ประวัติศาสตร์อาชญากรรมที่ถูกลืม: มรณสักขีแห่งสองคอน

อาชญากรรมที่ถูกลืม: มรณสักขีแห่งสองคอน

ในประวัติศาสตร์ไทยสมัยใหม่มีอาชญากรรมของรัฐไทยหลายเคสที่ถูกลืม ในโอกาสนี้ผู้เขียนขอนำเล่ามาให้ท่านผู้อ่านฟังอีกครั้งหนึ่ง

หนึ่งในเคสที่รุนแรงที่สุดคือ มรณสักขีแห่งสองคอน

มรณสักขีทั้ง 7 ท่าน

“มรณสักขี” แปลทับศัพท์มาจากภาษาอังกฤษคำว่า “Martyr” ซึ่งหมายถึงผู้เสียสละชีวิตเพื่อศาสนา โดยคำนี้จะใช้โดยทั่วไปสำหรับผู้พลีชีพในนามของพระเจ้าหรือว่าในนามของศาสนาคริสต์ ส่วน “สองคอน” เป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดมุกดาหาร

ในศตวรรษที่ 19 เมื่อชาวบ้านบุกเบิกบ้านสองคอนใหม่ๆ ปรากฎว่าเกิดโรคระบาด ทำให้ผู้คนเจ็บไข้ได้ป่วยมากมาย ชาวบ้านในบ้านสองคอนไม่มีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ พวกเขาจึงคิดว่าเกิดจากผีดุ ชาวบ้านเลยเชิญบาทหลวงตะวันตกที่จังหวัดนครพนม ผู้ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าไม่กลัวผีมาปราบ

บาทหลวงคริสเตียนโดยมากจะได้ศึกษาวิชาแพทย์อย่างง่ายมาด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้ท่านสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้ชาวบ้านได้สำเร็จ ชาวบ้านจำนวนหนึ่งจึงเกิดศรัทธาในตัวท่าน และเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์

ข่าวว่าบาทหลวงคริสเตียนสามารถรักษาโรคให้ชาวบ้านได้แพร่ออกไปยังหมู่บ้านอื่นๆ ชาวบ้านที่ถูกขับไล่เพราะหาว่าเป็น “ปอบ” จึงพากันมาอยู่อาศัยที่บ้านสองคอนแห่งนี้ เพราะหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเดียวที่ไม่เชื่อเรื่องปอบ

นอกจากนี้ทาสที่ได้รับการไถ่ตัวโดยบาทหลวงคริสเตียนก็ได้มาอยู่ที่บ้านสองคอนเช่นเดียวกัน พวกเขาเหล่านี้ล้วนแต่เปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาคริสต์ สองคอนจึงกลายเป็นชุมชนชาวคริสต์ที่ขยายตัวขึ้นตามลำดับ ชาวบ้านยังได้สร้างโบสถ์คริสต์ขึ้นอย่างเป็นทางการที่ บ้านสองคอนอีกด้วย

ชาวไทยที่นับถือศาสนาคริสต์อาศัยอยู่ที่สองคอนอย่างสงบ จนกระทั่งในปี พ.ศ.2483

ในช่วงปีดังกล่าว ไทยเกิดกรณีพิพาทกับอินโดจีนของฝรั่งเศส (French Indochina) โดยรัฐบาลไทยภายใต้การนำของจอมพล ป พิบูลสงครามต้องการจะตีชิงดินแดนที่สูญเสียไปในสมัยรัชกาลที่ 5 คืนจากฝรั่งเศส ดินแดนดังกล่าวคือดินแดนในประเทศลาวและกัมพูชาในปัจจุบัน

ในขณะนั้นฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามต่อเยอรมนีของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์อย่างยับเยิน ทำให้จอมพล ป พิบูลสงครามมองว่า ฝรั่งเศสไม่น่าจะสามารถช่วยเหลืออาณานิคมของตนเองในเอเชียได้ เปิดโอกาสให้กองทัพไทยบุกเข้ายึดดินแดนดังกล่าวคืน

คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกในประเทศไทยในขณะนั้นอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของคณะมิสซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส ดังนั้นคริสตจักรโรมันคาทอลิกจึงถูกตั้งแง่ว่าเป็นองค์กรของประเทศศัตรู รัฐบาลของจอมพล ป. พิบูลสงครามจึงหาเหตุเบียดเบียนคริสตจักรโรมันคาทอลิกทั่วประเทศไทย

ศาสนิกที่บ้านสองคอนนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมาเป็นเวลานาน และเป็นชุมชนคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งนั้น ดังนั้นบ้านสองคอนจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกรัฐบาลตั้งแง่เบียดเบียน บาทหลวง เปาโล ฟีเกต์ ผู้ดูแลวัดสองคอนถูกรัฐบาลขับไล่ออกนอกประเทศ

ด้วยเหตุนี้หน้าที่ดูแลคริสตศาสนิกชนที่สองคอนจึงอยู่กับ ครูประจำโบสถ์ชื่อ นายสีฟอง อ่อนพิทักษ์ และซิสเตอร์ (แม่ชี) อีก 2 คน ซิสเตอร์พิลา ทิพย์สุข และ ซิสเตอร์คำบาง สีคำพอง ทั้งสามเป็นคนไทยที่คอยดูแลคริสตศาสนิกชนที่สองคอนหลังจากที่บาทหลวงเปาโลจากไป

