การศึกษา7 คอร์สออนไลน์ดีๆ สำหรับใครที่อยากเป็น Full Stack Developer

7 คอร์สออนไลน์ดีๆ สำหรับใครที่อยากเป็น Full Stack Developer

Full Stack Developer คือโปรแกรมเมอร์ นักพัฒนา หรือวิศวกรที่มีทักษะทั้งทางด้าน Front-End (จัดการหน้าบ้านหรือส่วนที่ลูกค้าเข้ามา interact ทั้งหมด) และ Back-End (หลังบ้านทั้งหมดเช่น server และ security เป็นต้น) หรือพูดง่ายๆ คือไม่ว่าอะไรก็ตาม Full Stack Developer ทำได้หมดในตัวคนเดียว

ในระยะหลังมีความต้องการ Full Stack Developer ในตลาดงานฝั่ง IT มากขึ้นถึง 30% ในปี ค.ศ.2020 สาเหตุหนึ่งเพราะธุรกิจต้องการพัฒนาเว็บไซต์หรือซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนขึ้น และอาศัยการบูรณาการระหว่าง Front-End และ Back-End มากกว่าแต่ก่อน ดังนั้น Full Stack Developer ที่เข้าใจความสัมพันธ์ของสองฝั่งได้เป็นอย่างดีย่อมเหมาะสมที่สุดที่จะเข้ามาทำงานให้

Full Stack Developer Image by Olalekan Oladipupo from Pixabay

นอกจากนี้การจ้าง Full Stack Developer อาจจะประหยัดและมีประสิทธิภาพมากกว่าการจ้าง Front-end และ Back-end developer อีกอย่างละคนด้วย

ดังนั้นในโพสนี้เราจะมาดูกันครับว่าคอร์สออนไลน์ดีๆ สำหรับใครที่อยากเป็น Full Stack Developer มีคอร์สไหนบ้าง

ข้อควรทราบ: ราคาและเงื่อนไขของคอร์สอาจจะมีเปลี่ยนแปลงได้ โปรดตรวจสอบกับทางเว็บไซต์อีกครั้งหนึ่งเพื่อความชัดเจนครับ

แนะนำแพลตฟอร์มที่ใช้เรียน

คอร์สต่างๆ ที่ผมจะแนะนำล้วนแต่อยู่ใน Udemy, Coursera และ Edureka แพลตฟอร์มเหล่านี้จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ถ้าใครยังไม่ทราบรายละเอียดเหล่านี้ ผมแนะนำให้อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ครับ

ส่วน Simplilearn ผมได้ระบุไว้แล้วด้านล่างครับ

Udemy

คอร์สที่ 1-4 อยู่ในแพลตฟอร์มของ Udemy

สิ่งที่อยากเน้นคือ ราคาของคอร์สบน Udemy จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยแล้วแต่ว่าในช่วงนั้นมีลดราคาหรือไม่ ผมแนะนำว่าถ้าราคาคอร์สพุ่งสูงกว่าหลักร้อย คุณควรจะรอ 2-5 วันแล้วค่อยเข้าไปดูใหม่ เพราะการลดราคามีแทบทุกสัปดาห์ อีกทางเลือกหนึ่งคือสมัครแจ้งเตือนไว้กับ Victory Tale ก็ได้ครับ

ในแพลตฟอร์มมีคอร์ส Full Stack Developer ที่น่าสนใจได้แก่

1. The Web Developer Bootcamp

คอร์สนี้สอนโดย Colt Steele ครูสาย developer ที่มีประสบการณ์ทั้งด้านการเขียนโปรแกรมและการสอนที่สูงมาก หลายคนที่ผ่านคอร์สนี้มาแล้วถึงกับกล่าวว่าเป็นคอร์สเดียวที่คุณต้องการสำหรับการเป็น Full Stack Developer เลยทีเดียว

The Web Developer Bootcamp

คุณไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานใดๆ เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมก็สามารถเรียนคอร์สนี้ได้ โดยครูผู้สอนจะพาคุณเรียนตั้งแต่ Front-End อย่างเช่น HTML และ CSS ไปจนถึง Back-End อย่าง Node.js ครับ ซึ่งเป็นเนื้อหา Web Development ทั่วไปที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

