ประวัติศาสตร์รัสเซียครอบครัวซาร์ภายใต้พวกบอลเชวิค และการเตรียมตัวอำลาทาบอสค์ (14)

ภายใต้พวกบอลเชวิค และการเตรียมตัวอำลาทาบอสค์ (14)

ทาบอสค์เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบจริงๆ อย่างที่คีเรนสกี้คาดไว้ แต่เมื่อส่วนอื่นของประเทศอยู่ในเงื้อมมือของพวกบอลเชวิค ทาบอสค์เองก็ไม่มีข้อยกเว้น ภายในไม่ช้าทาบอสค์ต้องประสบกับการมาถึงอย่างเป็นทางการของพวกบอลเชวิค เมื่อพวกบอลเชวิคมาถึง ความสับสนวุ่นวายและสภาพไร้กฎหมายก็จะตามมาด้วยเช่นกัน

ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1918 เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ครอบครัวโรมานอฟว่าจะไม่มีการช่วยเหลือจากภายนอก สภาพจิตใจของครอบครัวโรมานอฟเริ่มจะ “ตายลง” อย่างช้าๆ

รูปที่เชื่อกันว่าเป็นรูปคู่รูปสุดท้ายของนิโคลัสและอเล็กซานดรา ถ่ายที่ทาบอสค์

ภายในไดอารี่ นิโคลัสย้อนคิดไปถึงหนึ่งปีที่ผ่านมาว่า เขาประสบกับอะไรบ้าง?

การสละราชสมบัติ และการล่มสลายของราชวงศ์

การพบหน้าแม่เป็นครั้งสุดท้าย

การถูกคุมขัง

การโดนเหยียดหยามและรับความอัปยศ

การเดินทางมายังไซบีเรียที่อ้างว่าง เปล่าเปลี่ยว และหนาวเหน็บ

แต่นิโคลัสระบุว่า เขายังไม่รู้สึกสิ้นหวัง เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่พระเจ้า นิโคลัสใช้เวลาจำนวนมากของวันอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลที่เขานำติดตัวมาด้วย เมื่อถึงเวลาออกไปข้างนอก เขาก็จะออกไปตัดไม้ตามปกติ

หากแต่ว่าสำหรับสี่สาวแล้ว การใช้ชีวิตอยู่ในที่คุมขังอยู่เป็นเวลานาน และถูกจ้องและตรวจสอบตลอดเวลา ทำให้สุขภาพกายและใจของพวกเธออ่อนแอลง บางครั้งพวกเธอพยายามมองออกไปนอกรั้ว ทั้งๆที่พวกเธอรู้ดีว่าจะไม่เห็นอะไร

อย่างไรก็ตาม เด็กแสบอย่างอนาสตาเซียยังไม่ทิ้งความแก่นแก้วของเธอ

อนาสตาเซียเปรียบเปรยในจดหมายถึงเซเนีย อาสาวของเธอว่า

ฉันยังไม่ได้กลายเป็นช้างหรอก แต่คงอีกไม่นานในเร็วๆ นี้ ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมสิ่งนี้จู่ๆ ก็เกิดขึ้น อาจจะเพราะได้ออกกำลังกายน้อย ฉันไม่ทราบจริงๆ

เธอหมายความว่า เธอออกกำลังกายน้อย เธอเลยอ้วนนั่นเอง สิ่งที่ว่าก็น่าจะเป็นพุงของเธอ

ครอบครัวโรมานอฟในวันท้ายๆที่ทาบอสค์

การมาของพวกบอลเชวิค

สำหรับพวกบอลเชวิคแล้ว ครอบครัวซาร์อยู่ในมือที่ “ไม่ปลอดภัย” สำหรับพวกตน เพราะว่าโคบีลินสกี้ แพนคราตอฟ และนิโคลสกี้ต่างเป็นคนของรัฐบาลชั่วคราว และทั้งสามก็ไม่ได้เป็นพวกบอลเชวิคอีกด้วย ถึงแม้สองคนหลังจะเคยเป็นนักปฏิวัติ แต่ก็คนละสังกัด ไม่อาจจะไว้วางใจได้

ดังนั้นพวกบอลเชวิคจึงต้องการที่จะควบคุมครอบครัวซาร์ด้วยตนเอง เพื่อที่พวกตนจะได้มั่นใจว่า ครอบครัวซาร์จะหนีไปไหนมาไหนไม่ได้

