รีวิวอาหารบุฟเฟต์รีวิวร้าน Salt//Pepper สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ อาหารจะจานใหญ่ไปไหน!

รีวิวร้าน Salt//Pepper สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ อาหารจะจานใหญ่ไปไหน!

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ร้านที่ผมจะรีวิวคือร้าน Salt//Pepper (ซอลท์ เปปเปอร์) สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ร้านอยู่ที่ชั้นขายตั๋วโรงหนัง SF เลยครับ

นี่คือบริเวณหน้าร้าน ตัวร้านสว่างดีครับ

ส่วนนี่คือในร้านก็สะอาดและกว้างขวางดี

สำหรับวันนี้ ผมมาด้วยดีลบุฟเฟต์ของHungry Hub ครับ ดีล Hungry Hub ของร้าน Salt//Pepper มีสองราคาได้แก่ 750 บาท และ 1,350 บาท ตัว 1,350 บาทเหนือกว่าแค่ตรงที่สั่งเมนูระดับพรีเมียมได้ไม่อั้น และสั่งเมนูเนื้อพิเศษ รวมไปถึงของหวานได้ด้วย ส่วนตัว 750 บาทจะสั่งได้แค่จานเดียว และไม่มีเมนูเนื้อพิเศษและของหวานด้วย

วันนี้เลยเลือกเป็น 750 บาทครับ เพราะไม่ได้อยากเนื้อขนาดนั้น 555

ดูเมนูเต็มๆ และจองดีลสามารถทำได้ที่นี่ครับ

เรามาดูอาหารกันดีกว่า สำหรับราคาอาหารในวงเล็บคือ ราคา a la carte นะครับ ซึ่งจริงๆ ผมไม่ได้กินเป็น a la carte แต่ใส่ไว้เป็นข้อมูลสำหรับท่านที่มาทานเป็น a la carte ครับ

เมนูแรกที่มาเป็น ซุปครีมข้นข้าวโพด (198 บาท) ตอนแรกซุปจะมาเป็นเหยือกนะครับ พนักงานจะนำมาเทใส่ชามให้รูป

ซุปร้อนดีมาก และมีความข้น ความมันในระดับที่กำลังพอดี รสชาติไม่เค็มหรือหวานเกินไป กินไปแล้วจะได้รสสัมผัสที่นุ่มๆ พอกินกับตัวขนมปังและครีมไปแล้วยิ่งอร่อยเลย โดยส่วนตัวแล้วผมชอบตัวนี้มากเลยครับ

ถัดมาเป็นซุปครีมเห็ดทรัฟเฟิล (209 บาท) ซุปตัวนี้เหมือนกับซุปตัวที่แล้วคือมาเป็นเหยือกเหมือนกันครับ

รสสัมผัสและความนุ่ม ความเนียน และความข้นยังเหมือนกับซุปข้าวโพด แต่ผมว่าเค้าใส่ทรัฟเฟิลน้อยไปนิดนึง ทำให้รสชาติของมันยังไม่ออกมาเท่าไรเลย แต่ก็ถือว่าเป็นซุปเห็ดที่อร่อย เวลากินจะรู้สึกได้ถึงความ creamy ของมัน

เกือบลืมบอกด้วยว่า ร้านนี้เค้ารวมน้ำด้วยครับ น้ำมีหลายอย่างให้สั่งเลย อย่างในรูปคือ เบอร์รี่ดอท และ พีชไซเดอร์โซดา (แก้วละ 110 บาท)

เบอร์รี่ดอทผมว่าเฉยๆ แต่พีชไซเดอร์โซดา ผมว่าอร่อยดี เพราะว่าหอม และรสชาติน้ำเชื่อมถือว่าดี สัดส่วนระหว่างโซดากับน้ำเชื่อมผมก็ว่าพอเหมาะ

ส่วนอันนี้เป็นชาอู่หลงร้อน (110 บาท)