ทั้งนี้ผู้สอนแจ้งว่าเนื้อหาจะมีการอัพเดตตลอดเวลา และจะแปรเปลี่ยนไปตามเทรนด์ของอุตสาหกรรมครับ (เนื้อหาเดิมคอร์สนี้เคยสั้นกว่าในปัจจุบันมาก แต่ตอนนี้ถูกเพิ่มมาจนเยอะกว่าเดิมมาก)

รายละเอียดของเนื้อหาที่เขาจะสอนได้แก่

  • Introduction to Web Development – แนะนำพื้นฐานของการพัฒนาเว็บ
  • HTML Basics – Paragraph, Heading, Anchor Tags ฯลฯ
  • HTML Semantic Elements/Forms/Tables
  • CSS Basics
  • CSS Selectors
  • CSS Box Model เช่น Padding, Margin ฯลฯ
  • Responsive CSS & Flexbox
  • Bootstrap
  • JavaScript Basics: Strings, Operators, Conditionals
  • Arrays, Object Literals
  • เจาะลึก Loops และ Functions
  • Callbacks & Array Methods
  • Async JavaScript
  • New JavaScript อย่างเช่น ES6 ขึ้นไป
  • Node.js และ Express.js
  • MongoDB และ Mongoose
  • การผสมผสานการใช้งานระหว่าง Express และ MongoDB
  • Authorization, Cookies, Sessions
  • Web Security
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ในหลักสูตรจะมีโปรเจคจำนวนมากให้คุณลองทำจริงๆ อีกด้วย เช่นเกมบน browser หรือว่า application ต่างๆ เป็นต้น คุณจะได้ทั้งทำโปรเจคมากถึง 13 ชิ้น โดยเฉพาะโปรเจคขนาดใหญ่ชื่อ Yelpcamp ครับ

ไม่เพียงเท่านั้นภายในคอร์สนี้ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่คุณจะได้ทำนอกเหนือจากการเรียนแบบวีดิโอทั่วไป อาทิเช่นได้ทำแบบฝึกหัด อ่านเอกสาร ทำวิจัย และอื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้คุณเก่งมากขึ้น

คอร์สนี้มีเนื้อหาทั้งหมด 61.5 ชั่วโมง และได้รีวิว 4.7/5.0 และผู้เรียนทั้งหมดมากกว่า 600,000 คนครับ

2. The Complete 2020 Web Development Bootcamp

คอร์สชั้นเยี่ยมที่จัดทำโดย Dr. Angela Yu หนึ่งในอาจารย์ระดับสูงของ Bootcamp ชื่อดังแห่งกรุงลอนดอนอย่าง London App Brewery ภายในคอร์สนี้จะแตกต่างจากคอร์สแรกตรงที่เธอได้ใส่ React.js ลงมาในคอร์สด้วยครับ

The Complete 2020 Web development Bootcamp ในราคา 360 บาท

โดยเนื้อหาในคอร์สจะประกอบด้วย

  • HTML – สอนเนื้อหา HTML ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูงที่เพียงพอต่อการใช้พัฒนาเว็บในทุกรูปแบบ
  • CSS – สอนเนื้อหา CSS ตั้งแต่ Internal/External CSS ไปจนถึง CSS Selectors, CSS Sizing และอื่นๆ อีกมากมาย
  • ฺBootstrap 4 – ใช้งาน Bootstrap 4 ในการสร้างเว็บไซต์ให้สวยงามอาทิเช่น Navigation Bar, Grid Layouts ฯลฯ
  • JavaScript – Variables, String, Functions, ES6 ฯลฯ
  • แนะนำพื้นฐานของ DOM และ DOM Manipulation
  • การจัดการ Text, Style, Attributes โดยใช้ jQuery
  • แนะนำ Node.js และ Express.js
  • APIs, JSON
  • Git, Github
  • EJS Templates
  • เจาะลึกในส่วนของ Database อย่างเช่น SQL, MongoDB และ Moogoose
  • การสร้าง RESTful API
  • การจัดการในส่วนของ Authentication และ Security
  • React.js (เนื้อหามีมากถึง 9 ชั่วโมง)

