ประวัติศาสตร์รัสเซียปฏิวัติรัสเซียแนวคิด "ชาวยิว"จะครองโลกมีที่มาจากไหนกันแน่?

แนวคิด “ชาวยิว”จะครองโลกมีที่มาจากไหนกันแน่?

หลายท่านคงจะได้เคยได้ยินว่า ชาวยิวมีองค์กรลับ มีแผนการจะยึดครองโลกเป็นของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าแนวคิดดังกล่าวไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง

คำถามสำคัญคือแนวคิดนี้เป็นที่ทราบกันไปทั่วได้อย่างไร?

ส่วนคำตอบคือมาจาก รัสเซีย! (อีกแล้ว)

งานเขียนที่ทำให้แนวคิดนี้โด่งดังไปทั่วโลกคือ งานเขียนเรื่อง “The Protocols of the Elders of Zion” หรือ Протоколы сионских мудрецов แปลเป็นภาษาไทยน่าจะได้ว่า “ระเบียบการของผู้เฒ่าแห่งไซออน” ต่อไปในโพสนี้ผมขอเรียกว่า Protocols

ทั้งนี้แนวคิด Anti-Semitic หรือการต่อต้านชาวยิวมีในยุโรปมานานแล้ว แต่แนวคิดยิวจะครองโลกเริ่มเกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 19 ทั้งในยุโรปและรัสเซีย ยกตัวอย่างเช่นนักเขียนฝรั่งเศสอย่าง Maurice Joly นักเขียนเยอรมันอย่าง Hermann Goedsche หรือนักเขียนรัสเซียที่มีเชื้อสายยิวอย่าง Jacob Brafman ต่างเคยเขียนหนังสือถึงประเด็นนี้

ถึงแม้จะเขียนมาก่อน งานเขียนเหล่านี้ไม่ได้เกิดกระแสยิวจะครองโลกในหมู่ชาวโลกเหมือนกับ Protocols

รายละเอียดของ Protocols

ภายใน Protocols เล่าถึงการประชุมของผู้นำชาวยิวทั่วโลกในช่วงศตวรรษที่ 19 และแผนการลับ 24 อย่างของชาวยิวเพื่อจะครองโลก

ถ้าว่ากันตามตรง หนังสือเล่มนี้เขียนดีมาก ผู้เขียนใช้สำนวนที่ลึกลับ ดูน่าค้นหา การไม่ลงรายละเอียดย่อยใดๆ ทำให้มันดูเหมือนว่าเป็นเอกสารลับของพวกยิวจริงๆ รวมถึงใช้วิธีการอ้างถึงทฤษฎีชวนเชื่ออื่นๆที่ดูเหมือนว่าจะเป็นจริงในการอธิบายทฤษฎีใหม่ ทำให้มันยิ่งดูน่าเชื่อเข้าไปใหญ่

Sergei Nilus ผู้เผยแพร่ Protocols คนสำคัญ

รายละเอียดของ Protocols มีหัวข้อทั้งหมด 24 ข้อดังต่อไปนี้

  1. หลักการอย่างง่าย: ความถูกต้องอยู่กับพลังอำนาจ
  2. สงครามเศรษฐกิจ
  3. วิธีการเข้ายึดครอง
  4. การทำลายศาสนาโดยวัตถุนิยม
  5. การกดขี่และการพัฒนาในรูปแบบใหม่
  6. การครอบครองดินแดน การสนับสนุนการเก็งกำไร
  7. การทำนายถึงสงครามโลก
  8. รัฐบาลที่เปลี่ยนผ่าน
  9. การโฆษณาชวนเชื่อให้ทุกคนหลงเชื่อ
  10. การทำลายรัฐธรรมนูญ การพุ่งสู่อำนาจของอัตตาธิปไตย
  11. รัฐธรรมนูญของอัตตาธิปไตยและการปกครองทั้งมวล
  12. อาณาจักรแห่งสื่อและการควบคุม
  13. เปลี่ยนแนวคิดของมวลชนจากสิ่งสำคัญเป็นสิ่งไม่สำคัญ
  14. การทำลายศาสนาเพื่อเป็นรากฐานการนำไปสู่การผุดขี้นของพระเจ้าของชาวบิว
  15. การกดขี่ศัตรูโดยปราศจากคุณธรรมใดๆ
  16. การยกเลิกการศึกษา
  17. ชะตากรรมของพวกทนายความและนักบวช
  18. การสร้างความวุ่นวาย
  19. ความเข้าใจระหว่างผู้ปกครองและประชาชน
  20. การเงินและการก่อสร้าง
  21. การปล่อยกู้ในประเทศ
  22. ความเมตตาของการปกครองโดยชาวยิว
  23. การทำให้ประชาชนปฏิบัติตาม
  24. ผู้ปกครองชาวยิว

จากด้านบนเราจะเห็นได้ว่า แต่ละหัวข้อการกล่าวถึงทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวิธีการได้มาซึ่งอำนาจของชาวยิว และการปกครองหลังจากนั้น ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ปลอมแปลงขึ้นมาอย่างแนบเนียน

ใครเป็นคนเขียน?