ชานี้เหมือนจะใส่น้ำมาเยอะเกินไปหน่อยรึเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะมันจืดเกินไปจนเหมือนน้ำเปล่าเลย

เอาละ เรากลับมาที่อาหารดีกว่าครับ นี่เป็นสลัดสไปซี่ทูน่า (264 บาท)

ตัวนี้ผมก็ชอบนะ อย่างแรกเลยเพราะผักของทางร้าน Salt//Pepper นี่สดหมดทุกอย่าง ส่วนตัวสไปซี่ทูน่าก็ถือว่าอร่อยเลย เสียอยู่อย่างเดียวเท่านั้นเอง คือเชฟน่าจะหนักเกลือไปด้วย รสชาติเค็มมันเลยโดดออกมานิดนึง นิดนึงจริงๆ ครับ

แต่จานนี้ผมบอกเลยว่า ไซส์ใหญ่มาก ทำให้ตัดกำลังการกินสุดๆ เลยทีเดียว แต่ถ้ามาแบบ a la carte ผมบอกได้เลยว่าจานนี้คุ้มค่าราคาจริงๆ ครับ

ถัดมาคือ ยำสลัดเนื้อย่างโบราณ (319 บาท)

ผักสลัดของร้านเค้าก็ยังดีเหมือนเดิม ส่วนเนื้อย่างนี่ผมบอกได้เลยว่า อร่อยเลย เนื้อย่างหอมๆ และไม่เหนียวเลยด้วย แต่เสียอย่างเดียวสำหรับสายบุฟ จานใหญ่มากครับ วันนี้นี่ตกกับดักสลัดจริงๆ

ถัดมาคือ มันฝรั่งทอดกับซอส 8 ชนิด (220 บาท)

มันฝรั่งทอดนี่มี 3 แบบคือแบบ steak fries (แบบ sizzler) แบบ waffle fries (แท่งสี่เหลี่ยม) และแบบ Hash brown แบบเล็ก ส่วนซอส 8 แบบอันนี้ไม่แน่ใจว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ มีซอสมะเขือเทศ มาสตาร์ด ชีส ทาท่าซอส ที่เหลืออธิบายไม่ถูก ต้องไปลองเองแล้วละครับ

ตัวมันฝรั่งนี่ ผมว่าทอดมาได้เกรียมเกินไป แล้วอีกอย่างคือคลุกชีสมาด้วย เพราะมันทำให้เค็มเกินไป อย่างเช่น waffle fries นี่เค็มเกินไปจริงๆ พอเอามาจิ้มซอสบางตัวแล้วมันยิ่งเค็มยิ่งเลี่ยนเข้าไปใหญ่เลย

ส่วนซอส ต้องเรียนตามตรงว่า ไม่มีตัวไหนที่ผมรู้สึกชอบหรือติดใจเลย รู้สึกเฉยๆ ทุกตัวครับ

ถัดมาคือ ปีกไก่บาร์บีคิว (220 บาท)

ตัวนี้ย่างมาใช้ได้ ไม่เกรียม และสุกกำลังดี แต่ต้องเรียนให้ทราบเลยว่าชอบของ the pizza ทั่วไปมากกว่า 55 เพราะว่าของร้านนี้เครื่องเทศยังไม่แรงที่สุด ความเป็นบาร์บีคิวยังไม่ได้ครับ

เมนูถัดมาเป็น ผักโขมอบชีส (242 บาท)

ตัวนี้นี่ต้องขอชมเลยว่าอร่อยจริงๆ ตัวผักโขมอบชีสที่อบมาได้พอดีมากๆ ชีสหอมมากและใส่ชีสแบบไม่อั้นจริงๆ แถมชีสก็มีคุณภาพดีด้วย ความเค็มก็ไม่หนักเกินไปเหมือนกับบางร้าน

ส่วนขนมปังนี่ก็ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม ตัวขนมปังร้อน กรอบ และหอม พอกินกับผักโขมอบชีสแล้วอร่อยมากๆ ครับ