เนื้อหาแบบวีดิโอของคอร์สนี้อัดแน่นถึง 53.5 ชั่วโมง และมีโปรเจคอีกมากมายที่ผู้สอนของคุณจะให้ทำในคอร์ส ทำให้คอร์สนี้ถือว่าทำให้คุณพร้อมที่สุดสำหรับการเป็น Full Stack Developer ในทศวรรษ 2020 เลยทีเดียว

จากที่ได้เรียนกับเธอมาแล้วในคอร์สอื่นๆ (ไม่ใช่คอร์สนี้) ผมบอกได้เลยว่าเธอเป็นผู้สอนที่ดีมากๆ ครับ เธอสอนทุกอย่างแบบเข้าใจง่ายมาก แบบฝึกหัดที่เธอให้คุณทำคุณภาพเยี่ยม และช่วยให้คุณเก่งขึ้นได้จริงๆ

ถ้าคุณคิดไม่ออกว่าจะเลือกคอร์ส Full Stack Developer ไหนดี ผมแนะนำคอร์สนี้เลยครับ

สำหรับคะแนนรีวิว คอร์สนี้ได้คะแนนสูงมากถึง 4.7/5.0 จากผู้รีวิวทั้งหมด 69,250 คน ในปัจจุบันคอร์สนี้มีนักเรียนมากกว่า 278,000 คนไปแล้วครับ

3. The Complete 2020 Web Development Course – Build 15 Projects

คอร์สนี้เป็นคอร์ส Web Development ของ Development Island เราปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่าคอร์สนี้น่าสนใจมาก เพราะน่าจะเป็นคอร์สที่ละเอียดและครอบคลุมเนื้อหามากที่สุดเลยก็ว่าได้

สิ่งที่คุณจะได้เรียนจะเป็นแนวทาง Project-based หรือว่าคุณจะเรียนผ่านการทำโปรเจคที่มากมายถึง 15 ชิ้นด้วยกัน โดยคุณจะได้เรียนเนื้อหาต่อไปนี้

  • HTML
  • CSS ตั้งแต่ระดับเบื้องต้นไปจนถึงระดับสูงด้วยการใช้งานกับ Flexbox, Grid และ SASS
  • JavaScript
  • JQuery (ละเอียดมากถึง 5 ชม)
  • Bootstrap
  • ES6 (New JavaScript)
  • Node.js และ Command Line
  • Git และ Github
  • ลอง deploy app ไปยัง Heroku
  • PHP และ MySQL
  • สร้าง app โดยใช้ JQuery Mobile
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ภายในโปรเจค 15 ชิ้นนั้นมีหลายชิ้นที่น่าสนใจและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเกมหั่นผลไม้ app นับเวลา เว็บไซต์คณิตศาสตร์และอื่นๆ อีกมากมายครับ นอกจากนี้คุณยังได้ทำกิจกรรมประกอบในแต่ละบทอีกเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกัน

เนื้อหาของคอร์สนี้มากถึง 90 ชั่วโมง ส่วนคะแนนรีวิวได้ไปถึง 4.5/5.0 จากนักเรียนกว่า 23,600 คนครับ

4. Python and Django Full Stack Web Developer Bootcamp

คอร์ส Full Stack Developer ที่จัดทำโดย Jose Portilla เทรนเนอร์ที่มีประสบการณ์การสอนผู้สนใจในสายงาน Data Science มานานนับสิบปี โดยเฉพาะในบริษัทต่างๆ อาทิเช่นสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Credit Suisse บริษัทประกันระดับโลกอย่าง Cigna รวมไปถึงบริษัท Consulting อย่าง McKinsey ครับ

