหลบหนีไปคนละทาง หรือแม้กระทั่งเหยียบกันตายกันเป็นจำนวนมาก ทหารจิ้นจึงกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของสือเล่อในการไล่สังหาร

พอสิ้นสุดวันนั้นปรากฏว่ากองทัพจิ้นแตกยับเยิน สือเล่อนั้นจับเป็นเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และแม่ทัพจิ้นได้เหลือคณานับ แต่ไม่มีใครสักคนเดียวที่รอดคมดาบของสือเล่อไปได้ เพราะเขาได้สั่งให้ทหารสังหารหมดทุกคน

ชัยชนะของสือเล่อนั้นเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะเขาได้ทำลายกองกำลังทหารจิ้นที่แข็งแกร่งที่สุดไปแล้ว ทำให้เมืองต่างๆ ของราชวงศ์จิ้นแทบจะไร้กำลังทหาร เปิดโอกาสให้ฮั่นจ้าวได้เป็นฝ่ายรุก และประสบความสำเร็จในการยึดลั่วหยาง เมืองหลวงราชวงศ์จิ้นได้อย่างง่ายดายในปีเดียวกัน

แต่ที่สำคัญที่สุดคือชัยชนะครั้งนี้ได้ทำให้สือเล่อมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งแผ่นดิน ทั้งในเรื่องความเก่งกล้าในการศึก รวมไปถึงความเหี้ยมโหดในการทำสงคราม ไม่ต่างอะไรกับไป๋ฉีแห่งราชวงศ์ฉิน แต่ในใจของสือเล่อนั้นไม่ได้ต้องการเป็นแค่แม่ทัพ เขาต้องการเป็นฮ่องเต้ที่สถาปนาราชวงศ์ของตนเองเลยทีเดียว

แต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้นได้ เขาจะต้องสร้างกองกำลังและฐานอำนาจของตนเองเสียก่อน และรอจังหวะเหมาะๆ ที่ตนเองจะได้ตั้งตนเป็นใหญ่ในแผ่นดินนี้

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!