เอาละเรามาดู Main Course กันบ้าง

Main Course

Main Course สำหรับราคา 750 บาทจะสั่งได้คนละจานครับ วันนี้มา 3 คนเลยได้ 3 จานตามรูปด้านล่าง

เมนคอร์สจานแรกเป็นปลาแซลมอน (462 บาท)

ปลาแซลมอนทำมาได้ดีทีเดียว เพราะยังมีความชุ่มชื้นหลงเหลืออยู่ในเนื้อ ตัวหนาปลากรอบและอร่อยมาก โดยรวมแล้วถือว่าชอบทีเดียวครับ

ด้านล่างของปลานี่จะเป็นรีซอตโต้ ซึ่งก็ทำมาได้ดีเหมือนกัน เพราะหอมมาก มีความ creamy และไม่เค็ม ไม่เลี่ยนจนเกินไป จานนี้ถือว่าผ่านครับ

เมนูนี้เป็นอีกเมนูหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็น signature ของทางร้านก็ว่าได้ มันคือ ซี่โครงหมูบาร์บีคิว หรือ BBQ Pork Spare Ribs (605 บาท)

ผมขอบอกเลยว่าไม่เคยชอบกินซี่โครงหมูลักษณะนี้เลย แต่ของร้านนี้ต้องบอกจริงๆ ว่าอร่อย เพราะว่าเนื้อหมูนิ่มมาก ไม่เหนียวเลยและหอมด้วย สิ่งที่ชอบที่สุดคือเนื้อหมูไม่หวานเกินไป รสชาติและกลิ่นความเป็นบาร์บีคิวยังอยู่ครบถ้วน จานนี้ต้องยอมรับเลยครับว่าควรค่าแก่การเป็น signature menu ของร้าน

ส่วน curly fries อันนี้กลับทำมาได้ดี ผมชอบตัวนี้มากกว่ามันฝรั่งทอด 8 ซอสด้านบน ส่วนหนึ่งคงเพราะไม่ได้ทอดจนเกรียมเกินไปก็เป็นได้

จานสุดท้ายของ Main Course คือ ขาแกะนิวซีแลนด์ตุ๋นซอสไวน์แดง (649 บาท)

ตัวนี้บอกได้เลยว่าเนื้อแกะนุ่มมาก คือสามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ใช้ส้อมจิ้มเบาๆ แล้ว เนื้อแกะนี่ไม่สาบเลยครับ ถือว่าทำมาได้กลมกล่อมดี ซอสไวน์แดงก็อร่อยและไม่เค็มเกินไป ส่วน mashed potato ด้านล่างนี่ทำมาได้เนียนมาก และมีความหอมด้วย สรุปคือจานนี้ก็ชอบเหมือนกันครับ

สรุปแล้ว main course นี่ชอบทั้ง 3 จานเลยครับ ถือว่าทำได้ดีทั้งหมด

สรุป

โดยรวมแล้ว ผมว่าร้าน Salt//Pepper นี่คุ้มค่าเงินมากๆ ไม่ว่าจะเป็น a la carte หรือบุฟเฟต์ เพราะอาหารส่วนใหญ่มีคุณภาพดี และราคาไม่แพงด้วย ปริมาณอาหารที่ให้ก็จัดว่าเยอะมากๆ การบริการก็ยอดเยี่ยมครับ อาหารออกไวมากๆ ไม่ต้องตามเลย แถมทุกจานยังร้อนและทำมาใหม่ๆ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ท่านที่จะมากินบุฟเฟต์โดยใช้ deal ของ hungry hub ผมแนะนำว่าโปรดระวังให้จงดี โดยเฉพาะจานสลัดทั้งหลาย ไซส์ของแต่ละจานใหญ่มาก เพราะฉะนั้นอย่าสั่งทีละเยอะๆ ครับ ควรจะวางแผนก่อนสั่งด้วย

ดูรายชื่อและรีวิวร้านอาหารน่าลองในกรุงเทพและปริมณฑลได้ ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!