สำหรับคอร์สนี้จะนำเสนอสิ่งที่แตกต่างนั่นก็คือจะใช้ Python และ Django แทนที่จะเป็น Node.js และ MongoDB ใน Backend ครับ สิ่งที่ผู้สอนจะสอนคุณในคอร์สนี้คือ

  • Basics of Web Development – HTML, CSS, JavaScript ในส่วนนี้ผมขอย่อนะครับ เพราะไม่ต่างจากคอร์สทั้ง 2 ด้านบนมากนัก
  • JQuery และ DOM (Document Object Model)
  • Python – Numbers, Strings, Lists, Dictionaries, Functions ฯลฯ
  • Object Oriented Programming in Python
  • Django Basics
  • Django Templates, Forms, Filters
  • CBVs (Class Based Views)
  • REST API
  • User Authentication
  • และอื่นๆ อีกมากมาย

ในส่วนของคอร์สนี้คุณจะได้ทำโปรเจคดีๆ อีกเช่นเคย ซึ่งจะใช้ทักษะทั้งหมดที่คุณได้ร่ำเรียนไป รวมทั้งหมดแล้วจะมีเนื้อหาทั้งหมด 32 ชั่วโมงให้คุณได้เรียนครับ ส่วนคะแนนรีวิวก็ได้ไปถึง 4.5/5.0 จากนักเรียนกว่า 132,000 คน

นอกจาก 4 คอร์สนี้แล้ว Udemy ยังมีคอร์ส Full Stack Developer ที่น่าสนใจอีกมากมาย ดังนั้นถ้าคุณอยากลองดูตัวเลือกอื่น ดูได้ที่ Full Stack Web Development Courses ครับ

Coursera

คอร์สที่ 5-6 อยู่ในแพลตฟอร์มของ Coursera

5. Full-Stack Web Development with React Specialization

คอร์สแรกจัดทำโดย The Hongkong University of Science and Technology โดยตัวคอร์สจะเน้นไปที่การสร้าง Web/Mobile Apps เป็นหลัก อย่างไรก็ดีคอร์สนี้จะไม่มีการสอน HTML, CSS และ JavaScript ดังนั้นคุณต้องจะมีความรู้ดังกล่าวมาก่อนครับ

คอร์สนี้จะประกอบไปด้วยคอร์สย่อย 4 คอร์สได้แก่

  • Front-End Web UI Frameworks and Tools: Bootstrap 4 – เรียนและทำความเข้าใจ Bootstrap 4 และส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น Grids และ Responsive Design, Bootstrap CSS, CSS Preprocessors ฯลฯ
  • Front-End Web Development with React – เรียนการใช้งาน React และการพัฒนา application ต่างๆ รวมไปถึง Redux และการใช้งาน REST API อย่างละเอียด
  • Multiplatform Mobile App Development with React Native – เรียนการใช้งาน React Native ในการสร้าง app บน iOS และ Android
  • Server-side Development with NodeJS, Express and MongoDB – คอร์สเรียนทุกอย่างที่เกี่ยวกับฝั่ง Backend โดยเน้นไปที่ Node.js, Express และ MongoDB

จุดเด่นของหลักสูตรนี้คือโปรเจคที่จะปิดท้ายในแต่ละคอร์ส แต่ละโปรเจคคุณจะได้สร้าง app แบบสมบูรณ์ที่สามารถใช้งานได้จริง ซึ่งจะช่วยพัฒนาทั้งทักษะและ Portfolio ของคุณครับ ระยะเวลาที่ใช้ในการเรียนจะอยู่ที่ 4 เดือน ถ้าคุณเรียน 9 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ครับ

ในส่วนของค่าเรียนจะอยู่ที่ $49 หรือประมาณ 1,470 บาทต่อเดือน

Edureka

คอร์สที่ 6 อยู่ในแพลตฟอร์มของ Edureka

Edureka เป็นสถาบันเรียนออนไลน์ระดับพรีเมียมที่เน้นสอนทักษะทางด้านเทคโนโลยีโดยตรง จุดแข็งของ Edureka คือการสอนเนื้อหาทั้งหมดแบบสดทางออนไลน์ นั่นแปลว่าคุณจะได้เนื้อหาที่สดใหม่และรับต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม คุณเองก็สามารถไต่ถามสิ่งที่สงสัยกับครูได้แบบ Real-time ครับ