ถึงแม้จะขับไล่บาทหลวงฝรั่งเศสออกไปแล้ว การเบียดเบียนศาสนาคริสต์ในประเทศไทยกลับไม่ได้ลดลง ในทางตรงกันข้ามมันกลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ที่สองคอนเองปรากฎว่ามีผู้บุกรุกศาสนสถาน เข้ามาข่มขืนซิสเตอร์ และทำลายรูปเคารพทางศาสนาถึงในโบสถ์

หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจได้เข้ามาประกาศว่า ไทยกำลังจะทำสงครามกับฝรั่งเศส และประกาศก้องต่อชาวบ้านที่นับถือศาสนาคริสต์ว่า ถ้าไทยชนะจะไม่มีศาสนาคริสต์อีก ต่อมาตำรวจก็เริ่มบังคับให้ชาวบ้านละทิ้งศาสนาคริสต์ และห้ามไม่ให้มีการชุมนุมมากกว่า 4 คนขึ้นไป ชาวบ้านจึงเริ่มตื่นตระหนก

เจ้าหน้าที่รัฐคุกคามชาวบ้านที่สองคอน

ครูสีฟองเห็นว่าสถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ เขาจึงเขียนจดหมายถึงนายอำเภอว่า สถานที่ทางศาสนาของพวกตนถูกเบียดเบียนอย่างหนัก แต่ปรากฎว่าจดหมายกลับไปอยู่ในมือของตำรวจโดยไม่ทราบสาเหตุ เจ้าหน้าที่ต้องการจะกำจัดครูสีฟองอยู่แล้ว เพราะว่าชาวคริสต์ที่สองคอนมีครูสีฟองเป็นที่พึ่งและกำลังใจ ตำรวจจึงปลอมจดหมายตอบกลับครูสีฟองไปว่า ขอให้ครูสีฟองไปพบนายอำเภอในวันรุ่งขึ้น

ในวันต่อมาตำรวจสองคนก็มารับครูสีฟองออกจากบ้านสองคอนไป ตำรวจคนหนึ่งได้ยิงครูสีฟองจนสิ้นชีวิตเป็นคนแรก

หลังจากครูสีฟองสิ้นชีวิตแล้ว ตำรวจได้เข้ามาประชุมชาวบ้านในสองคอนให้เปลี่ยนศาสนา ชาวบ้านส่วนมากก็เกรงกลัวอันตรายจึงยินยอมทำตามแต่โดยดี แต่มีแม่ชี 2 คนและผู้หญิงอีก 6 คนปฎิเสธที่จะเปลี่ยนศาสนา ตำรวจจึงวางแผนที่จะสังหารพวกเธอเสีย

หนึ่งในผู้ที่ปฏิเสธที่จะเปลี่ยนศาสนา คือ นางสาวสุวรรณ แต่ทว่าเธอกลับมีบิดามารดามาตามกลับบ้านไป ทำให้เธอรอดชีวิต ส่วนที่เหลือนั้นตำรวจได้นำพวกเธอไปที่สุสานประจำชุมชน ตำรวจได้สั่งให้พวกเธอนั่งลงที่ขอนไม้เพื่อที่จะยิงสังหารทีละคน

ในช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้ายนั้น พวกเธอได้สวดมนต์อวยพรถึงพระเจ้าอย่างกล้าหาญ ตำรวจได้สังหารพวกเธอเรียงคนแล้วจึงกลับไป หากแต่ว่ามีเด็กหญิงที่ชื่อ สอน ที่โดนตำรวจยิงแล้วไม่ตาย ชาวบ้านลักลอบช่วยเหลือจนรอดชีวิตไปได้ในที่สุด

ชื่อของผู้ที่ถูกสังหารคือ

1. นายสีฟอง อ่อนพิทักษ์
2. ซิสเตอร์อักแนส พิลา ทิพย์สุข
3. ซิสเตอร์ลูซีอา คำบาง สีคำพอง
4. นางสาวอากาทา พุดทา ว่องไว
5. นางสาวเซซีลีอา บุดสี ว่องไว
6. นางสาวบีบีอานา คำไพ ว่องไว
7. เด็กหญิงมารีอา พร ว่องไว

ในปี พ.ศ.2532 โป๊ปจอห์นโปลที่ 2 ได้ประกาศให้ทั้งหมดเป็นมรณสักขี (Martyr) และบุญราศี (Beautification) ปัจจุบันทั้ง 7 ท่านจึงได้รับการขนานนามว่า “มรณสักขีแห่งสองคอน” และได้รับการยกย่องบูชามาจนถึงปัจจุบัน วันเฉลิมฉลองของบุญราศีแห่งสองคอนคือวันที่ 16 ธันวาคม

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะก่ออาชญากรรมที่สองคอนนี้อย่างโหดเหี้ยม แต่ในขณะนั้นทั่วโลกอยู่ในสภาวะสงคราม การหวาดระแวงว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องกับชาติศัตรูจะเป็นสปาย หรือ จารชนเป็นเรื่องปกติ

บ่อยครั้งที่ความหวาดระแวงนี้จะนำมาสู่การกวาดล้างผู้ที่ไม่ได้กระทำความผิดอย่างไร้เหตุผล ดังที่ปรากฎในอังกฤษ เยอรมนี รัสเซีย จีน สหรัฐอเมริกา หรือเรียกว่าได้ว่าทุกประเทศในขณะนั้น

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้สงครามโลกครั้งที่สองเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้นอีก

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!