ขณะนั้นฐานกำลังของพวกบอลเชวิคที่ใกล้กับทาบอสค์มีอยู่สองแห่งได้แก่ที่เมืองโอมสค์ (Omsk) และ เยกาเตรินเบิร์ก (Yekaterinburg) ถึงแม้จะเป็นพวกบอลเชวิคเหมือนกัน ทั้งสองกลุ่มนี้ไม่กินเส้นกันเท่าไรนัก

Great Zlatoust Church วิหารสำคัญในเยกาเตรินเบิร์ก มันถูกทำลายในปี ค.ศ.1930 ปัจจุบันได้มีการสร้างขึ้นมาใหม่

ภายในช่วงเดือนมีนาคม พวกเรดการ์ดที่สังกัดทั้งสองกลุ่มก็มาป้วนเปี้ยนในเมืองทาบอสค์ และข่มขู่เหล่าประชาชนในเมืองนั้น ข่าวลือว่าพวกบอลเชวิคจะบุกบ้านอิสรภาพก็แพร่กระจายไปทั่วเมือง ด้วยความไม่ประมาท โคบีลินสกี้จึงให้ทหารมาประจำการที่บ้านอิสรภาพมากขึ้น

ช่วงเวลานี้เองเป็นช่วงเวลาที่เหล่าข้าราชบริพาร โดยเฉพาะพวกผู้หญิง พวกเธอรู้สึกกลัวว่าจะเป็นอันตราย หากแต่ว่าสำหรับทาทิชเชฟแล้ว เขาแข็งแกร่งยิ่ง เขาพูดกับข้าราชบริพารคนอื่นว่า

ฉันมาที่นี่โดยรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่อาจจะเอาชีวิตรอดไปได้ สิ่งที่ฉันร้องขออย่างเดียวคือขอให้ฉันได้ตายพร้อมกับจักรพรรดิของฉัน

อย่างไรก็ตาม พวกบอลเชวิคภายนอกบ้านก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวตลอดเดือนมีนาคม ดังนั้นในเดือนเมษายน ความสนใจของครอบครัวโรมานอฟและข้าราชบริพารจึงไปอยู่ที่อเล็กเซย์ เพราะอาการของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

อาการป่วยของอเล็กเซย์

อเล็กเซย์เริ่มมีอาการไอในช่วงปลายเดือนมีนาคม ทำให้เขาต้องนอนซมอยู่บนเตียง แต่การไออย่างรุนแรงของเด็กชายกลับทำให้โรคฮีโมฟีเลียของเขากำเริบขึ้นมา หน้าขาทั้งสองข้างของอเล็กเซย์บวมเป่ง เขาได้รับความเจ็บปวดมาก ไม่ต่างอะไรกับที่เคยเผชิญที่หมู๋บ้านสปาลา ในปี ค.ศ.1912

อาการของอเล็กเซย์ดูแย่มาก เขาเจ็บหน้าขาที่บวมมาก และยังมีไข้สูงอีกด้วย นายแพทย์เดเรเวนโกที่รักษาอเล็กเซย์มานานรู้สึกว่าในครั้งนี้อาการของเด็กชายหนักมาก และไตของเด็กชายอาจจะมีปัญหาด้วย เดเรเวนโกบอกข้าราชบริพารคนอื่นด้วยความกังวลว่า ในครั้งนี้อเล็กเซย์อาจจะไม่รอดแล้ว

หนึ่งในรูปสุดท้ายในชีวิตของอเล็กเซย์ ถ่ายที่ทาบอสค์ ปีค.ศ.1918

อเล็กเซย์ในวัย 13 ปีเศษเตรียมพร้อมแล้วที่จะตาย เขาบอกอเล็กซานดรา มารดาของเขาว่า

มามา ผมต้องการที่จะตายแล้ว ผมไม่กลัวมันหรอก

พระเจ้ากลับยังไม่เอาชีวิตของอเล็กเซย์ไปในเวลานั้น อเล็กเซย์ต้องทนเจ็บปวดต่อไป เขากรีดร้องและเรียกหาแม่อยู่ตลอดเวลา อเล็กซานดราอยู่ข้างเตียงของบุตรชายตลอด 24 ชั่วโมง แต่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย เธอได้แต่ร้องไห้ ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เธอร้องไห้ราวกับว่าไม่เคยร้องไห้มาก่อนเลยทั้งชีวิต