สำหรับใครที่อยากจะเป็น Full Stack developer แล้ว ทาง Edureka มีคอร์สที่เรียกว่า Full Stack Web Developer Masters Program ให้คุณได้เรียนครับ

6. Full Stack Web Developer Masters Program

ในการจัดทำคอร์สนี้ทาง Edureka ได้สอบถามบริษัทต่างๆ และสำรวจตลาดงานในสายงาน IT มาอย่างละเอียดเพื่อที่จะสร้างคอร์สที่เกิดประโยชน์ และเป็นที่ต้องการของตลาดมากที่สุด ดังนั้นคุณมั่นใจได้เลยว่าคอร์สของ Edureka จะช่วยเสริมทักษะที่ใช้งานได้จริงให้กับคุณอย่างแน่นอน

ครูผู้สอนของ Edureka เองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการเป็น developer มานานกว่า 10 ปีและเคยสอนนักเรียนมาแล้วมากมายครับ

สิ่งที่คุณจะได้จากคอร์สนี้คือ

  1. Web Development Certification Training – คอร์สนี้จะสอนทักษะทางด้าน Front-End ไม่ว่าจะเป็น HTML5, CSS3, Bootstrap 3, jQuery, Google API และคุณจะได้ลอง deploy เว็บไซต์ของคุณลงบน Amazon S3 ครับ คอร์สนี้มีเนื้อหา 30 ชั่วโมง
  2. jQuery UI Development – พัฒนาทักษะทางด้าน jQuery เพิ่มเติมอย่างเช่น jQuery Traversing, AJAX ฯลฯ คอร์สนี้มีความยาว 24 ชั่วโมง
  3. Angular Certification Training – พัฒนาทักษะการใช้งาน Angular 4 คอร์สนี้มีความยาว 24 ชั่วโมง
  4. Node.js Certification Training – เริ่มต้นที่ Back-End กันบ้าง ด้วยการพัฒนาทักษะการใช้งาน Node.js รวมไปถึงจะได้ลองนำไปใช้จริง คอร์สนี้มีความยาว 24 ชั่วโมง
  5. MongoDB Certification Training – พัฒนาทักษะ MongoDB ด้วยการเรียนผ่าน case studies มากมาย คอร์สนี้มีความยาว 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้คอร์ส 3-5 จะเป็นคอร์สแบบ Live Class หมายความว่าคุณสามารถเรียนสดได้กับครูผู้สอนทางออนไลน์ และสอบถามสิ่งที่ข้องใจได้ แต่ถ้าคุณไม่อยากเรียนสด จะไล่เรียนแบบ video ก็ได้เหมือนกันครับ การเรียนกับ Edureka ไม่ต้องรีบอะไรเพราะว่าคอร์สเป็นแบบซื้อขาดตลอดชีพครับ

5 คอร์สนี้เป็นคอร์สหลักที่คุณจะได้เรียน แต่คุณยังจะได้อีก 3 คอร์สเสริมได้แก

  • ReactJS with Redux Certification Training – สอนการใช้งาน React, Redux, React Native คอร์สนี้มีเนื้อหายาว 30 ชั่วโมง
  • PHP & MySQL with MVC Frameworks Certification – สอน PHP และ MySQL คอร์สนี้ทาง Edureka ไม่ได้ให้ข้อมูลจำนวนชั่วโมง แต่ถ้าผมดูจากจำนวนเนื้อหาใน Curriculum แล้ว คิดว่าน่าจะประมาณ 20 ชั่วโมงขึ้นไปครับ
  • Git and Github – สอนการใช้งาน Git ใน OS ต่างๆ คอร์สนี้จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 ชั่วโมงขึ้นไป

