เทคโนโลยีซอฟต์แวร์6 เว็บไซต์ออกแบบและทำโปสเตอร์ด้วยตัวเองที่ใช้ง่ายสุดๆ (2023)

6 เว็บไซต์ออกแบบและทำโปสเตอร์ด้วยตัวเองที่ใช้ง่ายสุดๆ (2023)

โปสเตอร์ (poster) เป็นตัวเลือกที่สำคัญยิ่งในการทำการตลาดต่างๆ หรือแจ้งข้อมูลต่างๆ ต่อสาธารณชน โปสเตอร์ติดผนังหรือใน instagram/FB Cover ที่สวยงามย่อมดึงดูดสายตาผู้อ่าน และเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะมาซื้อสินค้า ใช้บริการ หรือเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากขึ้นไปด้วย

ในอดีตการออกแบบโปสเตอร์อาจจะเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะใครที่ไม่มีทักษะทางด้าน graphic design อยู่เลย แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นได้ทำให้การออกแบบและทำโปสเตอร์ที่สวยงามง่ายดายขึ้นมาก เพราะมีเว็บไซต์ดีไซน์หลายแห่งที่ใช้ระบบ drag and drop หรือพูดง่ายๆ คือ ลาก วาง แก้ไขข้อมูล เท่านั้น และไม่ต้องเสียเวลา install โปรแกรมอะไรให้ยุ่งยากด้วย

ดังนั้นไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถออกแบบโปสเตอร์สวยๆ ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องจ้าง freelance เลยครับ

เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ มีเว็บไซต์ไหนที่ช่วยให้คุณออกแบบโปสเตอร์อันสวยงามได้อย่างง่ายดายบ้าง

Image by ShonEjai from Pixabay

1. Canva

Canva เป็นเว็บไซต์และเครื่องมือดีไซน์ที่ผมชอบมากที่สุด เพราะความง่ายดายในการใช้นั่นเอง ตัวผมเองเป็นคนที่ห่วยเรื่องการออกแบบมาก แต่ยังสามารถใช้ Canva ออกแบบงานสวยๆ ออกมาได้ ดังนั้นผู้อ่านทุกคนย่อมสามารถทำได้อย่างแน่นอนครับ

จุดเด่นของ Canva คือความสารพัดประโยชน์ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณสามารถใช้ Canva ออกแบบโปสเตอร์ได้ด้วยเช่นกัน วิธีการก็ไม่ยากอะไรเลย นั่นคือ Drag and Drop หรือว่าเลือก Template แล้วแก้ไขตามที่ชอบเช่นเดิม

ยกตัวอย่างเช่น

เริ่มต้นด้วยผมเข้า Canva.com แล้วสมัครสมาชิก ตามมาด้วยการเลือก “Poster” เพื่อที่จะหา template สำหรับการออกแบบโปสเตอร์ครับ

จำนวน Template ที่ Canva ให้เลือกมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์ธรรมดา หรือว่าโปสเตอร์เฉพาะกิจอย่างเช่น โปสเตอร์โฆษณา, โปสเตอร์งานอีเวนต์, โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ ฯลฯ ทำให้คุณมีแบบร่างที่ตรงใจสำหรับการสร้างและออกแบบโปสเตอร์ที่คุณต้องการครับ

Canva Poster Template
Template ของ Canva ที่คุณสามารถเลือกใช้ทำโปสเตอร์ได้อย่างง่ายๆ

หลังจากที่เลือกได้แล้ว คุณก็แก้ไขข้อมูล เปลี่ยนสี ใส่ภาพ หรือว่าจะใส่อะไรเพิ่มลงไปก็ได้ครับ สิ่งที่ผมชอบอีกอย่างหนึ่งของ Canva คือมีรูปให้เลือกใช้มากมายในคลัง แถมคุณสามารถนำไปใช้ในผลงานของคุณโดยไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ด้วยครับ

อย่างด้านล่างผมชอบ template นี้เลยนำมาใช้ด้วยการเปลี่ยนเป็นโปสเตอร์รณรงค์ลดความอ้วน ซึ่งคุณสามารถแก้ไขได้ตามใจชอบ แค่ลบรายละเอียดภาษาอังกฤษออกไป และพิมพ์ข้อมูลของคุณลงไป เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยครับ

ออกแบบโปสเตอร์ด้วย Canva

หลังจากที่คุณจัดการโปสเตอร์ของคุณเสร็จแล้ว คุณสามารถดาวน์โหลดโปสเตอร์ที่ดีไซน์ออกมาแล้วได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น pdf standard, pdf print png หรือ jpg แต่แน่นอนว่าคุณต้องการไฟล์คุณภาพสูงสำหรับการ print ก็ต้องเป็น pdf print ครับ

ทั้งหมดนี้คุณสามารถสร้างและออกแบบโปสเตอร์ได้ฟรีตลอดกระบวนการ แต่ทรัพยากรทางด้านกราฟิกของคุณจะมีจำกัด ถ้าคุณต้องการ template ต่างๆ รวมไปถึงเครื่องมือ รูปและฟ้อนด์ภาษาที่หลากหลายมากขึ้น โปสเตอร์ของคุณจะได้ดูดีไม่ซ้ำใคร คุณจะต้องสมัคร Canva Pro ที่ราคาเดือนละ $9.95 (300 บาท) ต่อเดือนครับ

ทาง Canva คุณสามารถใช้งาน Canva Pro ได้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 30 วัน ถ้าคุณไม่สนใจจะต่ออายุ เมื่อใกล้จะครบกำหนด คุณก็แค่ cancel เท่านั้นเองครับ

นอกจากโปสเตอร์แล้ว คุณยังสามารถใช้ Canva ออกแบบได้อีกสิบอย่างไม่ว่าจะเป็น infographic, logo, Presentation, นามบัตรธุรกิจ หรือแม้กระทั่ง animation ครับ

ทรัพยากรของ Canva แต่ละอย่าง มีคุณภาพสูง และพร้อมต่อการใช้งานทันทีด้วยครับ อย่างเช่นโปสเตอร์ ถ้าคุณดาวน์โหลดมาเป็นไฟล์ pdf นี่พร้อมปริ้นไปแปะเลยครับ

2. Befunky

Befunky เป็นแพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกบนเว็บไซต์ที่ช่วยคุณออกแบบโปสเตอร์ได้อย่างง่ายดายมาก ทางแพลตฟอร์มจะมี template ของโปสเตอร์จำนวนมากมายให้คุณเลือกอยู่แล้ว เมื่อคุณเลือกแบบร่างที่คุณชอบได้แล้ว คุณก็แค่นำมาแก้ไขข้อมูล ใส่รูปที่คุณต้องการ เปลี่ยน Font โน่นนี่ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้จะใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นเองครับ

การสร้าง Poster ผ่าน Befunky

อย่างไรก็ดีถ้าคุณอยากจะทำหรือออกแบบโปสเตอร์ขึ้นมาเองจากศูนย์ก็ทำได้เช่นกัน คุณสามารถเริ่มต้นจาก Blank Canvas และเนรมิตโปสเตอร์ที่คุณต้องการขึ้นมาได้ครับ

ในการใช้งาน Befunky มีทั้งแบบฟรี และแบบ Plus ถ้าเป็นแบบ Plus คุณจะมี template และเครื่องมือต่างๆ ให้เลือกใช้มากยิ่งขึ้น (แบบฟรีมี template ประมาณ 50 แบบเท่านั้นครับ) โดยแบบ Plus จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ $6.99 (210 บาท) ต่อเดือน แต่ถ้าคุณจ่ายเป็นปีจะเหลือแค่ $4.99 (150 บาท) เท่านั้นเองครับ

นอกเหนือจากโปสเตอร์แล้ว Befunky ยังใช้ทำงานกราฟิกได้อีกหลายสิบรูปแบบ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือการตัดแต่งรูปให้ดูสวยงาม (Photo Editor) ซึ่งเป็นฟังก์ชันหลักเลยก็ว่าได้ครับ