ทุกวันนี้เรามีหลักฐานที่ชัดเจนแล้วว่า Protocols เขียนขึ้นมาโดย Matvei Golovinski เจ้าหน้าที่ตำรวจลับของรัฐบาลซาร์ (Okhrana) เขาเขียนขึ้นโดยลอกงานของ Joly และ Goedsche และใช้หลักฐานอื่นๆ มากมายมาประกอบการ “มโน” งานเขียนเล่มนี้ได้แพร่หลายในหมู่คนที่ต่อต้านชาวยิวมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1897-1898 แล้ว

Protocols ถูกตีพิมพ์ครั้งแรกให้สาธารณชนอ่านในปี ค.ศ.1903 ในหนังสือพิมพ์เซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก เพื่อที่จะปลุกกระแสคนรัสเซียทั่วไปให้ลุกขึ้นต่อต้านชาวยิว นำมาสู่การกีดกันและล่าสังหารชาวยิวครั้งใหญ่ในปีเดียวกัน

Protocols ฉบับแรกๆ ในภาษารัสเซีย

รัฐบาลรัสเซียได้ทำการตรวจสอบว่าเรื่องใน Protocols เป็นเรื่องมโนในปี ค.ศ.1905 ถึงแม้ซาร์นิโคลัสที่ 2 จะทรงต่อต้านยิวมาก แต่เมื่อทรงทราบ พระองค์กลับสั่งว่า

“Protocols ควรจะถูกริบ การกระทำที่ดีไม่อาจทำได้โดยวิธีการอันสกปรก”

นิโคลัสหมายความว่า ถึงแม้การต่อต้านชาวยิวจะดีในสายตาของนิโคลัสผู้เคร่งศาสนาคริสต์ แต่วิธีการสกปรกอย่างการมโนใน Protocols ไม่ควรจะถูกใช้

ดังนั้น Protocols จึงถูกริบโดยรัฐบาลรัสเซีย แต่การแอบพิมพ์ก็ยังทำกันสืบต่อมาเรื่อยอยู่ดี ซึ่งก็ไม่แปลกอะไร เพราะพวกตำรวจลับเป็นทั้งคนพิมพ์และคนริบ และพวก Camarilla ที่เป็นพันธมิตรกับพวกตำรวจลับอาจจะหนุนหลังให้ตีพิมพ์ด้วยซ้ำไป

งานเขียนเล่มนี้แพร่กระจายไปหลายประเทศ ในปี ค.ศ.1917 นายทหารรัสเซียคนหนึ่งนำมันไปที่สหรัฐอเมริกาด้วย มันถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษและนำไปเผยแพร่ในหมู่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐ หลังจากนั้นมันก็แพร่กระจายไปทั่วในหมู่คนอเมริกันทุกชนชั้นเพราะการตีพิมพ์จำนวน 500,000 เล่มของเฮนรี ฟอร์ด เศรษฐีรถยนต์

Protocols ที่ถูกตีพิมพ์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

แพร่ไปทั่วโลก

หนังสือยังแพร่กระจายไปในยุโรปด้วยเช่นกัน ไม่ต้องสงสัยว่าคนรัสเซียนั่นเองที่นำไปเผยแพร่ ในช่วงปี ค.ศ.1920-1930 Protocols ถูกตีพิมพ์และขายดีอย่างมาก

คนจำนวนมากเคยอ่านหนังสือเล่มนี้และเชื่อสนิทใจ ฮิตเลอร์เองก็เคยอ่าน Protocols และเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง หลังจากที่มีอำนาจ ฮิตเลอร์ยังสั่งให้เด็กชาวเยอรมันทุกคนต้องอ่าน Protocols อีกด้วย ต่อมาเขาก็นำมันไปใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อในการสังหารหมู่ชาวยิว

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 Protocols ก็ยังแพร่กระจายต่อไป คราวนี้ไปถึงโลกอาหรับบ้าง ทำให้ชาวอาหรับจำนวนมากรวมไปถึงผู้นำอาหรับบางคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

Protocols เคยถูกนักวิชาการในโลกตะวันตกตีแผ่ว่าเป็นการปลอมแปลงและมโน ตั้งแต่ในปี ค.ศ.1921 แต่ก็ไม่เป็นผล ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งมันได้อยู่ดี มันถูกแพร่กระจายไปทั่วโลกในที่สุด

The Times แฉ Protocols ว่าเป็นเรื่องเท็จตั้งแต่ปี ค.ศ. 1921 แต่ไม่มีใครเชื่อ

ทุกวันนี้ Protocols ยังหาอ่านได้ง่ายๆ ในอินเตอร์เน็ต และคนจำนวนมากยังเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริงอยู่ มันได้กลายเป็นงานเขียนชิ้นเอก (Masterpiece) ในวรรณกรรมแบบทฤษฎีสมคบคิดไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ถึงแม้มันจะเขียนขึ้นมามากกว่า 100 ปีแล้วก็ตาม

ไม่รู้ผู้เขียนได้มาเห็นผลงานของตัวเองเป็นเช่นนี้แล้วจะรู้สึกอย่างไร ที่ทำให้คนตายมากมายขนาดนี้

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!