รวมทั้งหมดแล้วเนื้อหาของ Edureka จะใช้เวลามากกว่า 200 ชั่วโมงในการเรียนให้จบ จริงๆ แล้วคุณอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านั้นอีก เพราะว่าก่อนที่คุณจะจบคอร์สใดคอร์สหนึ่งได้ คุณจะต้องผ่านการประเมินผลและโปรเจคต่างๆ ครับ โดยเฉพาะโปรเจคสุดท้ายอย่าง Capstone Project ซึ่งคุณจะต้องนำความรู้จากทุกคอร์สมาทำโปรเจคนี้ให้เสร็จสิ้นครับ

Edureka ให้ข้อมูลว่าโดยทั่วไปแล้วนักเรียนจะใช้เวลาประมาณ 21 สัปดาห์ในการผ่านหลักสูตรและได้รับประกาศนียบัตรว่าเป็น Full Stack Developer แต่จริงๆ แล้วคุณจะใช้เวลานานแค่ไหนก็ได้ เพราะคอร์สของ Edureka เป็นแบบซื้อขาด หมายความว่าคุณกลับมาเรียนกี่รอบกี่ได้ไปตลอดชีพครับ

อย่างไรก็ดีข้อเสียของ Edureka ที่พบกันคือ ผู้เรียนบางคนมีปัญหากับสำเนียงของครูผู้สอน ผมเลยแนะนำว่าคุณควรลองเรียนคลาสที่เรียนฟรีจากคลิปใน Youtube ด้านล่างก่อน (ความยาว 3 ชั่วโมง) ถ้าเรียนแล้วไม่มีปัญหาถึงจะตัดสินใจสมัครครับ แต่ถ้าสมัครไปแล้วไม่ชอบ สามารถขอคืนเงินได้ในเวลา 3 วันครับ

สำหรับเรื่องค่าใช้จ่ายแล้ว คอร์ส Full Stack Web Developer Masters Program จะอยู่ที่ $999 หรือประมาณ 30,000 บาท ซึ่งถือว่าลดราคามามากกว่า 50% ถ้าเทียบกับการลงคอร์สทั้ง 8 แบบเดี่ยวๆ ครับ

Simplilearn

Simplilearn เป็นสถาบันสอนทักษะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงมากอีกแห่งหนึ่ง รูปแบบการเรียนจะคล้ายกับ Edureka นั่นคือเป็นแบบสอนสด โดยคอร์สที่เกี่ยวข้องและน่าสนใจได้แก่ คอร์ส Full Stack Web Developer – MEAN Stack ครับ

7. Full Stack Web Developer – MEAN Stack

MEAN ในที่นี้คือหนึ่งใน Stack ยอดนิยมของเหล่า Full Stack Developer ครับ โดยจะประกอบด้วย

  • MongoDB
  • Express.js
  • Angular
  • Node.js

ทักษะการใช้งานทั้ง 4 จะเป็นทักษะหลักที่คุณจะได้เรียน แต่ไม่ใช่ว่าคุณจะได้เรียนแค่ 4 ทักษะนี้เท่านั้น ภายในคอร์สยังมีการสอน GIT, HTML, CSS และ JavaScript ให้คุณ พร้อมกับการทำโปรเจคอย่างมากมายที่คุณจะได้ประยุกต์ใช้ความรู้ที่เรียนมาในสถานการณ์จริงอย่างเช่น E-commerce web application หรือ food delivery app ครับ

Simplilearn

วิธีการเรียนคอร์สนี้จะผสมผสานกันระหว่างการเรียนสดๆ ทางออนไลน์กับครูผู้สอน และเรียนตาม video รวมแล้วจะมีเนื้อหามากถึง 270 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนโปรเจคที่มีให้ทำนั้นมีมากเกือบถึง 20 โปรเจคเลยครับ ในทุกคลาสและโปรเจค คุณจะได้รับการประเมินอย่างเข้มงวด เพื่อที่คุณจะได้ความรู้และทักษะในการเป็น Full Stack Developer ไปอย่างแท้จริงครับ