โชคเป็นของอเล็กเซย์อีกครั้ง เมื่อในช่วงกลางเดือนเมษายน อาการของเขาทุเลาลง และมีวี่แววว่าจะหายดีในไม่ช้า ความกลัวและความวิตกกังวลนานนับสัปดาห์ที่ปกคลุมบ้านอิสรภาพจึงผ่านพ้นไป

ทุกคนในบ้านอิสรภาพและบ้านคอร์นีลอฟไม่รู้เลยว่า พวกบอลเชวิคได้ตัดสินแล้วว่าจะทำอย่างไรกับครอบครัวซาร์

ผู้มาใหม่

ในทางทฤษฎีแล้ว เมืองเล็กๆ อย่างทาบอสค์อยู่ภายใต้การปกครองของศูนย์การปกครองที่เมืองโอมสค์ ในช่วงเวลาที่อเล็กเซย์ป่วยนั้น เรดการ์ดจากเมืองโอมสค์ได้เข้ามาที่ทาบอสค์และจัดตั้งการปกครองของพวกบอลเชวิคขึ้นที่เมืองดังกล่าว โดยที่ยังไม่ได้ใส่ใจกับครอบครัวโรมานอฟมากนัก

หากแต่ว่าพวกบอลเชวิคที่อยู่ที่เมืองเยกาเตรินเบิร์กกลับต้องการตัวนิโคลัสและครอบครัว พวกเขาเชื่อว่านิโคลัส “เหมาะสม” ที่จะเป็น “เหยื่อ” ในการล้างแค้นที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าของพวกบอลเชวิค นอกจากนี้ครอบครัวโรมานอฟน่าจะมีทรัพย์สินมากมายที่พวกบอลเชวิคสามารถยึดได้

สุดท้ายนิโคลัสและครอบครัวยังเป็น “หมาก” ที่น่าสนใจสำหรับการต่อรองกับรัฐบาลกลางที่มอสโก หรือ รัฐบาลต่างประเทศอย่างอังกฤษและเยอรมนีด้วย

เมื่อนิโคลัสมีความสำคัญเช่นนี้ จะปล่อยให้อยู่ในกำมือของพวกโอมสค์ได้อย่างไร?

ดังนั้นพวกบอลเชวิคแห่งเยกาเตรินเบิร์กจึงขอรัฐบาลบอลเชวิคที่มอสโกให้อนุญาตให้มีการนำนิโคลัสและครอบครัวมายังเยกาเตรินเบิร์กได้ แต่ระหว่างนั้นมอสโกค่อนข้างวุ่นวาย รัฐบาลกลางจึงยังไม่ได้ตอบว่าอนุญาตให้ลงมือได้หรือไม่

ในเดือนเมษายน ค.ศ.1918 พวกบอลเชวิคที่เยกาเตรินเบิร์กลงมืออย่างพลการ ด้วยการส่งทหารมากองหนึ่ง และมาออกคำสั่งที่บ้านอิสรภาพว่าให้นิโคลัสและครอบครัวเดินทางไปเยกาเตรินเบิร์ก

แน่นอนว่าโคบีลินสกี้ไม่ยอม เพราะมอสโกยังไม่ได้สั่งการลงมาเลย โคบีลินสกี้จะไม่ยอมการนำตัวนิโคลัสไปโดยปราศจากคำสั่งของมอสโก เช่นเดียวกับพวกบอลเชวิคแห่งโอมสค์เช่นกันที่จะไม่ยอมให้พวกเยกาเตรินเบิร์กนำตัวไปง่ายๆ

สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นอย่างรวดเร็ว มอสโกได้รับทราบเรื่องจึงส่งคอมมิสซาร์มายังทาบอสค์ เขามีชื่อว่า วาซิลี ยาคอฟเลฟ (Vasily Yakovlev) เขาเดินทางมาพร้อมทหารเรดการ์ด 150 นาย และเครื่องโทรเลขส่วนตัว 1 เครื่องที่เขาจะติดต่อกับมอสโกโดยตรง เพื่อให้ทุกอย่างเป็นความลับมากที่สุด

วาซิลี ยาคอฟเลฟ

ยาคอฟเลฟมาถึงบ้านอิสรภาพในวันที่ 22 เมษายน เขาได้เข้าพบนิโคลัสและอเล็กซานดรา เดิมทีการมาของยาคอฟเลฟดูเหมือนว่าจะเป็นลางร้าย แต่ยาคอฟเลฟกลับเป็นคนสุภาพอย่างไม่น่าเชื่อ เขาสวมใส่เสื้อผ้าเหมือนกะลาสีเรือทั่วไป แต่พูดจาด้วยถ้อยคำเหมือนผู้มีการศึกษา ไม่ใช่หยาบกร้านเหมือนกับพวกทหาร บางครั้งยาคอฟเลฟยังหลุดเรียกนิโคลัสว่า “Your Majesty” ด้วย