3. Adobe Spark

ถ้าเอ่ยถึงการออกแบบที่เกี่ยวข้องกับกราฟิกแล้ว จะไม่เอ่ยถึง Adobe Spark นี่ไม่ได้เลยครับ เพราะอยู่ในเครือเดียวกันกับโปรแกรมกราฟิกชื่อดังอย่าง Adobe Photoshop แต่การใช้งาน Adobe Spark ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดมาลงเครื่องแต่อย่างใด คุณสามารถออกแบบและแก้ไขกราฟิกทั้งหมดได้บนเว็บไซต์ครับ

วิธีการใช้ของ Adobe Spark ออกแบบโปสเตอร์จะเหมือนกับ Canva นั่นคือคุณเลือก template ที่ชอบและนำมาแก้ไข หรือคุณอยากจะเริ่มต้นด้วยกระดานเปล่าๆ แล้วใช้ฝีมือของคุณเรียงร้อยโปสเตอร์ให้ออกมาสวยงามก็ได้ครับ คุณสามารถแก้ไขได้ทุกส่วนของโปสเตอร์โดยไม่มีข้อจำกัดเลยแม้แต่น้อย อยากได้อะไร element ไหนเพิ่มก็แค่ลากวางเท่านั้นครับ

สิ่งที่ผมชอบใน Adobe Spark ก็คือในแพลตฟอร์มมีรูปสวยๆ จำนวนมาก และ template ทางธุรกิจที่ดูเป็นทางการและเป็นมืออาชีพดีครับ

Adobe Spark

คุณสามารถดาวน์โหลดโปสเตอร์ของคุณออกเป็นไฟล์ png, jpg หรือ pdf แต่ปัญหาของ Adobe Spark ในตอนนี้คือไฟล์ pdf ยังเป็น Beta ทำให้ไม่รองรับภาษาไทยครับ ถ้าคุณจะทำโปสเตอร์ภาษาไทย ในตอนนี้อาจจะควรใช้เว็บไซต์อื่นไปก่อนครับ

ตลอดกระบวนการในการออกแบบโปสเตอร์ คุณจะใช้งานทุกอย่างได้ฟรี แต่ถ้าคุณต้องการฟังก์ชันเพิ่ม กราฟิกเพิ่ม รูปเพิ่ม และ template เพิ่ม คุณจะต้องสมัครสมาชิกแบบ Individual plan (ราคา 356 บาทต่อเดือน) โดยในปัจจุบัน คุณจะได้ใช้ฟรีเป็นเวลา 2 เดือนครับ

Adobe Spark เป็นแพลตฟอร์มสารพัดประโยชน์เหมือนกับ Canva คุณสามารถใช้ทำงานกราฟิกได้แทบจะทุกรูปแบบ ทรัพยากรที่มีอยู่ในแพลตฟอร์มสามารถช่วยให้คุณออกแบบและทำงานดีๆ สวยๆ ออกมาโดยที่ไม่ต้องจ้าง freelance เลยครับ

4. Fotor

Fotor เป็นอีกแพลตฟอร์มออกแบบกราฟิกบนเว็บไซต์ที่น่าสนใจ เพราะวิธีการออกแบบและทำโปสเตอร์เป็นแบบ drag and drop ที่ง่ายและสะดวกสบายเหมือนกับเว็บไซต์อื่นๆ แถมยังมี template พิเศษให้คุณเลือกมากมาย อาทิเช่นโปสเตอร์สำหรับวันวาเลนไทน์ โปสเตอร์ความรัก โปสเตอร์ขายสินค้า ฯลฯ ทั้งนี้คุณสามารถเริ่มออกแบบตั้งแต่ยังไม่ได้ sign in ใดๆ เลยครับ

อย่างไรก็ดีการใช้งาน Fotor แบบฟรีจะให้คุณออกแบบได้อย่างเดียว คุณไม่สามารถดาวน์โหลดได้นอกจากว่าคุณจะอัพเกรดเท่านั้น แถมแบบฟรียังเต็มไปด้วยโฆษณาแบบ banner อีกด้วย ซึ่งจะรบกวนสมาธิคุณอย่างมากเลยครับ

ถึงกระนั้นสมาชิกแบบ Premium ของ Fotor ถือว่าราคาถูกมาก ถ้าคุณจ่ายเป็นรายปีครับ ค่าสมาชิกจะราคาแค่ $3.33 (100 บาท) ต่อเดือนเท่านั้นเอง คุณจะได้มีคลังทรัพยากรทางกราฟิกไม่ว่าจะเป็นรูปหรือ template จำนวนมากเอาไปออกแบบโปสเตอร์และงานอื่นๆ ของคุณครับ