หลังจากคุณผ่านทุกอย่าง คุณจะได้รับประกาศนียบัตรจาก Simplilearn ครับ แต่การจะผ่านได้บอกเลยว่าไม่ง่าย มีนักเรียนหลายคนที่ส่งโปรเจคที่ครูให้ตก ถ้าเกิดกรณีนั้นขึ้นมา คุณจะต้องไปทำใหม่ครับ โดยมีโอกาสแก้ตัว 3 ครั้งครับ

สำหรับคอร์สเรียนสดนั้นจะมีสอนตั้งแต่ 21.00-1.00 น ตามเวลาประเทศไทย ทำให้ไม่เหมาะกับหลายๆ คนเท่าไร แต่ว่าคุณสามารถดาวน์โหลดเนื้อหามาเรียนย้อนในแพลตฟอร์มได้ครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลต้องคุณขาดเรียนหรือว่าติดธุระ ฯลฯ

ในเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าเรียนจะอยู่ที่ $1299 หรือว่าประมาณ 39,000 บาทต่อ 12 เดือน นั่นหมายความว่าถ้าคุณไม่ต้องการจ่ายค่าเรียนเพิ่ม คุณจะต้องเรียนให้ครบและผ่านการประเมินในเวลา 1 ปี เพราะหลังจากนั้นคุณจะเข้าถึงเนื้อหาไม่ได้อีกเลย โดยส่วนตัวผมจึงมองว่า Edureka แฟร์กว่าเพราะให้เรียนตลอดชีพครับ

Stack ยอดนิยมอื่นๆ

สำหรับ “Stack” ที่ผมแนะนำไปด้านบนนั้นเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น คุณอาจจะสนใจ Stack อื่นๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในบทความเหล่านี้ครับ

  • MEAN/MERN Stack – หนึ่งใน Stack ที่ได้รับความนิยมสูง โดยจะเน้นไปที่การใช้งาน MongoDB สำหรับ Database, Express.js และ Node.js สำหรับ Backend และ React.js/Angular สำหรับ Front End ครับ

ในส่วนนี้ผมยังเขียนได้ไม่ครบทุก stack ดังนั้นจะทยอยอัพเดตตามลำดับครับ

จัดคอร์ส Full Stack Developer เอง

อย่างไรก็ดีปัญหาของคอร์ส Full Stack Developer มีอยู่อย่างหนึ่งคือ บางครั้งผู้เรียนจะรู้สึกว่าเนื้อหาในคอร์สรวบรัดเกินไป ทำให้ยังไม่เข้าใจเนื้อหาจำนวนมากในแต่ละภาษาหรือว่า Framework แต่ละตัวได้ดีพอ หรือพูดง่ายๆ คุณจะ “รู้กว้าง” แต่ไม่ “รู้ลึก” นั่นเอง

ดังนั้นทางเลือกที่น่าสนใจก็คือคุณซื้อคอร์สของแต่ละภาษาหรือ framework แยกกัน และทยอยเรียนตามลำดับ ซึ่งจะเป็นการจัดคอร์ส Full Stack Developer ของคุณเอง แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายจะสูงกว่า ใช้เวลามากกว่า แต่เนื้อหาที่คุณได้จะมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ และในระยะยาวแล้วคุณจะเป็นนักพัฒนาที่เก่งกว่านั่นเอง

ด้านล่างผมได้เขียนบทความที่รวบรวมคอร์สออนไลน์ชั้นยอดของแต่ละทักษะไว้แล้ว คุณก็เพียงแค่เข้าไปอ่านและเลือกคอร์สที่น่าสนใจแล้วก็นำมารวมกันเพื่อจัด Stack ของคุณเอง โดยคุณอาจจะหยิบยืม Stack ที่ได้รับความนิยมสูงอย่างเช่น MEAN Stack, MEVN Stack หรือ MERN Stack มาเป็นพื้นฐานก็ได้ หรือว่าจะจัด Stack ตามความต้องการของคุณเองทั้งหมดเลยก็ได้ครับ

หรืออีกทางหนึ่ง คุณอาจจะเลือกเฉพาะคอร์สสอน framework ที่คุณไม่ถนัดนัก แล้วเรียนเสริมไปตามรายทักษะเพื่อปิดจุดอ่อนดังกล่าวก็ได้