สองวันต่อมา ยาคอฟเลฟได้ขอพูดคุยกับโคบีลินสกี้ เขาได้นำเอกสารที่เซ็นโดย ยาคอฟ สเวียตลอฟ (Яков Михайлович Свердлов, Yakov Sverdlov) ผู้นำระดับสูงของพวกบอลเชวิคให้โคบีลินสกี้ดู

เอกสารมีอยู่หลายฉบับ เอกสารฉบับแรกจ่าหน้าถึงโคบีลินสกี้ ในเอกสารสั่งให้โคบีลินสกี้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างของคอมมิสซาร์ยาคอฟเลฟ ที่ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ที่มีความสำคัญมาก ถ้าโคบีลินสกี้ปฏิเสธ เขาจะถูกยิงตายในบัดดล

ส่วนอีกฉบับหนึ่งจ่าหน้าถึงทหารของโคบีลินสกี้ แต่มีรายละเอียดเหมือนกับฉบับแรกทุกประการ

สรุปแล้วคือ อย่าได้ขัดขวาง และจงเชื่อฟังยาคอฟเลฟ ถ้าขัดขวางคือตายสถานเดียว

หลังจากนั้นโคบีลินสกี้จึงนำยาคอฟเลฟเข้าไปดูอาการของอเล็กเซย์ ยาคอฟเลฟเห็นอาการที่ยังไม่หายดีก็รู้สึกสงสาร เขาจึงสั่งให้หมอของกองทัพมาตรวจดู สุดท้ายก็ได้ความว่าอเล็กเซย์ป่วยหนักอยู่จริงๆ

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของกิลเลียต ติวเตอร์ของสี่สาวและอเล็กเซย์โดยตลอด เขารู้สึกว่าครอบครัวซาร์น่าจะมีอันตรายในไม่ช้า เขาบรรยายความรู้สึกนั้นไว้ว่า

พวกเรารู้สึกว่าทุกคนลืมพวกเราไปหมดแล้ว พวกเขาถูกทิ้งให้อยู่กันเองภายใต้ความกรุณาของชายผู้นี้ มันเป็นไปได้จริงๆ เหรอที่จะไม่มีใครมาช่วยครอบครัวซาร์ พวกที่จงรักภักดีหายไปไหนกัน พวกเขารออะไรอยู่!

ในวันรุ่งขึ้น ยาคอฟเลฟเรียกโคบีลินสกี้ไปพบอีกครั้ง และบอกรายละเอียดที่เขาได้รับมอบหมายมาให้โคบีลินสกี้ทราบ

ภารกิจที่ว่าคือ เขาได้รับคำสั่งให้ครอบครัวซาร์ออกไปจากทาบอสค์ แต่เมื่อมาถึง เขาพบว่าอเล็กเซย์ป่วยหนักเขาจึงต้องเปลี่ยนแผน เขาได้ติดต่อกับมอสโกแล้ว มอสโกสั่งว่าให้เขาทิ้งครอบครัวซาร์ไว้ที่ทาบอสค์ แต่ให้นำคัวนิโคลัสไปจากทาบอสค์แต่เพียงผู้เดียวโดยทันที

บ่ายสองโมงของวันนั้น ยาคอฟเลฟได้เข้ามาพบนิโคลัสและอเล็กซานดรา เขาก้มตัวเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพ และบอกกับนิโคลัสว่า เขาได้รับคำสั่งจากมอสโกให้นำตัวนิโคลัสไปยังสถานที่ที่เขาไม่สามารถบอกได้

ทันทีที่ยาคอฟเลฟพูดจบ อเล็กซานดรารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันใด สำหรับนิโคลัสก็ยังเป็นนิโคลัส เขาปฏิเสธอย่างราบเรียบที่จะไปไหนถ้ายาคอฟเลฟไม่บอกเขาว่า จุดมุ่งหมายคือที่ใด

เรื่องจะเป็นไปอย่างไรต่อไป

อ่านตั้งแต่ตอนแรกและติดตามตอนต่อไปได้ใน วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ หรือติดตามตอนที่ 15 ได้ที่นี่

หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!