5. Crello

Crello เป็นแพลตฟอร์มดีไซน์ของบริษัท Microstock ชื่อดังอย่าง Depositphotos ที่จะช่วยคุณออกแบบโปสเตอร์สวยๆได้แบบมือโปร แม้ว่าคุณจะไม่มีพรสวรรค์ทางด้านการออกแบบเลยก็ตาม ลักษณะการใช้งานรวมไปถึงแพลตฟอร์มคล้ายกับ Canva มาก นั่นคือเป็นแบบ drag and drop ครับ หรือว่าคุณเลือก template ที่คุณชอบแล้วก็นำมาแก้นั่นแหละครับ

Crello

จำนวนทรัพยากรอย่าง template และรูปของ Crello นั้นบอกได้เลยว่าเป็นอันดับต้นๆ ในวงการ เรียกได้ว่าคุณต้องการโปสเตอร์สไตล์ไหนก็มี template ให้คุณนำไปใช้ทั้งหมด คุณสามารถใช้สิ่งเหล่านี้ในการออกแบบโปสเตอร์ของคุณ และดาวน์โหลดออกมาได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น jpg, png, png transparent, pdf standard, pdf print ครับ

อย่างไรก็ตามถ้าคุณใช้ template ที่มีอยู่แล้วของ Crello คุณจะต้องสมัครสมาชิก Crello Pro ในราคา $9.99 (300 บาท) ต่อเดือน หรือ $7.99 (240 บาท) ต่อเดือนถ้าคุณจ่ายเป็นรายปี ถึงจะดาวน์โหลดได้ครับ ทั้งนี้ Crello ให้คุณใช้ Crello Pro ฟรีเป็นเวลา 14 วันครับ

6. Design Cap

ถ้าคุณยังไม่เจอเว็บไซต์ที่ถูกใจ Design Cap เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการออกแบบโปสเตอร์วิธีการออกแบบของ Design Cap ก็ไม่ยากอะไร นั่นคือเป็นแบบ drag and drop เช่นเดิมครับ

Design Cap

template ของ Design Cap มีพร้อมสรรพให้คุณนำไปใช้ และดาวน์โหลดไปได้เลยโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ว่าคุณจะโหลดไฟล์ได้แต่แบบ jpg เท่านั้นไม่สามารถแบบ png และ pdf ที่คมชัดกว่าได้ครับ

การจะดาวน์โหลดได้ต้องสมัครสมาชิก โดยสมาชิกมี 2 แบบนั่นคือแบบ Basic ($4.99 หรือ 150 บาทต่อเดือน) และ Pro ($5.99 หรือ 180 บาทต่อเดือน) ครับ สิ่งที่คุณจะได้มาด้วยคือ template, icon และ module จำนวนมากสำหรับการออกแบบโปสเตอร์ครับ

เว็บไซต์ออกแบบและทำโปสเตอร์ไหนดีที่สุด?

ถ้าให้เทียบกันทุกเว็บไซต์แล้ว ผมมองว่าอันดับ 1 คือ Canva อย่างไม่ต้องสงสัย แบบฟรีของ Canva นั้นแทบจะไม่มีข้อจำกัดอะไรเลย ทำให้คุณออกแบบและทำโปสเตอร์สวยๆ ออกมาใช้งานได้อย่างสบายๆ แต่ถ้า Adobe Spark รองรับภาษาไทยมากขึ้นก็น่าใช้เหมือนกันครับ

สำหรับ Befunky, Fotor และ Design Cap ผมมองว่าเหมาะสำหรับใครก็ตามที่อยากเพิ่มคลังทรัพยากรทางกราฟิก แต่ไม่อยากจ่ายเงินซื้อสิ่งที่ตนเองไม่ได้ใช้ (อย่าง Canva, Crello และ Adobe Spark ที่ราคาสูงกว่าก็เพราะมีทรัพยากรให้ใช้มากกว่า แต่คุณอาจจะไม่ได้ใช้เลยก็ได้ครับ)

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!