ยกตัวอย่างเช่นคุณอาจจะเรียนคอร์ส Full Stack Developer ไปแล้ว แต่พบว่ายังไม่ค่อยเข้าใจ Node.js เท่าไรนัก เพราะเนื้อหาในคอร์สดังกล่าวสั้นและรวบรัดเกินไป ดังนั้นคุณอาจจะซื้อคอร์ส Node.js จากในลิงค์ด้านล่างที่มีเนื้อหาอีก 40.5 ชั่วโมงเพื่อเรียนเสริมไปก็ได้ครับ

Front End

  • HTML & CSS – หัวใจสำคัญของการสร้างเว็บไซต์และ Web Apps ทั้งในการวางโครงสร้างและทำให้เว็บไซต์มีหน้าตาสวยงาม
  • JavaScript – อีกหนึ่งภาษาที่เป็นแกนหลักในการสร้างเว็บไซต์และ Web Apps (ใช้งานได้ทั้ง Front End และ Back End) นักพัฒนาจะขาด JavaScript ไม่ได้เช่นเดียวกับ HTML และ CSS
  • jQuery – Library ยอดนิยมอันดับหนึ่งที่ไม่มีตัวไหนเทียบได้
  • React.js – Web Framework ของ JavaScript ที่ได้รับความนิยมสูงมากตัวหนึ่ง ใช้เป็นพื้นฐานในการสร้าง Web Apps คุณภาพสูง
  • React Native – Framework ต่อยอดจาก React ถูกใช้ในการสร้าง Mobile apps แบบ cross platform จำนวนมากมาย
  • Next.js – Framework ที่เพิ่มเติมฟีเจอร์อย่าง Server Side Rendering ใน React Apps
  • Vue.js – JavaScript Framework ที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การใช้งานคล้ายกับ React นั่นคือใช้สร้าง User Interfaces และ Single Page Applications (SPA)
  • TypeScript – ภาษาที่ต่อยอดจาก JavaScript โดยมีความโดดเด่นที่ Static Typing (ตัวภาษาใข้งานใน Back end ได้เช่นกัน)
  • Angular – Framework ของ TypeScript ที่ใช้สร้าง app คุณภาพเยี่ยมแบบ Cross Platform ไม่ว่าจะเป็น Progressive Web Apps (PWAs) หรือ Native mobile apps
  • Flutter – Software Development Kit ของ Google ที่ใช้สำหรับการพัฒนา Applications สำหรับ Android, iOS

Back End

  • PHP – หัวใจหลักสำคัญของฝั่ง Backend ของเว็บไซต์ส่วนใหญ่ทั่วโลก
  • Laravel – PHP Web Framework ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด (ใช้การออกแบบแบบ MVC Pattern)
  • ASP.NET Core – Web framework แบบ Open Source ของ Microsoft
  • Node.js – Runtime environment ของ JavaScript ที่เป็นหัวใจของฝั่ง Back End
  • Java – หนึ่งในภาษา programming แบบ object-oriented ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด
  • Python – ภาษาสารพัดประโยชน์ใช้งานได้มากมาย ได้รับความนิยมสูงมากในระยะหลัง โดยเฉพาะในสาขา Data Science และ Machine Learning
  • Golang – ภาษาแบบ static-typed ที่พัฒนาโดย Google
  • Serverless Computing/Framework – การสร้าง app แบบ serverless บนแพลตฟอร์มอย่าง AWS Lambda

Database

  • SQL – หัวใจสำคัญของการจัดการและเก็บข้อมูลของ application ที่คุณสร้างขึ้นในระบบ Relational Database Management System (RDBMS)
  • MongoDB – database แบบ document-based และ cross platform ยอดนิยม

API

  • GraphQL – Query language สำหรับ API และ runtime สำหรับการ fulfill queries ในข้อมูลของคุณ ในปัจจุบันได้ขึ้นมาเป็นคู่แข่งของ REST ในการออกแบบ สร้าง และพัฒนา API

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!